สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่า การบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักในญี่ปุ่นลดลง เนื่องจากคนญี่ปุ่นหันมาบริโภคขนมปังและบะหมี่มากขึ้น โดยอุปสงค์ข้าวของประเทศตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 6.9 ล้านตัน ซึ่งถือว่าลดลงต่ำกว่าระดับ 7 ล้านตัน เป็นครั้งแรก

สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รัฐบาลโตเกียวได้อำนวยการสะดวกในการเปลี่ยนผ่านของกลุ่มเกษตรกรไปยังการผลิตข้าวเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือใช้ทำแป้งข้าวเจ้า โดยรัฐจะให้เงินสนับสนุนเพื่อบรรเทาปัญหาอุปทานส่วนเกิน

ญี่ปุ่นจะนำเข้าข้าวสาลีมากกว่า 80% อย่างไรก็ตาม ราคาในตลาดโลกกลับดีดตัวสูงขึ้น นับตั้งแต่การเกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ ส่งผลให้การจัดส่งหยุดชะงัก อีกทั้งเงินเยนที่อ่อนค่ายังเพิ่มราคาผลิตภัณฑ์ ซึ่งใช้แป้งภายในประเทศด้วย

ขณะที่ บริษัทมิทาเกะ ฟู้ด แมนูแฟกเจอริ่ง ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแป้งข้าวเจ้าในเมืองโทดะ จังหวัดไซตามะ รายงานว่า นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน บริษัทอาหารหลายแห่งมีการติดต่อเข้ามาโดยระบุว่า พวกเขาต้องการใช้แป้งข้าวเจ้าแทนแป้งข้าวสาลี

แม้ว่าจะมีความพยายามในการส่งเสริมแป้งข้าวเจ้าในอดีต แต่อุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากแป้งข้าวเจ้ามีราคาแพงกว่าแป้งข้าวสาลี ทว่าช่องว่างราคานั้นลดลงเพราะวิกฤติการณ์ในยูเครน ทำให้ผู้ผลิตแป้งข้าวเจ้าบางรายในญี่ปุ่นสามารถขายผลิตภัณฑ์ของพวกเขาในราคาที่ใกล้เคียงกับแป้งข้าวสาลีอย่างมากได้

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีการพัฒนาข้าวประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงข้าวที่ใช้ทำขนมปังหรือเส้นบะหมี่ โดยรัฐบาลท้องถิ่นกำลังสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น จังหวัดฟุกุโอกะ ที่ตัดสินใจมอบเงินอุดหนุนให้สินค้าที่ใช้แป้งข้าวเจ้าที่ผลิตในจังหวัด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES