หลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการผลิตสุราฯ โดยกระทรวงการคลังได้ระบุร่างกระทรวงนี้ได้ดำเนินการศึกษามาอย่างต่อเนื่องโดยมีการพิจารณาให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข สังคม และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ประชาชน สังคม และภาครัฐ

สำหรับร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. …. มีรายละเอียดดังนี้

1.เปิดโอกาสให้สุราชุมชนขนาดเล็ก จากที่ต้องใช้เครื่องจักรในการผลิตต่ำกว่า 5 แรงม้า และใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน ให้สามารถขยายกำลังการผลิตเป็นระดับกลาง ที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังการผลิตสูงกว่า 5 แรงม้า แต่ไม่เกิน 50 แรงม้า และสามารถใช้คนงานมากกว่า 7 คนได้ แต่ต้องไม่เกิน 50 คน

แต่ทั้งนี้ ผู้ผลิตสุราชุมชนที่จะขยายกำลังการผลิตจากระดับเล็กเป็นระดับกลาง จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ หรือสุรากลั่นชุมชนขนาดเล็กมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เคยกระทำความผิดตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต หรือเคยกระทำความผิดและพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

นอกจากนี้ ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

2.ยกเลิกการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำและทุนจดทะเบียนสำหรับทั้งกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) และโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเดิมนั้น ในกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) จะต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 100,000 ลิตรต่อปีและไม่เกิน 1 ล้านลิตรต่อปี และกรณีโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ล้านลิตรต่อปี สำหรับทุนจดทะเบียนนั้น ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ กรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

3.เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่มีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และนิติบุคคลสามารถขอใบอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อขาย แลกเปลี่ยน หรือดำเนินการอื่นใดโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน และต้องมีปริมาณการผลิตสุราไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี อย่างไรก็ดี สถานที่ผลิตสุราต้องมีพื้นที่เพียงพอที่จะผลิตสุราโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น และมิใช่สถานที่ผลิตสุราของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุรารายอื่น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของการบริโภคสุราและมิติของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ร่างกฎกระทรวงนี้เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตสุรา รวมทั้งปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุราให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตสุรา ในปัจจุบันให้มากขึ้น ร่างกฏกระทรวง มีสาระสำคัญดังนี้

-ปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิต  “กรณีสุราแช่” เช่น น้ำตาลเมา  อุ  เบียร์  ไวน์ สปาร์กลิ้งไวน์ และสุราแช่พี้นเมือง  โดยยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท   แต่ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์ ยังต้องเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฏหมายไทยและมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 51%

ในส่วนของ “กรณีสุรากลั่น” เช่น สุราขาว  ยังเพิ่มโรงงานอุตสาหกรรมสุรากลั่นขนาดกลาง ที่ใช้เครื่องจักรไม่เกิน 50 แรงม้าหรือใช้คนงานน้อยกว่า 50   จากเดิมที่มีขนาดเครื่องจักร ไม่เกิน 5 แรงม้าหรีอใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน  หรีอโรงงานไซร์ “S”   ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยจะทำให้กำลังการผลิตและคุณภาพดีขึ้น

-ยกเลิกการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำของโรงอุตสาหกรรมสุราแช่ ชนิดเบียร์ จากที่กำหนดกำลังต้องไมต่ำกว่า 1 แสนลิตร/ปี และไม่เกิน 1 ล้านลิตร/ปี เป็น โดยให้เป็นโรงงานตามกฏหมายว่าด้วยโรงงานหรือใช้เครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตสุราแช่ ชนิดเบียร์ที่มีมาตรฐานตามที่ อธิบดีกรมลรรพสามิตประกาศ แต่ยังให้คงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำลังการผลิตขั้นต่ำตามเดิม

ในส่วนโรงอุตสาหกรรมผลิตสุรากลั่น ชนิดสุราพิเศษ เช่น วิสกี้  บรั่นดี และยิน  ไม่ต่ำกว่า 30,000 ลิตร/วัน   และโรงอุตสาหกรรมผลิตสุรากลั่นชนิดอื่น ๆ เช่น  สุรากลั่นชนิดสุราขาวและองค์การสุรา  ไม่ต่ำกว่า 90,000 ลิตร/วัน รวมทั้งให้เพิ่มเติมให้เป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยโรงงาน