ปัจจุบันจำนวนของปูนา ในบ้านเรานั้น ได้รับผลกระทบมากขึ้นจาก จากใช้สารเคมีในการฆ่าแมลงเป็นจำนวนมากๆ และทำให้เกิดปัญหาสารพิษตกค้างลงตามแหล่งน้ำต่างๆซึ่งมีส่วนทำให้ปูนา ต้องตายไปชนิดที่เรียกได้ว่า แทบจะล้างเผ่าพันธุ์ จนต้องมีการนำเข้าปูนาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเสริม ให้เพียงพอต่อการบริโภคของคนไทยที่มีมากถึง 45 ล้านตัวต่อปี และเพื่อให้ให้ ปูนา เป็นที่ยอมรับต่อผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งด้านคุณภาพและมูลค่า ทาง CRABHOUSE จึงได้คิดค้น ทดลอง การเลี้ยงปูนาในระบบน้ำใสขึ้นมา และยังมีการวิจัยอย่างต่อเนื่อง
ความแตกต่างระหว่างปูนา
กับ ปูนาระบบน้ำใส
ปูนาน้ำใส ถือเป็นการเลี้ยงปูในระบบการเลียนแบบธรรมชาติแต่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อม ปริมาณและคุณภาพได้ตามต้องการ ทำให้ปูนาน้ำใส เป็นปูที่สะอาด ไม่มีกลิ่นดิน ปรสิต หรือ สิ่งปลอมปน ทำให้สามารถสร้างมูลค่าของสินค้าได้มากกว่า ปูนาในระบบอื่นๆ
ตัวอย่างปูนาจากบ่อดิน | ตัวอย่างปูนาน้ำใส |
สิ่งจำเป็น ในการเลี้ยงปูนาน้ำใส
- บ่อเลี้ยง
สามารถใช้ได้ทั้งบ่อปูนและกระชังแต่หากให้ทาง CRAB HOUSE แนะนำอยากให้ได้เริ่มจากกระชังก่อน เนื่องจากในขณะที่เราเริ่มต้นนั้น อยู่ในช่วงเรียนรู้การจัดการฟาร์มบ่อกระชัง จะมีข้อได้เปรียบในการเคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน เริ่มต้นได้ง่ายใช้เวลาสร้างบ่อไม่นาน นั้นเอง
ข้อเปรียบเทียบ | |
ระบบบ่อปูน | ระบบกระชัง |
- มีความคงทนแข็งแรงมากกว่าบ่อประเภทอื่นๆ สามารถใช้งานได้นาน |
- มีขนาดให้เลือกมากมายหลายแบบ - สามารถเคลื่อนย้ายจุดที่ตั้งต่างๆได้ง่ายเนื่องจากมีน้ำหนักเบาสามารถประกอบเองได้โดยสะดวก - มีระบบท่อน้ำล้น เพื่อป้องกันปูเกิดอาการช๊อคน้ำ - เป็นรูปแบบบ่อที่สามารถทำความสะอาด และ ดูแลได้ง่าย - เป็นบ่ออีกรูปแบบหนึ่ง ที่เหมาะกับการนำมาเลี้ยงในพื้นที่อาคาร ที่ไม่อาจจะสร้างบ่อดิน หรือบ่อปูนได้โดยสะดวก |
วัสดุที่ใช้ในการหลบซ่อนของปูนาน้ำใส
ปูนาเป็นสัตว์ที่มีความก้าวร้าว ทำให้ในการเลี้ยงปูนานั้น จะต้องใส่พื้นที่หลบซ่อนให้ด้วย เพื่อให้ปูนาสามารถอาศัยหลบซ่อนได้ และที่หลบซ่อนที่เหมาะสม ยังมีส่วนช่วยทางอ้อมให้ สามารถเพาะปูนาได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะว่า ปูนาตัวเมียนั้น ก็ต้องการความสงบ และเป็นส่วนตัวเพื่อที่จะเป็นปัจจัยหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ขับไข่ออกมาได้เร็วขึ้น และ ไม่เกิดความเครียดจนกินไข่ของตัวเองนั่นเอง ซึ่งสำหรับที่หลบซ่อนของปูนานั้นผู้เลี้ยงสามารถใช้ได้หลายอย่างแล้วแต่ความสะดวกในการหาวัสดุหลบซ่อนของแต่ละฟาร์มนั่นเอง โดยวัสดุหลบซ่อน ที่ได้รับความนิยมในการใช้เลี้ยงปูนาในปัจจุบัน ก็มีมากมายหลายรูปแบบ เช่น กระเบื้อง,กระบอกไม้ใผ่,ท่อ PVC เป็นต้น โดยวัสดุหลบซ่อนแต่ละอย่าง ก็อาจจะต้องมีข้อควรคำนึงต่อไปนี้
