Q & A เรื่อง การกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้าทางกายภาพบำบัด (Electrical Stimulationหรือ ES)
BY...FIRSTPHYSIO http://www.firstphysioclinic.com LINE ID:0852644994
1. Q : การรักษาด้วยกระแสไฟฟ้าในเชิงการบำบัดรักษานั้น สามารถแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
|
A : 3 ประเภท ได้แก่
1.Electrotherapy เป็นกลุ่มที่ว่าด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าในการบำบัดรักษาโรค 2. Electrodiagnosisเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าในการกระตุ้นเพื่อการวินิจฉัยโรค โดยการแปลผลจากการตอบสนองของเส้นประสาท และกล้ามเนื้อ 3. Electromyography (EMG) เป็นการบันทึกการตอบสนองที่ได้จากการทำงานของ motor unit ออกมาในรูปของกระแสไฟฟ้า
|
2. Q : ในทางกายภาพบำบัด เทคนิคที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการรักษาจะส่งกระแสไฟผ่านทางใด
|
A :ส่งกระแสไฟฟ้าผ่านทางผิวหนัง หรือเรียกว่า Transcutaneous เป็นการกระตุ้นโดยไม่มีการแทงทะลุผ่านผิวหนัง
|
3. Q : ประเภทของการรักษาโดยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าในทางกายภาพบำบัด(Electrical Stimulationหรือ ES)
แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
|
A : แบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน โดยแบ่งตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการรักษาเป็นหลัก - Electrical muscle stimulation (EMS)เป็นการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในการรักษากล้ามเนื้อที่ขาดเส้นประสาทมาเลี้ยง (denevated muscle) เพื่อรักษาสภาพของกล้ามเนื้อ ชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ (Delayed muscle atrophy) หรือเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ (Re-education) ในกล้ามเนื้อที่ขาดเส้นประสาทมาเลี้ยงบางส่วน (partial denevated muscle) - Electrical stimulation for tissue repaired (ESTR) ใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อลดอาการบวม (edema reduction) เพิ่มการไหลเวียนเลือด (enhancement of circulation) และเร่งการสมานแผล (wound management หรือ wound healing)
-Neuromuscular electrical stimulation (NMES)คือการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยงปกติ (Innervated muscle) เพื่อคงไว้ซึ่งการทำงานของกล้ามเนื้อ (restore muscle function) ได้แก่ การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (muscle strengthening) , การลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ (spasm reduction) , การชะลอการฝ่อลีบ หรือป้องกันการฝ่อลีบของกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากการไม่ได้ใช้งาน (disuse atrophy prevention) และการเรียนรู้การทำงานของกล้ามเนื้อ (muscle re-edu4cation) มักใช้ในกรณีที่มีการย้ายเส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อ (tendon transfer) : หมายเหตุ จะเห็นว่าในกล้ามเนื้อที่ขาดเส้นประสาทมาเลี้ยงนั้น จะใช้คำว่าชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ แต่จะไม่มีคำว่าป้องกันการฝ่อลีบ ส่วนกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยงปกติ สามารถใช้ได้ทั้งป้องกัน และชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ
-Functional electrical stimulation (FES) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าในการกระตุ้นเพื่อชี้นำการเคลื่อนไหวที่ต้องการ คือการใช้กระแสไฟเปรียบเสมือนเป็น orthotic เพื่อให้เกิดการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการ
-TENS หรือ Trancutaneous electrical nerve stimulationใช้กระแสไฟฟ้าในการกระตุ้นเพื่อลดอาการปวด (pain control) การใช้กระแสไฟฟ้าในการลดปวด นอกจากจะจะใช้กระแส TENS แล้วยังมีกระแสอื่น ๆ ที่นำมาใช้ในการลดปวด เช่น กระแส Interference ,กระแส Diadynamic , กระแส high voltage galvanic เป็นต้น
-Iontophoresisคือเทคนิคการใช้กระแสไฟฟ้าในการผลักดันตัวยาบางชนิด ที่มีคุณสมบัติแตกตัวเป็นประจุได้ เมื่ออยู่ในสารละลาย โดยมากใช้เพื่อการลดปวดเฉพาะที่ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อเฉพาะที่ได้ และใช้ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด เป็นต้น
|
4. Q : TENS กับ(Electrical Stimulationหรือ ES) แตกต่างกันอย่างไร
|
A : ESจะใช้ในการรักษากลุ่มกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยงและกลุ่มที่ไม่มีเส้นประสาทมาเลี้ยง ซึ่งรักษาได้หลากหลายเช่น การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดบวม ช่วยชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ เป็นต้น ส่วน TENS ช่วยในการลดปวดเท่านั้น
|
5. Q :การกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้าทางกายภาพบำบัด ES ช่วยลดบวมได้อย่างไร
|
A :การใชไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีการหดตัวทําให้มีการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดดําและน้ำเหลืองได้ทำให้อาการบวมลดลง
|
6. Q : การใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อลดอาการบวม (edema reduction) สามารถทำร่วมกับวิธีใดได้บ้าง
|
A :สามารถทำร่วมกับการจัดท่า(positioning)และการพันผ้าเพื่อลดบวม(bandage) เพื่อช่วยเร่งในการลดบวม
|
7. Q : TENS สามารถใช้ในการลดปวดระยะเฉียบพลันได้หรือไม่ อย่างไร
|
A :สามารถรักษาได้ โดยจะใช้เป็น Hi-TENS เนื่องจากกระแสชนิดนี้จะป้องกันการเกิดอาการปวดจาก pain spasm ใน pain cycle ส่วนใหญ่นำมาใช้ใน minor sport injury เช่น mild shoulder contusion, rib contusion, mild ankle sprains
|
8. Q : ข้อควรระวังของการใช้ TENS ในการลดปวดระยะเฉียบพลันคืออะไร
|
A :ผู้ป่วยที่เป็น Rheumatoid และการบาดเจ็บในนักกีฬาเนื่องจากความเจ็บปวดอาจมีประโยชน์ในการป้องกันส่วนนั้นๆของร่างกายไม่ให้ใช้งานมากเกินไป เพราะฉะนั้นการกระตุ้น TENS ควรใช้หลังช่วงที่มีการป้องกันไม่ให้ส่วนนั้นๆเคลื่อนไหวหรือใช้งานมากเกินไป
|
9. Q : ข้อควรระวังของการใช้TENS ในการลดปวดระยะเรื้อรังคืออะไร
|
A :ผู้ป่วยที่ต้องพึ่งยา เช่น พวกที่มีปัญหาทางจิตเวช หรือมีปัญหาด้านพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง นอนไม่หลับ ไม่อยากอาหาร บางคนอาจมีการลดลงของ pain tolerance
|
10. Q : โรคเรื้อรังใดบ้างที่รักษาด้วยTENSได้
|
A : ปวดหลัง( Low back pain) ,รูมาตอยด์ (Rheumatiod arthritis),หมอนรองกระดูกเคลื่อน( Degenerative joint disease),อาการปวดแสบร้อน(Causalgia),โรคเส้นประสาท(Peripheral neuropathy),อาการเจ็บปวดในส่วนแขนขาที่ถูกตัดไป(Phantom limb pain),อาการปวดจากการเจ็บครรภ์(Obstetric pain),อาการเจ็บจากโรคหัวใจและปอด(Cardiopulmonary pain),อาการปวดทางระบบประสาท(Neurological pain)
|
ถาม-ตอบ ข้อสงสัยเกี่ยวกับกายภาพบำบัด
>>>เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด
>>>http://www.firstphysioclinic.com
>>>LINE ID: 0852644994