|
คำว่า “การสื่อสารข้อมูล” และ “การสื่อสารโทรคมนาคม” มักนำมาใช้ร่วมกันเสมอ โดยคำว่า Tele มาจากรากศัพท์ในภาษากรีก ซึ่งตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า far ที่หมายความว่า ไกล ส่วนคำว่า communication หมายถึง การสื่อสาร ดังนั้น Telecommunication ซึ่งต้องับภาษาไทยว่า การสื่อสารโทรคมนาคม จึงหมายถึงการสื่อสารระยะไกล ดดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ
การสื่อสารโทรคมนาคมเกี่ยวข้องกับการใช้งานเครื่องส่งอิเล็กโทรนิกส์ (Electronics Transmitters) เช่นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคปัจจุบันถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็นอย่างมาก โดยจะพบว่าประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนแต่มีระบบการสื่อสาร
โทรคมนาคมที่ก้างหน้าและทันสมัย ที่มีส่วนสำคัญการผลักต้นธุรกิจต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจโลกในยุคนี้ที่เดียว แต่อย่างไรก็ตาม การสื่อสารโทรคมนาคมจะมีความหมายที่กว้าง และควบคุมมากกว่าการสื่อสารข้อมูล โดยอาจก้าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า การสื่อสารข้อมูลเป็นส่วยย่อยส่วนหนึ่งการสื่อสารโทรคมนาคมก็ว่าได้
ข้อมูลที่ส่งผ่านในระบบโทรคมนาคมอาจเป็นได้ทั้งข้อความ เสียง ภาพ และวีดีทัศน์ ที่สามารถใช้สายโทรศัพท์หรือคลื่นวิทยุเป็นสื่อกลางส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังจุดหมายลายทางได้ การส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ นับได้ว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายโทรศัพท์สาธารณะที่มีอยู่ตามพื้นที่ทั่วประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และนำมาใช้เพื่อการส่งข้อมูลระยะไกลได้อย่างดี
ในส่วนของ “เครือข่าย” อาจหมายถึงเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในระยะใกล้ภายในพื้นที่เดียวกัน (Local) กับเครือข่ายที่เชื่อมโยงระยะไกล (Remote) โดยเฉพาะเครือข่ายที่เชื่อมโยงแบบระยะไกลนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาช่องทางการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลระยะไกลได้ การที่พีซีคอมพิวเตอร์จึงจัดเป็นอุปกรณ์สำคัญส่วนหนึ่งของระบบการสื่อสารไปแล้ว ไม่ว่าสื่อสารระยะใกล้หรือระยะไกลก็ตาม และต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งนี้บางระบบอาจถูกยกเลิกใช้งานไปแล้ว ในขณะที่บางระบบใช้งานได้ดีในปัจจุบัน
โทรเลข (Telegraphy)
หลักการทำงานของระบบโทรเลข จะใช้วิธีการแปลอักษรตัวเลขให้เป็นรหัส จากนั้นก็แปลเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งผ่านสื่อกลาง เช่น สายทองแดง และเมื่อปลายทางไดรับก็จะทำการถอดรหัสเป็นข้อความอย่างไรก็ตาม การบริหารโทรเลขในประเทศไทยได้มีการประกาศยกเลิกใช้งานเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา และถือเป็นการปิดตำนานการใชโทรเลขที่เปิดใช้เป็นเวลากว่า 100 ปี