- กระเบื้อง
กระเบื้องเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในการเลี้ยงปูนาในปัจจุบัน ด้วยข้อได้เปรียบ ที่ดูแลและจัดการในส่วนของการเลี้ยงปูนา ได้ง่ายกว่า อิฐ บล็อก ที่ก็สามารถใช้ในการเลี้ยงปูนาได้เช่นกัน เพียงแต่ในหลายๆครั้ง พบว่า เวลาปูนาเข้าไปหลบในส่วนลึกๆของอิฐบล็อก แล้ว ค่อนข้างจะเอาตัวออกมาได้ยาก ไม่เหมือนกับการใช้กระเบื้อง ที่สามารถยกเข้า – ออกได้ง่าย และ สะดวกกว่า กระเบื้องที่ใช้ ควรจะเป็นกระเบื้องที่เก่า เนื่องจากะกระเบื้องใหม่ บางครั้งยังมีเศษฝุ่นที่เกิดจากการตัดรูปทรงกระเบื้อง ที่อาจจะทำให้ฝุ่นลงไปในน้ำ ซึ่งทำให้น้ำมีค่า pH ที่เปลี่ยนไป ซึ่งถ้ามากเกินไป ก็ไม่ดีต่อการเลี้ยงปู นอกจากนี้ยังจะทำให้ดูไม่งามตา ดังนั้น การใช้กระเบื้องควรจะเป็นกระเบื้องเก่า หรือ กระเบื้องที่ผ่านการแช่น้ำ ในบ่อแยกต่างหากเอาไว้ ให้หมดฝุ่นต่างๆ แล้วจึงหยิบมาใช้ดีกว่าครับ ส่วนในการวางกระเบื้องนั้น ก็ควรจะวางให้มีช่องว่างเกิดขึ้นให้มากที่สุด เพื่อให้เป็นช่องทางให้ปูได้เข้าไปหลบได้มากขึ้นครับ
- พืชน้ำ
พืชและวัสดุอื่นๆ ที่มีการใช้ในการเลี้ยงปูนานั้นก็สามารถนำมาเลี้ยงได้หลากหลาย โดยเฉพาะ ผักตบฉวา จอก และ แหน นอกจากจะเป็นการเพิ่มที่หลบซ่อนให้ปูแล้ว ยังเป็นอาหารเสริมชั้นดีให้กับปูอีกด้วย
ผักตบชวา | ดอกจอก | แหน |
อาหารของปูนา
ปูนาสามารถกินอาหารได้หลากหลายชนิด เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่กินง่ายอยู่ง่ายเลยทีเดียว โดยเมนูที่ได้รับความนิยมให้กันส่วนใหญ่ ก็อาจจะเป็น ข้าวสุกคลุกกับอาหารปลาดุก หรือว่า โครงไก่บดละเอียด โดยนำข้าวกับอาหารปลาดุก และ โครงไก่มาคลุกรวมกัน จากนั้นเอามาวางเอาไว้บนบก หรือ โปรยกระจายๆให้ปูทานก็ได้ รวมทั้งอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ ,ธัญพืช เช่นเศษผัก,ผลไม้,เนื้อมะพร้าว,สาหร่ายและพืชน้ำต่างๆ โดยผู้เลี้ยงจะต้องคอยเก็บเศษอาหารที่น้องปูทานเอาไว้ไม่หมดทิ้งเสีย เพื่อไม่ให้น้ำเสีย และเป็นปัญหาต่อการเลี้ยงปูครับ โดยการให้อาหาร อาจจะให้อาหารวันละ 1 – 2 มื้อ หรือ วันละมื้อ ช่วงเช้า หรือเย็น ตามที่ผู้เลี้ยงสะดวกก็ได้ครับ
แต่เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้เลี้ยง และให้ได้ปูที่สมบรูณ์ตามที่ตลาดต้องการทาง CRAB HOUSE จึงได้วิจัย อาหารสำหรับปูนา โดยตรงขึ้นมาเพียงใช้อาหารสำเร็จของ CRAB HOSE ก็ไม่จำเป็นต้องให้โครงไก่ หรือ ปลาเล็ก ปลาน้อยอีกต่อไป
