- Advertisement -Newspaper WordPress ThemeNewspaper WordPress Theme

ภัยใกล้ตัว พิษจากสารตะกั่วในการทำงาน พร้อมวิธีการป้องกัน

สารตะกั่ว (Lead) คือโลหะหนักสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความอ่อนตัวและสามารถดัดเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ตามความต้องการของการใช้งาน จากความสามารถนี้ สารตะกั่วจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม ความอันตรายของสารตะกั่ว ทำให้ถูกจำกัดการใช้งานในอุตสาหกรรมให้มีน้อยที่สุด เนื่องจากผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะเด็กหรือกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด

การใช้งานสารตะกั่วในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่ซึ่งเป็นหนึ่งในการใช้งานที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี โดยสารตะกั่วเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ถูกใช้ในยานยนต์, รถจักรยานยนต์, รถบรรทุก, และระบบเครื่องสำรองไฟฟ้าต่าง ๆ

ซึ่งทางรัฐบาลเองก้ได้พยายามที่จะลดการใช้สารตะกั่วในอุตสาหกรรม เช่น การใช้น้ำมันที่ปราศจากสารตะกั่ว เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังก็ยังตรวจพบสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การตรวจสอบเลือดเด็กในพื้นที่เมืองก็ยังพบสารตะกั่วในระดับที่เป็นอันตรายมากกว่าเด็กในชนบท สิ่งนี้สร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสสารตะกั่ว เราจึงควรมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายจากสารตะกั่วให้ทุกคนสามารถเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างถูกต้อง ซึ่งมีข้อมูลในการเตรียมพร้อมดังนี้

สารตะกั่วซึมเข้าร่างกายได้อย่างไร?

สารตะกั่ว (Lead) เป็นสารที่สามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ผ่านหลายทางทั้งทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และทางผิวหนัง

  • ทางเดินอาหาร : การศึกษาล่าสุดพบว่าร่างกายมนุษย์สามารถดูดซึมสารตะกั่วจากทางเดินอาหารได้ร้อยละ 11 ในผู้ใหญ่ แต่ในเด็กหรือเด็กที่ขาดธาตุอาหาร เช่น เหล็ก แคลเซียม การดูดซึมสารตะกั่วจากทางเดินอาหารสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กอย่างร้ายแรง
  • ทางเดินหายใจ : การหายใจสามารถดูดซึมสารตะกั่วได้ร้อยละ 50 ซึ่งการทำงานในสถานที่ที่มีการใช้สารตะกั่ว เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการรับสารตะกั่ว และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนที่ต้องปฏิบัติงาน
  • ทางผิวหนัง : ผิวหนังสามารถดูดซึมสารตะกั่วได้น้อย แต่ก็ควรระวังเมื่อมีการสัมผัสสารตะกั่วโดยตรง เช่น การทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้สารตะกั่ว ต้องมีการควบคุมความสะอาดและการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการสัมผัสสารตะกั่ว

ผลเสียของสารตะกั่วต่อสุขภาพ

ผลกระทบต่อสุขภาพ

สารตะกั่ว (Lead) เป็นสารพิษที่มีผลเสียต่อสุขภาพมนุษย์และสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่าง ซึ่งผลเสียของสารตะกั่วต่อสุขภาพมีดังนี้

  1. ผลกระทบต่อสมองและพัฒนาการเด็ก: สารตะกั่วสามารถซึมเข้าสู่ระบบประสาทและมีผลกระทบต่อการพัฒนาสมองของเด็ก โดยเฉพาะในเด็กที่ได้รับสารตะกั่วในปริมาณมาก สารตะกั่วจะเข้าสู่สมองและทำลายเซลล์ประสาท สร้างความช้าของการพัฒนาสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาพฤติกรรมและปัญหาสมองอื่น ๆ เช่น ปัญหาการเรียนรู้และความสามารถในการคิด อาจทำให้เด็กมี IQ ต่ำลง
  2. ผลต่อระบบหลอดเลือด: การสัมผัสสารตะกั่วสามารถทำให้เกิดโรคโลหิตจาง เพราะสารตะกั่วสามารถทำลายเม็ดเลือดแดงและลดความสามารถในการขนส่งเม็ดเลือดไปทั่วร่างกายลง
  3. ผลต่อการตั้งครรภ์และทารก: การรับสารตะกั่วในปริมาณมากระหว่างการตั้งครรภ์สามารถก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในทารก ได้แก่ การคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักทารกต่ำกว่าปกติ ปัญหาการพัฒนาสมอง และความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กที่เกิดขึ้นช้าลงหรือร้ายแรงที่สุด อาจส่งผลให้เกิดการแท้งได้
  4. ผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน: สารตะกั่วสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ ซึ่งอาจทำให้เป็นเป้าหมายของการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ
  5. ผลกระทบต่อการเจริญเติบโต: สารตะกั่วอาจทำให้เด็กเจริญเติบโตช้าลงและมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ

นอกจากในบทความนี้ยังมีผลกระทบอื่นๆอีกมากมาย ที่เกิดจากสารตะกั่ว ดังนั้นการป้องกันการสัมผัสหรือการรับประทานสารตะกั่วจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

อาการของเมื่อสัมผัสสารตะกั่ว

ลักษณะอาการเมื่อสัมผัสสารตะกั่วจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ, ปริมาณของสารตะกั่วที่ได้รับ, และระยะเวลาที่ได้รับสารตะกั่ว นอกจากนี้ บางคนอาจไม่มีอาการเลยในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรง

สำหรับเด็ก: บางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ เลยหากได้รับสารตะกั่วในปริมาณน้อยหรือไม่มากพอสำหรับการแสดงอาการ ในบางคนมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ อาจทำให้มีปัญหาในการตัดสินใจ, การจดจำ, และการคิดวิเคราะห์ สำหรับเด็กที่ได้รับสารตะกั่วเป็นเวลานานและมีปริมาณสารตะกั่วในเลือดสูง อาจมีอาการชัก, โคม่า และเสียชีวิต

สำหรับผู้ใหญ่: ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง, ทำลายระบบสืบพันธุ์, สูญเสียทางการทำงานของสมอง, ผู้ป่วยอาจแสดงพฤติกรรมแปลกๆ เช่น การไม่กระตือรือร้น, อาการเบื่ออาหาร, ปวดท้องท้องผูก, และอาการอาเจียนเป็นพักๆ

ผู้ที่เสี่ยงต่อพิษของสารตะกั่ว

สารตะกั่ว (Lead) เป็นสารพิษที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ และมีกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อพิษของสารตะกั่วมากกว่าคนอื่น ๆ บางกลุ่มที่เสี่ยงมีดังนี้

  1. เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนถึง 6 ปี: เด็กในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดพิษจากสารตะกั่ว เด็กมักมีความอยากรู้อยากเล่น และค่อนข้างจะยังไม่รู้จักการคัดแยกว่าสิ่งของใดเป็นอันตราย ทำให้เขาอาจไปจับสิ่งของจากพื้นและนำไปรับประทานได้ นอกจากนี้ สารตะกั่วยังสามารถผ่านจะรกแม่สู่ทารกในครรภ์ ทำให้เด็กที่อาศัยในกลางเมืองที่มีจราจรแออัดมีความเสี่ยงการเกิดพิษมากกว่าเด็กชนบท
  2. คนในพื้นที่ที่มีมลพิษและการจราจรแออัด: เด็กที่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษจากการจราจรแออัดมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเกิดพิษจากสารตะกั่ว เนื่องจากมลพิษสามารถทำให้สารตะกั่วเกิดขึ้นมากขึ้นในสิ่งแวดล้อม
  3. ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารตะกั่ว: ในหลายอาชีพอาจเสี่ยงต่อการเป็นพิษจากสารตะกั่ว อย่างคนที่ทำงานในสายอาชีพ เช่น โรงงานแบตเตอร์รี่, ช่างซ่อมรถ, ช่างบัดกรี, ช่างสี, และกรรมกรมักมีความเสี่ยงการสัมผัสสารตะกั่วสูงกว่าคนทั่วไป

แหล่งที่มาของสารตะกั่ว

สารตะกั่ว สามารถพบได้ตามธรรมชาติ แต่จะขอยกตัวอย่างแหล่งที่มักพอเจอได้บ่อยและเราสามารถสัมผัสสิ่งนี้ได้ง่าย ซึ่งมีดังนี้

