/th/promotion/pages/debenture-cpf1-66.aspx

วันนี้ - 1 ธ.ค. 2566

หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 เสนอขาย 28 พ.ย. - 1 ธ.ค. 2566

ชนิดหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัทซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดและมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ

จุดเด่น

  • ซีพีเอฟดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ และการผลิตอาหาร บริษัทมีการดำเนินธุรกิจครอบคลุม 17 ประเทศ และส่งออกสินค้าไปมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
  • บริษัทเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ที่เรารู้จักกันดีในนาม “ครัวของโลก”
  • บริษัทเคยออกหุ้นกู้มาแล้ว 60 ชุด ตั้งแต่ปี 2547 และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี*

* ข้อมูลจาก www.thaibma.or.th ณ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566

วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้

  1. เพื่อชำระคืนหนี้ ไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2567
  2. เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มซีพีเอฟ ไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2567

คำเตือนและความเสียงที่สำคัญ

  • บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ โดย ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 0.79 เท่า อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.80 เท่า และอัตราส่วนในการชำระภาระผูกพันอยู่ที่ 0.23 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัท มีสภาพคล่องที่ยังสามารถชำระดอกเบี้ยได้แต่อาจไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้เงินต้นและภาระผูกพัน
  • ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจำนวน 499,098 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79 ของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งหมด และบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 1.90 เท่า
  • ผลตอบแทนสูง แต่ความเสี่ยงและความซับซ้อนก็สูงกว่าหุ้นกู้ปกติด้วยเนื่องจากมีลักษณะคล้ายทุน โดยระดับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 7 จากความเสี่ยง 8 ระดับ ซึ่งสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไปที่มีระดับความเสี่ยงอยู่ระหว่าง 1 – 5
  • ผู้ลงทุนอาจได้รับดอกเบี้ยล่าช้า ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนลดลง เนื่องจากผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการเลื่อนชำระดอกเบี้ย (ทั้งงวดปัจจุบันและงวดค้างชำระ) โดยไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้ง รวมถึงไม่มีการจ่ายผลตอบแทนบนดอกเบี้ยค้างชำระ
  • หุ้นกู้ไม่มีกำหนดอายุที่แน่นอน ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับชำระคืนเงินต้นจนกว่าบริษัทจะเลิกกิจการหรือจนกว่าบริษัทจะใช้สิทธิไถ่ถอนตามเงื่อนไขในข้อกำหนดสิทธิ โดยบริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไถ่ถอนเมื่อครบ 5 ปีและผู้ลงทุนไม่มีสิทธิเรียกร้องให้บริษัทไถ่ถอนก่อนกำหนด ดังนั้นผู้ลงทุนจะไม่สามารถทราบได้แน่ชัด ว่าจะได้เงินต้นคืนเมื่อใด รวมถึงอาจไม่สามารถนำเงินดังกล่าวไปลงทุนต่อในตราสารอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนเท่ากับหรือดีกว่าหุ้นกู้นี้ได้เมื่อบริษัทตัดสินใจไถ่ถอน ซึ่งส่งผลให้วางแผนการลงทุนได้ยากกว่าปกติ
  • หุ้นกู้ประเภทนี้มีสภาพคล่องในตลาดรองต่ำ จึงอาจไม่สามารถขายได้ในราคาและ/หรือช่วงเวลาที่คาดหวังและ/หรืออาจไม่สามารถขายได้เลย
  • มีโอกาสไม่ได้รับชำระดอกเบี้ยหรือไม่ได้รับเงินต้นคืนในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการแล้วมีทรัพย์สินเหลือไม่เพียงพอชำระหนี้ตามหุ้นกู้นี้ เนื่องจากหุ้นกู้นี้มีสถานะด้อยสิทธิ ผู้ถือหุ้นกู้นี้จะได้รับชำระหนี้หลังจากเจ้าหนี้บุริมสิทธิ เจ้าหนี้สามัญ และผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัท (แต่ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ)
  • ข้อกำหนดสิทธิไม่มีข้อจำกัดในการก่อหนี้สินเพิ่มเติม รวมถึงไม่มีเงื่อนไขเรื่องการผิดนัดไขว้ หากบริษัทมีการผิดนัดชำระหนี้อื่นหรือล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้นี้จะไม่สามารถเรียกร้องให้บริษัทต้องชำระคืนหนี้ภายใต้หุ้นกู้นี้ รวมถึงอาจไม่ได้รับดอกเบี้ยหากบริษัทขาดสภาพคล่องจากการชำระหนี้ให้เจ้าหนี้อื่น
  • ดอกเบี้ยปรับทุก 5 ปี ซึ่งอาจมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าดอกเบี้ยตั้งต้นก็ได้ โดยจะแปรผันตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีในเวลานั้น
  • ผู้ออกหุ้นกู้มีความเสี่ยงของธุรกิจ เช่น (1) ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (2) ความเสี่ยงจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูงจากการดำเนินงานและการซื้อกิจการ และ (3) ความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้
  • บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 3 ไตรมาสต่อเนื่องในปี 2566 โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขาย 144,498 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิในส่วนของบริษัทจำนวน 1,810 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลัก 3 ประการได้แก่ (1) ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น (2) ภาวะเศรษฐกิจที่กระทบกำลังซื้อในประเทศต่างๆ และ (3) ราคาสุกรที่ลดลง (ส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรอย่างผิดกฎหมาย)
  • สินค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ มีความผันผวนสูงตามราคาตลาด
  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจได้รับดอกเบี้ยหรือเงินต้นไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย
  • หากลูกค้าต้องการขายก่อนครบกำหนด ให้ติดต่อธนาคารพาณิชย์/บริษัทหลักทรัพย์เพื่อให้หาผู้ซื้อให้ (ธนาคาร/บล.อาจมิได้รับซื้อไว้เอง) แต่ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งทำให้ขายไม่ได้ในทันที และ/หรือ อาจไม่ได้ราคาเท่ากับที่ซื้อมาหรือไม่ได้ราคาที่ต้องการโดยขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและความต้องการของตลาดในขณะนั้น หรืออาจจะไม่สามารถหาผู้ซื้อได้เลยก็ได้ กรณีขายได้กำไร กำไรที่ได้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 ตามหลักเกณฑ์กรมสรรพากร
อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท A+