ปลาเล็กปลาน้อยและกุ้งฝอย เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับใช้ในการเลี้ยงปูนา |
เปลือกมะพร้าว หรือเนื้อมะพร้าวฝานบางๆก็เป็นอาหารที่ปูนาชื่นชอบ | อาหารเม็ดสำเร็จรูป |
การเพาะพันธุ์ปูนา
และสำหรับการเพาะพันธุ์ปูนานั้น ก็อาจจะอาศัยการเลี้ยงรวมกันของตัวผู้ และ ตัวเมีย ตามจำนวนที่เหมาะสม เช่นในอัตรา ตัวเมีย 1 ต่อตัวผู้ หรือ จะใช้การแยกจับคู่เพาะพันธุ์ ในพื้นที่ๆจำกัดเอาไว้เป็นรายคู่ก็ได้ โดยปกติแล้ว ปูนานั้นจะผสมพันธุ์กันในช่วงฤดูฝนเป็นหลักแต่ผู้เลี้ยง ก็สามารถที่จะหลอกให้ปูนาที่เลี้ยงเอาไว้ ผสมกันได้บ่อยขึ้นได้ โดยใช้การนสปริงเกอร์ เป็นการหลอกให้ปูคิดว่า อยู่ในช่วงหน้าฝนแล้ว ยังเป็นการทำให้น้ำมีการหมุนเวียน เพิ่มออกซิเจนให้กับปูอีกทางนึ่ง
แม่ปูนา 1 ตัวจะสามารถให้ไข่ได้ถึงประมาณ 300-700 ฟอง ( ในส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และ ขนาดของแม่ปูด้วย ) โดยที่ในช่วงเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์นั้น ปูนาเพศเมียจะมีการลอกคราบ และจะมีกระดองอ่อนนิ่ม และมีอาการที่ก้าวร้าวมากกว่าปกติ และจะเลือกเพศผู้ ที่จะยินยอมให้ผสมพันธุ์ได้เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น หากว่าไม่ใช่ตัวที่เลือก ก็จะไล่ให้ออกห่าง หากยอมรับก็จะมีการผสมพันธุ์ขึ้น โดยปูเพศผู้จะใช้ก้ามจับปูเพศเมียหงายด้านท้องขึ้น ืและแนบตัวเข้าติดจับปิ้งของปูเพศเมีย พร้อมกันนั้น ปูตัวผู้ก็จะสอดในส่วนของอวัยวะสืบพันธุ์ และฉีดน้ำเชื้อเข้ารูเปิดของปูเพศเมียบริเวณหน้าอกบริเวณโคนขาคู่ที่ 3 ที่มีสองรู เมื่อน้ำเชื้อถูกฉีดเข้าไปจะถูกนำเข้าเก็บในถุงเก็บน้ำเชื้อของปูเพศเมียซึ่ง ปูตัวเมียนั้น มีความสามารถที่จะเก็บรักษาน้ำเชื้อของปูตัวผู้ได้นานถึงประมาณ 3-4 เดือน การผสมพันธุ์ของปูนานี้ จะใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยอาจจะกินเวลาได้ถึงประมาณ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ปูนาพ่อแม่พันธุ์ขณะทำการผสมพันธุ์กัน |
การตั้งท้องของปูนา
หลังจากการผสมพันธุ์เสร็จ ปูเพศผู้จะยังตามติดปูเพศเมียต่ออีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ความคุ้มครองอันตรายให้ จนกว่าปูเพศเมียนั้นจะมีกระดองที่แข็งแรง ขึ้นและสามารถหาอาหารได้ตามปกติ ปูตัวผู้ก็จะจากไปตามทางของตัวเอง ส่วนตัวเมียก็จะไปหาที่หลบซ่อนเพื่อเตรียมการออกไข่ต่อไป หลังจากได้ที่หลบซ่อน