ประเด็นสำคัญ
- กระจกกันความร้อนมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งกระจกตัดแสง กระจกรีเฟล็กทีฟสะท้อนความร้อน และกระจกโลว์อี ที่พัฒนาให้สะท้อนความร้อนได้ดี พร้อมกับมองผ่านได้ง่าย
- เมื่อเลือกกระจกแบบที่ใช่ได้แล้ว อย่าลืมดูตำแหน่งที่จะติดตั้งว่าทำความสะอาดง่ายหรือไม่ สะท้อนแสงไปรบกวนบ้านอื่นหรือเปล่า และควรคิดถึงเงาสะท้อนที่อาจจะทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงไปได้
ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์ไหน ๆ กระจกก็เป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้แสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาในบ้าน ทำให้บ้านโล่งโปร่ง สำหรับเมืองร้อนแบบประเทศไทย แสงแดดร้อนแรงเป็นพิเศษ พอทะลุกระจกบ้านเข้ามา ก็เรียกได้ว่าร้อนสุด ๆ
หลาย ๆ บ้านก็เลยต้องหากระจกกันความร้อนมาติดตั้งกัน จะได้อยู่บ้านได้แบบสบาย ๆ ช่วยป้องกันทั้งความร้อนและแสงสว่างที่จะมารบกวนการใช้ชีวิต แล้วกระจกแบบไหนจะน่าใช้งานบ้าง? มีรายละเอียดอะไรที่ควรคิดถึง และจะลดความร้อนที่เข้ามาทางกระจกได้อย่างไรบ้าง ตามจะเข้ไปดูกัน!
กระจกบ้านแบบไหนช่วยลดความร้อนได้บ้าง?
1. กระจกตัดแสง คุมแสง คุมความร้อนที่เข้าบ้าน
ภาพ: ประตูสไลด์กระจก
มองหากระจกกันความร้อนราคาไม่แพง ประหยัดค่าวัสดุ ลองมาดูกระจกตัดแสง (Heat Absorbing Glass) ที่ผลิตขึ้นด้วยการผสมออกไซด์ของโลหะเข้าไปในเนื้อกระจก อาจเป็นเหล็ก โคบอลต์ หรือซีลีเนียม กระจกบ้านประเภทนี้ก็เลยมีสีสัน ที่เห็นได้บ่อย ๆ ก็มักจะเป็นสีเขียว ช่วยตัดแสง ป้องกันความร้อน โดยยังคงความโปร่งใสไว้ได้ดี
จุดเด่น: ราคาไม่แพง สูงกว่ากระจกใสทั่วไปประมาณ 20% ป้องกันความร้อนได้ถึง 40-50%
จุดอ่อน: ความร้อนเข้าไปสะสมในกระจกได้มาก ทำให้กระจกร้าวเอง ควรเลือกเป็นกระจกเทมเปอร์เพื่อความปลอดภัย
2. กระจกรีเฟล็กทีฟ สะท้อนแสงสะท้อนความร้อน
ภาพ: หน้าต่างกระจกกันความร้อน
เน้นความแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศแบบต่าง ๆ ต้องกระจกสะท้อนแสง หรือกระจกรีเฟล็กทีฟ (Reflective) ทำหน้าที่สะท้อนแสงที่ส่องเข้ามาภานในตัวบ้านให้ออกไป โดยตัวกระจกจะมีการเคลือบสารสะท้อนไว้ จึงเป็นกระจกกันความร้อนที่ดีด้วย
จุดเด่น: แข็งแรงทนทาน แสงสะท้อนช่วยพรางตา สร้างความเป็นส่วนตัวในช่วงกลางวันได้ดี
จุดอ่อน: ช่วงกลางวันแสงอาจสะท้อนไปรบกวนบ้านข้าง ๆ ช่วงกลางคืนหากมองเข้ามาจากด้านนอกจะมองเห็นได้ชัด
3. กระจกโลว์อี นวัตกรรมยุคใหม่ สะท้อนความแสงออกจากบ้าน
ภาพ: ประตูบ้านเลื่อนและกระจกบ้าน
ใครชอบวัสดุยุคใหม่สุดทันสมัย แม้แต่กระจกบ้านก็อยากได้เทคโนโลยีสมัยใหม่เหมือนกัน ลองมาดูกระจกโลว์อี หรือ Low-E (Low Emission Glass) เป็นกระจกที่เคลือบด้วยโลหะเงิน (Ag) จึงสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าออกไซด์จากโลหะ แถมยังใส มองผ่านได้ง่ายกว่า กระจกโลว์อีได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสะท้อนความร้อนได้ดี ก็เลยช่วยลดการใช้พลังงานในบ้านโดยเฉพาะค่าไฟ
จุดเด่น: ทนต่อรอบขีดข่วน ดูแลรักษาง่าย มองผ่านได้สะดวกกว่าประเภทอื่น และช่วยประหยัดพลังงานในบ้าน
จุดอ่อน: ราคาสูง สารเคลือบเสียหายง่าย ควรทำเป็นระบบ 2 ชั้น
นอกจากการเลือกประเภทกระจกบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณแล้ว อย่าลืมดูรายละเอียดอื่น ๆ ด้วย แล้วจะต้องนึกถึงอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน!