อันดับความน่าเชื่อถือของ
บริษัท A+

A- (tha)

อันดับความน่าเชื่อถือของ
หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ A-

Negative

แนวโน้มเครดิต
“Negative”

ระดับความเสี่ยง 3

จากความเสี่ยง 8 ระดับ
เทียบกับหุ้นกู้อื่นๆ โดยทั่วไป
ที่ระดับความเสี่ยงอยู่ระหว่าง 1-5

จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้
โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566

เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป
จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้

ช่องทางการจองซื้อ

เปิดจองซื้อผ่านเว็บไซด์ K-My Invest เปิดจองซื้อผ่านเว็บไซด์ K-My Invest  

หมายเหตุ

การจองซื้อผ่านสาขาธนาคารฯ สามารถจองซื้อ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ของวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ถึง 15.30 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566 หรือตามดุลยพินิจของธนาคารฯ

การจองซื้อผ่านสาขาของธนาคารฯ สามารถเลือกชำระได้ 2 วิธี ได้แก่

  1. เงินสด/ตัดบัญชี : วันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ในเวลาทำการของสาขา
  2. เช็ค/แคชเชียร์เช็ค/ดร๊าฟท์ : ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ของวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ถึงภายใน 12.00 น. ของวันที่ 30 พฤศจิกายนพ.ศ. 2566 หรือเวลาปิดรับเช็คเคลียร์ริ่งของแต่ละสาขาเท่านั้น และต้องลงวันที่ไม่เกินวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 โดยเช็คต้องสั่งจ่าย “บัญชีจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ครั้งที่ 1/2566” (**วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ไม่รับเช็คทุกชนิด)

สอบถามเพิ่มเติมที่

K-contact Center:
tel 02-8888888 กด 819

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

หนังสือชี้ชวน : https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=545952

คำเตือน

ทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

หมายเหตุ

การมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 มิได้เป็นการแสดงว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรองถึงความถูกต้องของข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว และมิได้ประกันราคาหรือผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่เสนอขายนั้น

