กฎหมายต้องรู้ ก่อนคิดขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ 9 พ.ร.บ. ที่พ่อค้าต้องรู้ แม่ค้าต้องเข้าใจ
เมื่อวิทยาศาสตร์พัฒนาสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีให้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรา ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้เร็วขึ้น การหาข้อมูลต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว แค่ตื่นนอนมาอยากกิน หรืออยากได้อะไรก็แค่เปิดโทรศัพท์หรือแล็ปท็อป พิมพ์แล้วค้นหา สั่งเสร็จก็นอนรอที่บ้านได้เลย
การซื้อขายออนไลน์จึงได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะสามารถเข้าถึงคนจำนวนมากได้ง่ายโดยที่ลูกค้าสามารถรอรับสินค้าได้ที่บ้านเลย และการขายของออนไลน์ยังเพิ่มยอดขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าได้อีกด้วย สะดวกสบายทั้งฝั่งคนขายและคนซื้อเลยใช่ไหมละ แต่ก่อนที่จะเริ่มขายของออนไลน์ เราต้องรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยนะ
- พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499
- พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
- พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481
- พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522
- พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
- พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
- พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
- พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510
- พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
1. ขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้ ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2553 ข้อ 5 มีการกำหนดให้การซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตต้องจดทะเบียน ไม่ว่าจะมีหน้าร้านหรือไม่มีก็ตาม ซึ่งประกาศนี้มีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2554 เป็นต้นมา ดังนั้นการตั้งร้านค้าออนไลน์จึงต้องไปจดทะเบียนให้ถูกต้อง
ถ้าไม่จดจะมีโทษตามมาตรา 19 พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท และปรับไม่เกินวันละ 100 บาท จนกว่าจะไปจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
โดยไปยื่นจดทะเบียนได้ที่สำนักเขตในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่ตั้งของสำนักงานหรือตามที่อยู่ของคนขาย
หลักฐานที่ต้องเตรียม
- บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารแบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.)
- รายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์(เอกสารแนบแบบ ทพ.) กรอก 1 ใบต่อ 1 เว็บไซต์
- Print หน้าแรกของเว็บไซต์
- วาดแผนที่ตั้งการประกอบพาณิชยกิจ
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (กรณีจดในนามนิติบุคคล)
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท และสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน ให้เตรียม…
- หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่หรือสัญญาเช่า
- สำเนาบัตรประจำตัวเจ้าของสถานที่และสำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารสิทธิ์ที่แสดงว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
2. ขายของออนไลน์ นำเข้าข้อมูลเท็จ หลอกลวง มีความผิด
การขายของออนไลน์นอกจากจะต้องการผลกำไรแล้วยังต้องมีความจริงใจกับลูกค้าอีกด้วย เพราะสิ่งนี้เองที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนร้านของเราไปเรื่อย ๆ การหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อโดยนำเข้าข้อมูลเท็จ หลอกลวง หรือทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย นอกจากจะเป็นการทำร้ายลูกค้า ทำให้ยอดขายตกเมื่อมีคนรู้ความจริงแล้วยังมีโทษอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทด้วยนะ
3. ขายของออนไลน์ ต้องยื่นภาษีให้ถูกต้อง
การยื่นภาษีเป็นหน้าที่ของทุกคนตามพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481 มาตรา 56 ซึ่งรายได้จากการขายออนไลน์จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 ดังนั้น ถ้ามีเงินได้จากการขายของ พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ต้องยื่นภาษีและทำบัญชีอย่างรอบคอบเพื่อยื่นภาษีทั้งกลางปี (ภ.ง.ด.94) และสิ้นปี (ภ.ง.ด.90) ให้ถูกต้องด้วยนะ
เพราะสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ภาษีที่ต้องจ่าย บางครั้งหักค่าลดหย่อนไปแล้วอาจไม่ต้องจ่ายภาษีเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่ยอมยื่นแล้วสรรพากรตรวจสอบย้อนหลังอาจจะได้จ่ายหนักกว่าเดิมจนธุรกิจที่ทำอยู่ล้มทั้งยืนเลยก็ได้ ซึ่งมีการกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ดังนี้
- มาตรา 27 ไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน โดยที่เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี
- มาตรา 22 หากมีกรณีให้สงสัยว่ายื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องตามความจริง เจ้าพนักงานมีสิทธิ์ออกหมายเรียกเพื่อให้นำบัญชี เอกสาร หลักฐานที่เชื่อถือได้ไปชี้แจง หากพบว่าไม่ถูกต้อง หรือไม่ยอมปฎิบัติตามคำสั่งจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ
- มาตรา 26 หากไม่ยื่นแบบแสดงรายการ เจ้าพนักงานตรวจสอบสามารถออกหมายเรียก เพื่อให้ชี้แจง ประเมินเงินภาษีที่ต้องจ่าย หากไม่ยอมจ่ายหรือไม่ยอมปฎิบัติตามคำสั่งจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ
- มาตรา 35 ไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- มาตรา 37 กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จ หรือฉ้อโกงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
- มาตรา 37 ทวิ กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. ขายของออนไลน์ ต้องไม่โฆษณาเกินจริง
การขายของออนไลน์เป็นการติดต่อกับผู้บริโภคและมีผลต่างๆ กับผู้บริโภคโดยตรง และยังมีผลกับสังคมส่วนรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การขายของออนไลน์จึงต้องอยู่ภายใต้การบังคับของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 โดยไม่โฆษณาเกินจริง สินค้าได้มาตรฐาน มีฉลากถูกต้อง ไม่เป็นอันตรายกับลูกค้าและไม่สร้างผลเสียให้กับสังคม เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจได้รับโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522
มาตรา 47 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำผิดซ้ำอีก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำท้ังปรับ
5. ขายของออนไลน์ ต้องแจ้งราคาให้ชัดเจนและไม่ตัดราคา
การขายของจะต้องมีความเป็นธรรมกับลูกค้า ด้วยการแสดงราคาขายทุกครั้งตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 70 พ.ศ. 2563 เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้า โดยที่ราคาขายและราคาที่แสดงต้องเท่ากัน แจ้งราคาไว้ 100 บาท แต่ขายจริง 120 บาทแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าหากไม่ยอมแสดงราคาให้ถูกต้องจะมีโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
มาตรา 40 ผู้ใดไม่แสดงราคาหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กําหนดตามมาตรา 28 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
และความเป็นธรรมกับเพื่อนร่วมอาชีพก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการค้าขายขึ้นอยู่กับกลไกของตลาด ถ้ามีการตัดราคากันหรือเพิ่มราคาจนสูงลิบลิ่ว ก็จะทำให้มีผลกระทบในวงกว้างได้ การกำหนดราคาให้อยู่ในช่วงราคาที่พอเหมาะกับกลุ่มลูกค้า ต้นทุน และอื่น ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีการกำหนดเอาไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29 ห้ามให้ผู้ประกอบธุรกิจทำสิ่งที่จงใจที่จะทําให้ราคาตํ่าเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทําให้เกิดความปั่นป่วนของราคาของสินค้าหรือบริการใด หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางอาญาตามมาตรา 41 จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. ขายของออนไลน์ ต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่น
ใครใคร่ค้าค้า ใครใคร่ขายขาย แต่การเอาของมาขายต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของคนอื่นด้วยนะ เพราะกว่าจะสามารถคิด ออกแบบ สินค้าหรืองานต่าง ๆ ออกมาได้ ต้องมีขั้นตอนที่ยาวนาน รวมถึงต้องใช้ทั้งแรงกายและความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานออกมา การไปเอาไอเดียของคนอื่นมาขายหาเงินเข้าตัวเองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเลย
ซึ่งตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มีการกำหนดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์ผลงาน และขอบเขตที่ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ได้ และการนำมาค้าขาย หาประโยชน์จำเป็นต้องมีการอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน ถ้าทำการละเมิดเจ้าของลิขสิทธิ์จะมีโทษตามมาตรา 70 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ จําคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 400,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
7. ขายของออนไลน์ โดนโกงใช้แชทเป็นหลักฐานได้
ขายของอยู่ดีดี ลูกค้าสั่งซื้อของตามปกติ ส่งของให้แล้วลูกค้าไม่จ่ายเงิน หรือมีมิจฉาชีพใช้กลโกงเอารูปสินค้าในร้านไปโพสต์ขายแล้วให้คนอื่นโอนเงินมาให้เราแทน วันดีคืนดีก็มีหมายเรียกจากตำรวจมาที่บ้าน ส่วนคนโกงก็ได้ของไปใช้แบบฟรี ๆ สิ่งที่จะช่วยได้คือหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในช่องแชท การประกาศขายบนช่องทางโซเชี่ยลต่าง ๆ
เพราะหลักฐานเหล่านี้มีสถานะทางกฎหมายเหมือนการทำเป็นหนังสือบนกระดาษ สามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ในกรณีที่เกิดปัญหาต้องการฟ้องศาลก็สามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้
8. ขายของออนไลน์ ห้ามขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต
การซื้อขายยาผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับการซักถามประวัติจากเภสัชกรเป็นเรื่องที่อันตรายกับคนซื้อยาไปใช้ ผลกระทบอาจเกิดขึ้นทันทีทันใด หรือมีการใช้ไปสักระยะแล้วเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาผิดก็ได้ ซึ่งการขายยาที่ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้านต้องมีใบอนุญาตตามมาตรา 12 และห้ามขายนอกที่ทำการตามมาตรา 19 พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 การขายยาบนอินเทอร์จึงเป็นการขายนอกสถานที่ ขายไม่ได้เด็ดขาดนะ และโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษทางอาญาด้วย…
- ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- ขายยานอกสถานที่มีโทษปรับตั้งแต่ 2,000 – 5,000 บาท
- โฆษณายาโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท
9. ขายของออนไลน์ ต้องมีใบอนุญาตขายอาหาร
อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นต่อการดำรงชีวิต ใคร ๆ ก็ต้องกินถ้าไม่ทำเองก็ต้องซื้อ การขายอาหารไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์จึงต้องมีการขออนุญาต ซึ่งมีการกำหนดไว้ในมาตรา 14 และมาตรา 15 พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 โดยใบอนุญาตมีอายุถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ 3 นับตั้งแต่ปีที่ออกใบอนุญาต ใครมีใบอนุญาตหรือกำลังจะไปขอใบอนุญาตต้องเช็คปีให้ดีด้วยนะ และการขายอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษทางอาญาตามมาตรา 53 มีโทษจําคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วยนะ
#ขายของออนไลน์ โดนโกงทำยังไงดี
รู้หน้าไม่รู้ใจเป็นสิ่งที่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะกับการซื้อขาย ที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ บางครั้งคนโกงอาจไม่ได้ต้องการเงินแต่อยากได้ของไปแทน เลยมีกลโกง เพื่อฉ้อโกงหลากหลายรูปแบบมาหลอกพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ บอกจะจ่ายก็ไม่จ่าย ซึ่งการเอาของไปแล้วไม่จ่ายเงินเป็นได้ทั้งการฉ้อโกงมีความผิดอาญา หรือเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งก็ได้ ขึ้นอยู่กับเจตนาของคนทำว่าตั้งใจโกงแต่แรกหรือเปล่า
การฉ้อโกงผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ โดยมีอายุความ 3 เดือน หรือฟ้องศาลด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจรายละเอียดต่าง ๆ ว่าเป็นการถูกฉ้อโกงหรือผิดสัญญาทางแพ่ง การขอคำปรึกษาจากพนักงานสอบสวน หรือขอให้ทนายความช่วยดูรายละเอียดของคดีว่าสามารถดำเนินการยังไงได้บ้าง ก็จะทำให้การดำเนินคดีเป็นไปได้รวดเร็วมากขึ้น
รู้หรือไม่?! ยื่นฟ้องต่อศาลโดยตรงได้ จะทำให้เรื่องถึงชั้นศาลได้เร็วขึ้น
JusThat เริ่มต้นที่ 500 บาท บริการส่งฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา
แอดไลน์ @justhatapp หรือคลิกที่นี้ 👉 https://line.me/R/ti/p/%40959rpari
เช็คโอกาสชนะและค่าใช้จ่าย
หากต้องการ ส่งฟ้องได้ทันที
#JusThat #กฎหมาย