โทรพิมพ์ (Telex)
เป็นรูปแบบของการใช้บริการโทรเลขชนิดหนึ่ง แต่ผู้ใช้งานสามารถติดต่อโต้ตอบกันได้โดยเครื่องโทรพิมพ์จะมีลักษณะคล้ายเครื่องพิมพ์ดีด ที่เป็นได้ทั้งเครื่องรับและส่งข้อมูลในตัวเดียวกัน สามารถสื่อสารได้โดยอาศัย ตัวนำหรือช่องสัญญาณ และชุมสายที่มีการเชื่อมต่อกันกับเครื่องโทรพิมพ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ผู้ใช้ทั้งสองฝั่งสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยการพิมพ์ข้อความลงบนกระดาษเพื่อโต้ตอบระหว่างกันโดยถึงแม้ว่าฝังรับจะไม่มีพนักงานคอยรับข้อความ เครื่องก็สามรถพิมพ์และหยุดได้เองโดยอัตโนมัติ
โทรสาร (Facsimile)
เครื่องโทรสารหรือมักเรียกกันว่า เครื่องแฟกซ์ (Fax) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคนิคของแสงสแกนลงบนเอกสารที่เป็นได้ทั้งข้อความและภาพ จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อส่งผ่านตามสายโทรศัพท์ เมื่อโทรสารฝั่งรับได้รับข้อมูล ก็จะแปลสัญญาณไฟฟ้านั้นกลับมาเป็นข้อมูลตามต้นฉบับ
โทรศัพท์ (Telephone)
โทรศัพท์จัดเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้งานมากที่สุด ปัจจุบันมีใช้งานตามบ้านเรือนแทบทุกครัวเรือนชุมสายโทรศัพท์ได้มีการพัฒนา และเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบของระบบดิจิตอลในบางพื้นที่มากขึ้นตามลำดับเพื่อรองรับการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง โดยการใช้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เพื่อการสื่อสารนั้นมีราคาถูกเป็นที่นิยมและสามารถเชื่อมต่อได้ระยะไกล ตัวอย่างเช่น การใช้อินเทอร์เน็ตตามบ้านด้วยการใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับโมเด็มซึ่งเป็นระบบแอนะล็อก หรือการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยระบบ ADSL ซึ่งเป็นระบบดิจิตอล อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของระบบโทรศัพท์แบบมีสาย ทำให้เกิดการใช้งานที่ไม่คล่องตัว จึงมีการพัฒนาระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สายขึ้น โดยเฉพาะระบบดังกล่าวจะมีการแบ่งเขตการรับสัญญาณวิทยุตามพื้นที่ส่วนต่างๆที่เรียกว่าเซลล์ แต่ละเซลจะมีเสาอากาศตามประเภทของคลืนชนิดนั้นๆไว้คอยรับส่งสัญญาณหลายสัญญาณพร้อมๆๆกันทำให้สามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อกันได้ไม่ว่าผู้ใช้งานเคลื่อนที่จะอยู่บริเวณไดก็ตาม
โทรทัศน์ ( Television )
เป็นระบบที่ใช้ในการแพร่ภาพกระจายในย่านความถี่สูง เช่นที่ย่านความถี่สูง VHF หรือย่านความถือสูงมากUHF ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่ใช้สำหรับกิจการทางโทรทัศน์ในอดีตหารแพร่ภาพทางโทรทัศน์มักประสบปัญหาของพื้นที่รับสัญญาณ เช่น ตามจังหวัดห่างไกลแต่ปัจจุบันได้มีการติดตั้งสถานีทวนสัญญาณโทรทัศน์ตามพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนตามจังหวัดที่ห่างไกลสามารถรับชมการแพร่ภาพโทรทัศน์ได้ปัจจุบันการส่งสัญญาณโทรทัศน์ในประเทศไทยมีอยู่2ระบบด้วยกันคือ ระบบออกอาก่าศทั่วไป ที่ใช้บริการฟรี และอีกระบบหนึ่งคือ ระบบเคเบิลทีวี สมาชิกจะได้รับเสารับสัญณาญเฉพาะที่แตกต่างจากเสารับสัญญาณโทรทัศน์ทั่วไปนอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Video on Demand ซึ่งเป็นระบบโทรทัศน์ที่ผู้ชมสามารถเป็นผุ้เลือกชมรายการได้ด้วยตนเอง
วิทยุกระจายเสียง( Radio)
เป็นการสื่อสารที่อาศัยคลื่นวิทยุด้วยการส่งคลื่นไปยังอากาศเพื่อเข้าไปยังเครื่องรับวิทยุ โดยใช้เทคนิคการมอดูเลตคลื่นสัญญาณเพื่อให้สัญญาณสามารถส่งได้ระยะไกล การสื่อสารด้วยวิทยุกระจายเสียงนั้นไม่จำเป็นต้องใช้สาย อีกทั้งยังสามารถส่งคลื่นได้ในระยะไกลตามประเภทของคลื่นนั้นๆ
ไมโครเวฟ (Microwave)
ไมโครเวฟเป็นคลื่นวิทยุชนิดหนึ่งที่มีความถี่สูงระดับกิกะเฮริตร์ และเนื่องจากความยาวของคลื่นมีหน่อยวัดเป็นไมโครเมตรจำนำมาตั้งชื่อเรียกว่าไมโครเวฟปัจจุบันได้มีการนำคลื่นไมโครเวฟมาใช้งานในกิจการโทรคมนาคมอย่างกว้างขวาง และด้วยคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นในระดับสายตา ดังนั้นตึกสูงหรือภูเขาจึงสามารถบดบังสัญญาณได้ ทางแก้ไขก็คือการติดตั้งเสารับส่งไมโครเวฟ เพื่อรับสัญญาณจากสถานีหนึ่ง และส่งทอดไปยังอีกสถานีหนึ่ง
ดามเทียม (Satellite)
ให้พิจารณารูปที่ 1.4 ต่อไปนี้จะพบว่า โลกมนุษย์มีลักษณะกลมและคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นในระดับสายตา ดังนั้นการสื่อสารด้วยคลื่นไมโครเวฟภาคพื้นดินบนระยะทางไกล ๆ ยอมเกิดปัญหา จึงจำเป็นต้องมาการติดตั้งสถานีฐานเพิ่มเติมเพื่อรับส่งสัญญาณเป็นทอด ๆ ดังนั้นด้วยข้อจำกัดของภูมิประเทศที่ส่งผลต่อการส่งคลื่นไมโครเวฟ ดังนั้นจึงได้พัฒนาดาวเทียมขึ้นมา ซึ่งความจริงดาวเทียมก็คือสถานีไมโครเวฟนั่นเอง แต่เป็นสถานีไมโครเวฟที่ลอยอยู่บนเหนือพื้นผิวโลก มีลักษณะเป็นจานขณะใหญ่โคจรห่างจากพื้นโลกประมาณ 22,300 ไมล์ ทำให้สามารถติดต่อกับสถานีไมโครเวฟภาคพื้นดินที่อยู่เป็นพื้นที่ได้
นอกจากนี้เราสามารถส่งดาวเทียมค้างฟ้า (Geostationary Satellite) ซึ่งเป็นดาวเทียมที่หมุนโคจรด้วยความเร็วเท่ากับโลก จึงทำให้แลดูเหมือนกับว่าไม่มีการเคลื่อนไหว เมื่อนำดาวเทียมดังกล่าวขึ้นไปโคจรเหนือพื้นผิวโลกเพียง 3 ดวง ก็สามารถควบคลุมการสื่อสารได้ทุกมุมโลก โดยดาวเทียมดวงหนึ่งส่งสัญญาณในบริเวณว่างเท่ากับ 1 ใน 3 ของโลก
(120 องศา) ดังนั้นดาวเทียม 3 ดวงก็สามารถครอบคลุมบริเวณพื้นโลกได้ทั้งหมด
(360 องศา) ส่วนการสื่อสารด้วยเคลื่อนไมโครเวฟสามารถสัญญาณแบบขาขึ้น (Uplink) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณจากสถานีฐานไปยังดาวเทียม และการส่งสัญญาณแบบขาลง (Downlink)
ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณจากดาวเทียมมายังสถานีฐาน และด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมในอนาคตก็จะสามารถสื่อสารได้ทั้งสองทิศทางไม่ว่าจะเป็นแบบขาขึ้นหรือขาลง
|