เลือกกระจกบ้านอย่าลืมดูรายละเอียดอื่น!
1. อย่าลืมนึกถึงเรื่องการทำความสะอาด
ภาพ: การเช็ดกระจก
ใครจะออกแบบบ้านให้มีเพดานสูง ผนังสูง ๆ อย่าลืมดูตำแหน่งกระจกบ้านให้ดี เพราะหากติดสูงเกินไป ตอนเช็ดทำความสะอาดคงลำบากไม่น้อยเลย จะต้องหาทั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม หรืออาจจะต้องเสียเงินจ้างคนมาเช็ดกระจกให้เลยก็ได้
2. ระวังแสงสะท้อนไปรบกวนบ้านข้าง ๆ
ภาพ: แสงแดดส่องเข้าบ้านในช่วงกลางวัน
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่ากระจกกันความร้อนบางชนิด อย่างกระจกรีเฟล็กทีฟ จะมีคุณสมบัติสะท้อนแสง สะท้อนความ ดังนั้นหากจะติดเป็นกระจกบ้านควรดูตำแหน่งให้ดีว่า แสงที่สะท้อนออกไปจะไปโดนบ้านข้าง ๆ หรือไม่ เพราะถ้าสะท้อนหนักมาก ๆ จะกระทบความสัมพันธ์กับเพื่อนข้างบ้านได้โดยไม่รู้ตัวเลย
3. เงาสะท้อนจากกระจก เดี๋ยวคนข้างนอกจะเห็นได้ง่าย ๆ
ภาพ: ประตูกระจก
บ้านไหนที่คิดว่าจะเลือกกระจกกันความร้อนสีชา ต้องระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวกันหน่อย เพราะว่ากระจกสีชาจะช่วยพรางตาในช่วงกลางวันได้ดี แต่มองทะลุเข้ามาในบ้านได้ในช่วงกลางคืน ถ้าจะอยากติดกระจกสีนี้ก็อย่าลืมติดม่านเพิ่มเติมกันหน่อย ไม่ต้องกลัวคนข้างนอกจะมองเข้ามาได้
ใครรู้สึกว่าอากาศเมืองไทยมันร้อนซะเหลือเกิน กลัวว่ากระจกกันความร้อนจะกันไม่ไหว ลองไปดูเคล็ดลับลดความร้อนที่จะเข้ามาทางกระจกบ้าน รับรองว่าไม่ยาก ได้เปลี่ยนบริเวณบ้านให้สวยไปพร้อมกันด้วย!