คำถามที่พบบ่อย

หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนนี้ มีจุดแตกต่างที่สำคัญจากหุ้นกู้ทั่วไปอย่างไร
  • เป็นหุ้นกู้ที่ ไม่มีกำหนดอายุ ต้องลงทุนยาวจนกว่าบริษัทจะเลิกกิจการ ยกเว้นบริษัทขอไถ่ถอนก่อนกำหนด โดยบริษัทมีสิทธิไถ่ถอนได้หลังจากครบ 5 ปี
  • บริษัทมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยได้ไม่จำกัด
  • ถ้าบริษัทล้มละลายหรือเลิกกิจการ จะได้รับชำระหนี้หลังเจ้าหนี้สามัญ (แต่ได้รับก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ)
  • ไม่มีเงื่อนไข cross default ดังนั้นหากบริษัทผิดนัดชำระหนี้อื่น ผู้ลงทุนจะไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ต้องให้ชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นของหุ้นกู้นี้ไปด้วย
ใครซื้อหุ้นกู้นี้ได้บ้าง

เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป (ไม่รวมถึงบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้เยาว์ คือ คนที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ในวันจองซื้อ)

จองซื้อผ่านช่องทางไหนได้บ้าง

สำหรับหุ้นกู้ที่ซับซ้อน/เสี่ยงสูงอย่างหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน จะเปิดจองซื้อผ่านช่องทางสาขาเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าได้ข้อมูลที่ครบถ้วน (ไม่มีช่องทาง Online)

เอกสารประกอบการจองซื้อมีอะไรบ้าง

กรณีบุคคลธรรมดา:

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือ บัตรที่ราชการออกให้ต้องแนบสำเนาทะเบียนบ้านด้วย (กรณีเป็นคนต่างชาติ แนบสำเนาหนังสือเดินทาง/สำเนาใบต่างด้าว/สำเนาใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และต้องมี Tax ID)
  • สำเนาสมุดบัญชีรับดอกเบี้ยหุ้นกู้ (บัญชีธนาคารใดก็ได้ แต่ต้องเป็นชื่อเดียวกับผู้จองซื้อ และไม่ใช่บัญชีร่วม)

กรณีนิติบุคคล:

  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม
  • สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 3 เดือน) หรือสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้ง (แล้วแต่ประเภทของนิติบุคคล)
จองซื้อผ่านสาขาสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการจองซื้อแทนได้ หรือไม่

ผู้จองซื้อสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการจองซื้อแทนได้ เฉพาะกรณีเป็นลูกค้า KBank ที่เคยทำ KYC/CDD และ suitability test (กับ KBank และอายุไม่เกิน 2 ปี) โดยต้องมีเอกสารมอบอำนาจอย่างถูกต้อง โดยผู้จองซื้อจะต้องแนบเอกสารประกอบการจองซื้อเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้รับมอบอำนาจยื่นต่อตัวแทนจำหน่ายหุ้นดังต่อไปนี้

  1. หนังสือมอบอำนาจฉบับจริง ที่ลงนามถูกต้องครบถ้วนพร้อมปิดอากรแสตมป์ 30 บาท
  2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ (แล้วแต่กรณี) ของผู้มอบอำนาจ พร้อมลงนามสำเนาถูกต้อง โดยลายมือชื่อนั้นจะต้องตรงกับลายมือชื่อที่ลงนามในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจองซื้อทุกฉบับ
  3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงนามสำเนาถูกต้อง
เมื่อจองซื้อหุ้นกู้เรียบร้อยแล้วแสดงว่าได้เลยหรือไม่ หรือต้องรอจัดสรรอีกหรือไม่

รายการจองซื้อจะสำเร็จเมื่อผู้จองซื้อหุ้นกู้ทำการจองและชำระเงินค่าจองซื้อครั้งเดียวเต็มจำนวนที่จองซื้อ

ผู้เยาว์ ซื้อหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ได้หรือไม่

ไม่ได้ บุคคลที่จะจองซื้อต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่จะทำรายการจองซื้อ

ชาวต่างชาติซื้อหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ได้หรือไม่

ได้ ให้แนบสำเนาใบต่างด้าวหรือสำเนาหนังสือเดินทางแทนบัตรประชาชนเวลามาจองซื้อ และลูกค้าต้องมี Tax ID ไม่เช่นนั้นนายทะเบียนจะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้ได้

วิธีเลือกรับหลักทรัพย์ของหุ้นกู้สามารถเลือกรับหลักทรัพย์ได้กี่แบบ

สามารถเลือกรับหลักทรัพย์ได้ 2 วิธี คือ 1. รับเป็นใบ 2. รับเข้าบัญชีหลักทรัพย์ (พอร์ตหุ้น) ของลูกค้า เท่านั้น