และไข่มีการพัฒนาตัวอยู่ในปูเพศเมียจนได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว ปูตัวเมียจะผลักดันไข่เข้าไปผสมกับน้ำเชื้อของปูตัวผู้ที่เก็บเอาไว้ และนำออกผ่านทางท่อนำไข่มาเก็บพักไว้ที่แผ่นท้องของตัวเอง ไข่ที่เก็บพักในแผ่นหน้าท้องจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีเหลือง และจะมีสี และขนาดที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโต และพัฒนาของตัวอ่อน โดยอาศัยอาหารจากไข่แดงในไข่นั่นเอง เมื่อถึงระยะก่อนฟัก ไข่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีสีเหลืองคล้ำมาก โดยใช้เวลานานประมาณ 3-5 สัปดาห์ ไข่ก็จะเริ่มฟัก ลูกปูนาที่ฟักออกจากไข่แรกๆนั้น จะยังอาศัยอยู่ในแผ่นท้องของแม่ปู เป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก่อนที่แม่ปูจะใช้ขาเขี่ยให้ออกไปอาศัยในแหล่งน้ำในเวลาต่อมา
ระยะไข่เหลือง |
ตัวสีเทา |
ตัวดำ พร้อมลงเดิน |
การลอกคราบ
ปูนามีการลอกคราบเหมือนเช่นเดียวกับสัตว์น้ำในตระกูลครัสเตเชียลอื่นๆ คือหลังจากฟักเป็นตัวแล้วปูนาจะทำการลอกคราบประมาณ 13-15 ครั้ง ก็จะโตเป็นปูนาเต็มวัยต่อไป และทุกครั้งที่ เกิดการ ลอกคราบจะเป็นช่วงอ่อนแอ และมักตกเป็นเหยื่อของตัวอื่น แต่หลังจากการลอกคราบ จะพบว่า ปูตัวใหญ่ และสีสวยขึ้น
ปูนาเมื่อลอกคราบออกมาใหม่ๆ สีสันจะอ่อนลง และ มีความสวยงาม |
การอนุบาลลูกปู
ถ้าเห็นว่าลูกปูโตสมบูรณ์ดีแล้ว จะช่วยแม่ปูเขี่ยลูกปูออกมาจากท้อง ก็สามารถทำได้ และหลังจากเขี่ยลูกปูออกจากท้องแม่หมดแล้ว ก็อาจจะแยกเลี้ยงลูกปู กับแม่ปู เอาไว้คนละที่ก็ได้ โดยอาจจะแยกแม่ปูที่เพิ่งออกลูกไปขุนบำรุงให้สมบูรณ์อีกครั้ง ก่อนปล่อยลงเลี้ยงรวมตามปกติ
ลูกปูนา ในช่วงสัปดาห์แรกๆ จะมีขนาดเล็ก ประมาณเท่าหัวเข็มหมุด |
และกรณีที่ผู้เลี้ยงที่เริ่มเลี้ยงลูกปูตั้งแต่แรกนั้น สามารถนำลูกปูมาเลี้ยงใส่ในบ่อ ให้อาหารโดยลูกปูที่มีช่วง 15 วันแรกควรให้ไรแดง,หนอนแดง,อาหารเม็ดบด หลังจากนั้น 15 วัน ผู้เลี้ยงอาจจะให้ปลาสับหรือกุ้งฝอย,อาหารเม็ด และเมื่อลูกปูมีอายุได้ 30 วันก็สามารถนำไปปล่อยเลี้ยงในบ่อที่มีการจัดเตรียมเอาไว้ พร้อมกับใส่ที่หลบซ่อนเอาไว้ให้มากๆ เพื่อให้มีปริมาณของลูกปูที่รอดจนโตได้ขนาดที่ต้องการได้มากที่สุด เนื่องจากลูกปูในวัยอ่อนนั้น จะลอกคราบบ่อย และ มักจะกินกันเองในช่วงนี้มาก ดั้งนั้นถ้ามีเนื้อที่ ขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งเป็นการดี หรือจัดบ่อให้มีที่หลบซ่อนเพียงพอ โดยการใช้แสลนเป็นที่หลบซ่อนได้เลี้ยงลูกปูนานั้น จะใช้เวลาตั้งแต่ออกจากท้องแม่ ไปประมาณ 6-8 เดือนจึงจะโตเต็มที่ และ เริ่มวัฏจักรของการสืบพันธุ์ได้อีกครั้ง