เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่าจากกรณีการนำขยะติดเชื้อจากผู้ป่วยโควิด-19 ไปเผาในเตาเผาศพอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนเตาเผาชำรุดเกิดไฟไหม้เสียหายนั้น เนื่องจากเตาเผาศพส่วนใหญ่มีอุณหภูมิที่ใช้ในการเผาต่ำกว่าเตาเผาขยะติดเชื้อที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 ซึ่งในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ต้องใช้ความร้อนสูง ประกอบกับเตาเผาศพไม่มีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศจึงก่อให้เกิดปัญหากลิ่น ฝุ่นละออง ก๊าซพิษ รวมถึงโลหะหนักต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมและการก่อสร้างเตาเผาศพไม่ได้ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรง คงทน ที่จะเผาอย่างต่อเนื่องทุกวัน จึงไม่ควรนำขยะติดเชื้อไปเผาในเตาเผาศพ

นายอรรถพล กล่าวว่า การกำจัดขยะติดเชื้อทั้งที่เกิดจากการรักษาตัวที่บ้าน การรักษาตัวในชุมชน หรือศูนย์พักคอยผู้ติดเชื้อก่อนส่งต่อ ต้องประสานเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงมาเก็บรวบรวมเพื่อนำไปเผาในเตาเผาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ ซึ่งมีห้องเผาที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 760 องศาเซลเซียส และมีห้องเผาควันด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 1,000 องศาเซลเซียส มีการควบคุมมาตรฐานอากาศเสียที่ปล่อยออกจากเตาเผาตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงทรัพยากรฯ จึงมีความปลอดภัย

“จากปัญหาขยะติดเชื้อล้นระบบ ซึ่งตกค้างอยู่ที่เตาเผาของ อปท. และของเอกชน ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน กำลังดำเนินการปรับเกณฑ์ภาครัฐอย่างเร่งด่วน ให้สามารถนำขยะติดเชื้อล้นระบบไปกำจัดในเตาเผาโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงเป็นการชั่วคราวได้ ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19″ นายอรรถพล กล่าว.