จะได้หุ้นกู้เมื่อใด
  1. รับเป็นใบหุ้นกู้ : นายทะเบียนจะจัดส่งใบหุ้นกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใน 15 วันทำการนับตั้งแต่ปิดการเสนอขายหุ้นกู้
  2. รับเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า : นายทะเบียนจะฝากหุ้นกู้ให้ภายใน 7 วันทำการนับตั้งแต่ปิดการเสนอขายหุ้นกู้

กรณียังไม่ได้รับใบหุ้นกู้ หรือต้องการสอบถามสถานะการจัดส่งใบหุ้นกู้ ให้ติดต่อสอบถามที่นายทะเบียน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เบอร์ติดต่อ 02-296 4808, 02-296 5557

วันครบกำหนดที่จะได้รับเงินต้นคืนของหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ คือเมื่อใด

ไม่มีกำหนดระยะเวลา (Perpetual) แต่บริษัทมีสิทธิขอไถ่ถอนทั้งจำนวนได้ ณ วันชำระดอกเบี้ยหลังจากครบ 5 ปี หรือตามเงื่อนไขด้าน ภาษี/เงินทุน/บัญชี

หุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ รายละเอียดการคำนวณดอกเบี้ยเป็นอย่างไร

ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุกๆ 6 เดือน ในวันที่ 4 มิถุนายน และวันที่ 4 ธันวาคม ของแต่ละปีตลอดอายุหุ้นกู้ โดยวันกำหนดชำระดอกเบี้ยครั้งแรกคือ วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567 อย่างไรตาม ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยพร้อมกับสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใดๆ ก็ได้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้โดยไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้งตามดุลยพินิจของผู้ออกหุ้นกู้แต่เพียงผู้เดียว โดยผู้ออกหุ้นกู้จะสะสมดอกเบี้ยค้างชำระให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ แต่ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนอื่นใดบนดอกเบี้ยค้างชำระสะสมดังกล่าว

อัตราดอกเบี้ย
ปีที่ 1-55.55% (คิดจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีที่ 2.93% + initial credit spread ที่ 2.62%)
ปีที่ 6-10, 11-15, 16-20, 21-25อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี ณ ตอนนั้น + initial credit spread ที่ 2.62% + 0.25%
ปีที่ 26-30, 31-35, 36-40, 41-45, 46-50 อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี ณ ตอนนั้น + initial credit spread ที่ 2.62% + 1.00%
ทุกช่วง 5 ปีหลังจากนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี ณ ตอนนั้น + initial credit spread ที่ 2.62% + 2.00%
touch  
 
หุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับใด

หุ้นกู้มีระดับความเสี่ยงอยู่ระดับ 7 จากความเสี่ยง 8 ระดับ เทียบกับหุ้นกู้อื่นๆ โดยทั่วไปที่ระดับความเสี่ยงอยู่ระหว่าง 1-5

ผู้ออกสามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนดมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
  1. ตามดุลยพินิจของผู้ออกหุ้นกู้หลังจากครบกำหนด 5 ปี
  2. พิสูจน์ได้ว่าผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถนำดอกเบี้ยจ่ายของหุ้นกู้นี้ไปหักค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน
  3. พิสูจน์ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดอันดับหุ้นกู้โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทำให้สามารถนับหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นส่วนของทุน (equity credit) ได้น้อยลงกว่าเดิมหรือนับไม่ได้เลย
  4. พิสูจน์ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลักการบัญชีที่ทำให้นับหุ้นกู้นี้เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นได้น้อยลงกว่าเดิมหรือนับไม่ได้เลย
สามารถขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้หรือไม่

สามารถทำได้ โดยติดต่อธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อให้ลองหาผู้ซื้อให้ได้ (ธนาคาร/บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ อาจไม่ได้รับซื้อไว้เอง) อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจไม่มีสภาพคล่อง ซึ่งทำให้ขายไม่ได้ในทันที และอาจไม่ได้ราคาเท่ากับที่ซื้อมาหรือไม่ได้ราคาที่ต้องการ

หากบริษัททำการไถ่ถอนก่อนกำหนดแล้วอยากถือต่อ สามารถขอต่ออายุได้หรือไม่

ไม่ได้ แต่ KBank สามารถแนะนำโอกาสการลงทุนอื่นให้ได้

ใครคือนายทะเบียนของหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้

นายทะเบียน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เบอร์ติดต่อ , 02-296 4808, 02-296 5557