เคล็ดลับลดความร้อนที่เข้ามาทางกระจกบ้าน
1. ออกแบบทิศทางให้ดี แสงจะได้ไม่เข้าเยอะเกินไป
ภาพ: แสงแดดส่องเข้าห้องในช่วงกลางวัน
ใครอยากจะติดกระจกรอบบ้าน สร้างห้องที่มีกระจกเยอะ ๆ อย่าลืมดูทิศทางที่ตั้งห้องให้ดี เพราะจะส่งผลต่อแสงแดดที่จะส่องเข้ามาในห้อง ถ้าออกแบบแบบไม่ดูทิศทางแสงให้ดี ทั้งความร้อน ความสว่าง จะเยอะเกิน จนติดกระจกกันความร้อนแล้วก็ยังเอาไม่อยู่
ทิศที่เหมาะ: ทิศเหนือ ทิศตะวันออก เพราะแสงแดดอยู่ในระดับพอดี ไม่แรงไป
ทิศที่ควรหลีกเลี่ยง: ทิศใต้ ทิศตะวันตก เพราะรับแดดช่วงบ่ายได้เต็ม ๆ
2. สร้างชายคายื่นออกด้านนอก หรือทำระแนงบังแสงแดด
ภาพ: ชายคาบ้านช่วยเพิ่มร่มเงา
เพื่อให้มีร่มเงาบังกระจกบ้าน ลองเสริมชายคาบ้านให้ยื่นออกไปด้านนอกบ้าน โดยควรจะยื่นออก 1.5 เมตรขึ้นไป จะทำเป็นหลังคากันสาด หรือใช้ไม้ระแนงเป็นตัวช่วยกันแสงแดดก็ได้ จะช่วยสร้างร่มเงา ลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน ไปพร้อมกับกระจกกันความร้อนได้เลย
3. ตกแต่งบริเวณบ้านให้ร่มรื่น ลดความร้อนรอบ ๆ อีกทางหนึ่ง
ภาพ: ต้นไม้รอบบ้านช่วยลดความร้อน
นอกจากการเสริมร่มเงาให้ตัวบ้านแล้ว ก็อย่าลืมดูพื้นที่รอบ ๆ บ้านด้วย รู้หรือไม่ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ความร้อนเข้าบ้านได้เต็ม ๆ จนกระจกกันความร้อนก็รับไม่ไหว คือความร้อนที่สะท้อนจากพื้นหรือผนังคอนกรีต ควรจัดพื้นที่นอกบ้านให้ร่มรื่น เปลี่ยนจากพื้นคอนกรีตโล่ง ๆ มาทำเป็นส่วนหย่อมปลูกต้น หรือปลูกต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ กระจกบ้านเพื่อให้ร่มเงาก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย
จระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส ตัวช่วยเก็บรายละเอียดงานติดตั้งกระจกให้เนี๊ยบ!
ภาพ: จระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส
ใครอยากติดกระจกบ้านกระจกกันความร้อนให้สวยปัง แถมยังกันแสงกันความร้อนได้เต็มที่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือสถาปนิก เพื่อให้เลือกกระจกได้อย่างเหมาะสม ไม่เกิดปัญหาภายหลัง
พอเลือกได้แล้ว ตอนติดตั้งก็อย่าลืมเก็บงานให้เนี๊ยบ! ปลอดภัยจากการรั่วซึมด้วยจระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส อะคริลิกยาแนวเกรดพิเศษ ใช้เก็บรายละเอียดงานติดตั้งหน้าต่าง พิเศษด้วยส่วนผสมป้องกันเชื้อรา จึงทนน้ำทนความชื้น ฝนสาดก็ไม่กลัวน้ำซึมเข้าบ้าน จะหน้าต่างไม้ โลหะ อลูมิเนียม ก็เลือกใช้ได้ตามใจ
สำหรับใครที่หาอยู่ว่าจะไปซื้อจระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส ที่ไหนดี? ลองเข้าไปหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์และสีจระเข้กันก่อนได้ที่เว็บไซต์ของเรา เพียงเลือกภูมิภาค จังหวัด และเขตหรืออำเภอ เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าร้านค้าแถวบ้านร้านไหนที่มีสินค้าคุณภาพรออยู่ แล้วก็เลือกสินค้าคุณภาพไปดูแลบ้านตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกกันได้เลย!
รู้เรื่องกระจกแล้ว ต้องรู้เรื่องหน้าต่างด้วย ไปดูความรู้ดี ๆ ต่อที่...
หน้าต่างบานเกล็ดดีอย่างไร ทำไมควรเลือกใช้ไว้ที่บ้าน