Movie

ประวัติศาสตร์นอกกรอบ: ย้อนรอย 6 ตุลาฯ มายาคติในวันวิปโยค

     6 ตุลาคม 2519 คือ เหตุการณ์วิปโยคอีกเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลูกเสือชาวบ้านประชาชนกลุ่มต่างๆ ใช้กำลังบุกล้อมสังหารกลุ่มนักศึกษาและประชาชน ที่ชุมนุมต่อต้านการกลับมายังประเทศไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ใช้คำสั่งปราบปรามนักศึกษาและประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลสมัยตน สมัยเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

ภาพเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

     ชนวนของเหตุการณ์ เกิดขึ้นจากการเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน ของสื่อสิ่งพิมพ์ และวิทยุยานเกราะ ที่ประโคมข่าวการแสดงละครของนักศึกษาที่ต้องการเสียดสีการฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้า ขณะออกปิดใบประกาศประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม เป็นการแสดงละครหมิ่นเบื้องสูง จนทำให้แทนที่เหตุการณ์นี้ จะเป็นการรวมตัวกันแสดงพลังโดยชอบธรรมของมวลชนอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องการป้องกันการนำประเทศเข้าสู่ระบอบเผด็จการ เหมือนดั่ง 14 ตุลาคม 2516 กลับกลายเป็นการร่วมกันกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ กระทำผิดต่อความมั่นคงของของรัฐภายในราชอาณาจักร และอีกหลากหลายข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อได้นำมาพิจารณาคดีในชั้นศาลในภายหลัง กลับเป็นการเปิดเผยให้เห็นความเลวร้ายของรัฐเสียเอง


     ข่าวสารที่บิดเบือน ข้อกล่าวหาที่เมื่อพิสูจน์แล้ว ไม่มีมูลความจริง อาจเป็นเพียงข้ออ้างในการทำรัฐประหารครั้งต่อมา และป้องกันประเทศจากลัทธิคอมมิวนิสต์ที่กำลังเฟื่องฟูทั่วโลก โดยถึงแม้ว่าประเทศไทยจะกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง และยังคงมีระบอบการปกครองในระบอบประชาธิไตยดังเดิม แต่การกระทำข้างต้นได้เปลี่ยนนักศึกษาและประชาชนผู้ต่อต้านระบอบเผด็จการ “ผู้บริสุทธิ์” ให้กลายเป็นผู้ร้ายทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้นอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลง

ภาพวาดพระเยซูเมื่อคราวถูกตรึงกางเขน

     ผู้บริสุทธิ์ ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้ร้ายทางประวัติศาสตร์ โดยการปรักปรำ ใส่ร้ายป้ายสีอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเผยแพร่คำสอนของพระเยซู ถูกกล่าวหาโดยพระผู้ใหญ่ในศาสนายิวว่า คือ การตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ทำให้ถูกตั้งข้อกล่าวหาในฐาน เป็นภัยต่อซีซาร์และอาณาจักรโรมัน จนโดนตรึงกางเขนถึงแก่ชีวิต ผู้หญิงยุคกลางในทวีปยุโรป ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นแม่มดและคนนอกรีต จากกระแสการยุยงปลุกปั่นว่า แม่มด เป็นผู้นำพาซึ่งสิ่งชั่วร้าย คือโรคระบาด สงคราม และสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ในขณะนั้นให้เกิดขึ้น จนถูกแขวนคอและเผาทั้งเป็นจำนวนมาก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากการถูกกล่าวหาโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซี ว่าคือผู้ทำให้เยอรมนีพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังพินาศ ฯลฯ รวมถึงจากจุดมุ่งหมายในการสร้างให้โลกประกอบด้วยชาติพันธุ์ที่บริสุทธิ์ หรือชนชาติอารยันเท่านั้น ชาติพันธุ์ใดไม่ใช่จะต้องถูกกำจัดจนสิ้นซาก ชาวยิวกว่า 5 ล้านคน จึงลงเอยด้วยการถูกยิง ฝังทั้งเป็น หรือส่งค่ายกักกันเพื่อรมแก็สจนเสียชีวิต


ภาพการล่าแม่มดในช่วงยุคกลาง

     ไม่เพียงแต่เหตุการณ์ในอดีตเท่านั้น เหตุการณ์ในปัจจุบันยังคงปรากฏ ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือ ชาวมุสลิมทุกผู้คนที่ถูกกล่าวหาอย่างเหมารวมว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เพียงเพราะองค์กรผู้ก่อการร้ายใหญ่ขณะนี้ คือ ISIS เป็นมุสลิมเหมือนกัน มายาคติที่ว่า ใครคือมุสลิมก็คือผู้ร้ายจึงเกิดขึ้น ไม่ช้าไม่นาน มาตรการรวมถึงการกระทำต่าง ๆ ก็ได้ทำให้ชาวมุสลิมหลายคน ยังคงทนทุกข์ทรมาน รวมถึงบาดเจ็บและจบชีวิตลงต่อไปไม่สิ้นสุด ทั้งมาตรการไม่ให้ลี้ภัยเข้าประเทศของสหรัฐอเมริกา การฆาตกรรมหญิงสาวมุสลิมในรัฐเวอร์จิเนีย การสาดน้ำกรดใส่ชาวมุสลิมสองคนในกรุงลอนดอน ฯลฯ โดยถึงแม้จะไม่มีการยุยงปลุกปั่นหรือสร้างกระแส มีเพียงสถานการณ์ของโลกที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังดังกล่าวขึ้น แต่ก็ได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์ชาวมุสลิมกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนทั่วโลกไปเสียแล้ว


ภาพชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ่ายโดย Margaret Bourke-White

     เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงไม่ได้เป็นเหตุการณ์แรกที่ผู้บริสุทธิ์คือผู้ร้ายในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ได้เกิดขึ้นมานานแล้วและยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการบิดเบือนข้อเท็จจริง การใส่ร้ายป้ายสี ยุยงปลุกปั่น การเกิดมายาคติแบบผิดๆ  จนนำมาสู่เหตุการณ์ที่มนุษย์ห้ำหั่นมนุษย์กันเองอยู่บ่อยครั้ง การร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่กำลังจะถึงนี้ จึงควรเป็นการมองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในอดีตและเรียนรู้ ในแง่มุมที่ว่า ก่อนเผยแพร่หรือรับรู้ข่าวสาร ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และใช้วิจารณญาณให้มากที่สุด ที่สำคัญไม่ควรใช้เพื่อทำลายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเพื่อหวังผลประโยชน์ เพื่อไม่ให้… 

 

ผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ร้ายทางประวัติศาสตร์อีกต่อไป


 

 

ภาพ: jimgollanaop.blogspot.com, unintentional-irony.blogspot.com


WATCH



      
              

WATCH

The LATEST