  • เศษสี: สารตะกั่วอาจมาจากการใช้เศษสีหรือสีทาบ้านที่มีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบ
  • อากาศ: สารตะกั่วสามารถเจือจนไปเป็นฝุ่นและหยดน้ำฝนทำให้สารตะกั่วมีอยู่ปะปนไปในอากาศ ทำให้เกิดการสะสมในสิ่งแวดล้อม โดยค่าปกติของสารตะกั่วไม่ควรเกิน 1.5 ug/cubic meter
  • น้ำ: น้ำที่มีสารตะกั่วอาจสร้างความเสี่ยงในการรับประทาน โดยค่าปกติของสารตะกั่วไม่ควรเกิน 15 ppb
  • ดิน: สารตะกั่วสามารถพบได้ในดินและสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่รากของพืชได้ ทำให้เกิดอันตรายจากการรับประทานพืชที่ปลูกในพื้นที่ที่มีสารตะกั่วเจือปนอยู่ โดยค่าปกติของสารตะกั่วไม่ควรเกิน 5 ppm

วิธีการป้องกันสารตะกั่ว

การป้องกันสารตะกั่ว

การป้องกันสารตะกั่วเป็นเรื่องสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพและป้องกันผลกระทบที่เสียหาย เราจึงควรมีการควบคุมและลดความเสี่ยงต่อสารตะกั่วซึ่งมีวิธีการดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงแหล่งที่มาของสารตะกั่ว: ระวังอย่าใช้สิ่งของหรือสิ่งของที่มีสารตะกั่วอยู่ เช่น สีทาบ้านที่มีสารตะกั่ว, เครื่องปั่นดินเผา, และสิ่งของที่มีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบ
  2. อาหาร: รักษาอาหารให้สะอาดและปลอดสารตะกั่ว, ล้างผักและผลไม้อย่างดีก่อนการบริโภค, ในการทำอาหารควรรักษาอนามัยในการทำอาหารให้มีความสะอาดเพื่อลดการปนเปื้อน
  3. น้ำ: ใช้น้ำที่มีคุณภาพดีและปราศจากสารตะกั่ว โดยใช้น้ำระบบคุณภาพที่เหมาะสำหรับการดื่มและใช้ในการทำอาหาร
  4. บ้าน: ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันสารตะกั่วที่อาจมากับเศษดินที่ติดมากับรองเท้าของเรา
  5. อากาศ: หากคุณอาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษจากการจราจร ควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน
  6. อาชีพ: ถ้าคุณทำงานในอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อสารตะกั่วควรมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันสารตะกั่ว เช่น หน้ากากอนามัยและเครื่องกรองอากาศ
  7. การตรวจสุขภาพ: ควรมีการตรวจสุขภาพเป็นระยะเพื่อติดตามระดับสารตะกั่วในร่างกายของคุณและครอบครัวของคุณ โดยเด็กอายุมากกว่า 1 ขวบควรจะได้รับการเจาะเลือดหาสารตะกั่วทุก 1-2 ปี
  8. สารทาบ้านและอุปกรณ์สำหรับเด็ก: ระวังในการเลือกใช้สีทาบ้าน ที่บางยี่ห้อสีทาบ้านอาจมีการปนเปื้อนของสารตะกั่ว
  9. การสังเกตสุขภาพ: รักษาการติดตามสุขภาพของคุณและครอบครัว หากมีอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารตะกั่ว เช่น อาการปวดท้อง, อาการเบื่ออาหาร, หรืออาการปวดศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม การป้องกันสารตะกั่วเป็นเรื่องสำคัญ  ควรระมัดระวังและรู้จักแหล่งที่มาของสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามขั้นตอนการป้องกันอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณและครอบครัวของคุณมีชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากพิษของสารตะกั่ว เราหวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์สำหรับคุณ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.siamhealth.net/public_html/environment/lead.htm

เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ :

* สงวนลิขสิทธิ์ทุกเนื้อหา และ ภาพประกอบของ Jorportoday สามารถนำไปเผยแพร่ได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เชิงพาณิชย์

** กรณีมีการคัดลอกบทความของเราไปส่วนใดส่วนหนึ่ง โปรดติดลิงค์กลับมาที่หน้านี้เพื่อให้เครดิตกับเรา

- Advertisement -Newspaper WordPress Theme

Exclusive content

- Advertisement -Newspaper WordPress Theme

Latest article

More article

- Advertisement -Newspaper WordPress Theme