bloggang.com mainmenu search






สวัสดีค่า






หลังจากปล่อยรีวิวทริปเหนือไปแล้วกับที่พักที่แรก น่านบูติคโฮเต็ลที่ ลิงค์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)


ตามต่อด้วยรีวิวโรงแรม Le Meridien เชียงใหม่ที่ ลิงค์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)



และได้ปล่อยรีวิวร้านอาหารทริปเหนือไปแล้ว 4 ร้านติดต่อกันดังนี้

1. ร้านครัวเห็ดโคน ณ กำแพงเพชร (คลิกเพื่ออ่าน)

2. ร้านเฮือนใจ๋ยอง ณ เชียงใหม่(คลิกเพื่ออ่าน)

3. ร้านบ้านขวัญ ณ เชียงใหม่(คลิกเพื่ออ่าน)

4. ร้าน W by Wanlamun ณ เชียงใหม่(คลิกเพื่ออ่าน)






วันนี้จะมารีวิวที่เที่ยวบ้างนะคะ (หลังจากรีวิวนี้จะปล่อยรีวิวร้านอาหารให้ครบถ้วน แล้วก็จะเริ่มที่เที่ยวแพร่ ที่เที่ยวน่านแล้วค่ะ) เพื่อเป็นการคั่นกันบ้าง (จะได้เป็นข้อมูลให้ เผื่อใครจะไปเที่ยวช่วงปีใหม่นี้ด้วยน่ะนะคะ)


ที่แรกก็คือพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ ซึ่งอยู่เส้นทางเชียงใหม่-ฮอด (ทางไปอินทนนท์) กม.ที่ 35 แล้วก็ปิดท้ายด้วยถนนคนเดิน วัวลาย ซึ่งมีรูปไม่มากค่ะ (รีวิวนี้ไม่ยาวๆ อิอิ)


ติดต่อพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศที่ เบอร์ 053-024287,053-024288,053-024289
โทรศัพท์มือถือ เบอร์ 089-4304050,089-8555852





แผนที่จากเว็บพิพิธภัณฑ์นะคะ
//www.ganeshmuseum.com/


















สำหรับปากทางเข้าของพิพิธภัณฑ์จากถนนใหญ่ก็เป็นดังภาพเลยค่ะ
(ต้องคอยสังเกตอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นถนนเล็กๆ เองนะคะ)



จะเห็นว่าต้องเข้าไปจากถนนใหญ่อีก 5.5 กม.ค่ะ

















สองข้างทางระหว่างวิ่งไป แบบวิ่งไปกลัวไปค่ะ เพราะค่อนข้างเปลี่ยวๆ อยู่เหมือนกัน แหะๆ (ถ้ามาเย็นๆ ย่ำๆ คงน่ากลัวจริงๆ หนะแหละ)



















วิ่งยาวจนลอดซุ้มประตูนี้ไป



















ก็ยังวิ่งต่อไป (5.5 กม. ขาไปนี่ เหมือนยาวนานมากๆ ค่ะ) และเมื่อเห็นรถบัส ก็ใจชื้นขึ้นได้แล้วค่ะ (ไม่หลงแล้วเฟ้ยยยยย) รถบัสต้องจอดข้างนอกนะคะ แต่รถยนต์สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดด้านในได้


















ปากทางเข้าค่ะ เลี้ยวเข้าไปกันเล้ย (ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ)



























จอดรถได้หลายคันอยู่ค่ะ เท่าที่นับคร่าวๆ น่าจะราวๆ 20 คันสบายๆ






















ย้ำเตือนเบอร์โทร. และตำแหน่งแห่งที่กันอีกทีหนึ่ง



















จากลานจอดรถ มองไปที่อาคารนี้ ทางขวามือก็คือห้องน้ำนะคะ ทั้งหญิงและชายเลย




















จากห้องน้ำ หันตัวไปทางขวา ก็จะเจอทางเข้าแล้วหละค่ะ (จะเห็นว่ากำลังทำซุ้มอยู่ ช่วงที่ไปนั้น ใกล้วันยี่เป็ง – ลอยกระทงน่ะค่ะ)





















เข้าไปก็จะเจอสระน้ำและตัวอาคารสูงๆ อย่างในภาพนะคะ ด้านในมีพระพิฆเนศองค์หนึ่งด้วย แต่เรายังไม่ไปดูกันค่ะ





















ถ้าหันไปทางขวา ก็จะมีที่บูชานวนพเคราะห์นะคะ แต่เรายังไม่ได้ไปไหว้อีกเช่นกัน





















เราหันไปทางซ้ายแล้วเดินเข้าไปค่ะก็จะเจออาคารสำหรับสักการะพระพิฆเนศ




















เครื่องบูชาพระพิฆเนศนะคะ มีขนมลาดูปจำลองด้วย เห็นแล้วอยากหาของจริงๆ มากินบ้างนะนี่ แหะๆ




















นอกจากนั้นก็มีชุดไหว้ซึ่งมีทั้งมะพร้าวและกล้วยค่ะ ราคาชุดละ 50 บาท (หลังจากเราไหว้เสร็จแล้ว เราสามารถลาเอากลับบ้านไปรับประทานได้ด้วยนะคะ)




















นอกจากนั้นก็มีเทียนสืบชะตา สะเดาะเคราะห์และรับโชคด้วยนะคะ



















หลังจากบูชาของมาแล้วเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปด้านในอาคารกันค่ะ



















ด้านในจะมีเทวรูปพระพิฆเนศ พระชายาทั้งสององค์และลูกของท่านนะคะ เจ้าหน้าที่บอกว่า รูปแบบครบๆ เช่นนี้หาดูได้ยากมากๆ พร้อมกับบอกด้วยว่า ตามตำนานเดิมพระพิฆเนศ ไม่มีชายาค่ะ จนลัทธิศักติ (นับถือสตรี) แพร่หลาย ก็มีเรื่องชายาเข้ามาเพิ่ม ชายาทั้งสององค์ของท่าน องค์หนึ่งคือ สิทธิ (ความสำเร็จ) และพุทธิ (ความฉลาด) ค่ะ




















นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้ดูรองพระบาท (จำศัพท์ผิดหรือเปล่านี่) ของพระพิฆเนศด้วยค่ะ




















เจ้าหน้าที่คนนี้ค่ะที่มาเล่าให้ฟัง พร้อมทั้งนำสวดมนตร์และสาธยายมนตร์ด้วยค่ะ

จากนั้นก็เอาของที่เราบูชามาวางไว้ พร้อมกับเตือนว่า อย่าลืมมาลาไปกินเพื่อความเป็นมงคลด้วย แล้วก็บอกให้เราไปกระซิบข้อความที่จะขอจากพระพิฆเนศที่หูของหนูที่อยู่ด้านหน้าอาคาร (ดูจากรูปข้างบนได้ค่ะ)

โดยเวลาขอให้พูดหนึ่งข้าง แล้วก็ปิดหูหนูอีกหนึ่งข้าง หนูซึ่งเป็นพาหนะของพระพิฆเนศก็จะไปบอกให้ค่ะ




















ในอาคารนี้มีตู้โชว์ของขวัญที่ทำถวายองค์พระพิฆเนศปีนี้นะคะ และรายละเอียดของอัญมณีที่ใช้ทำค่ะ























ส่วนตรงใกล้ๆ ทางเข้า-ออกของอาคารก็มีสิ่งนี้อยู่ด้วยค่ะเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่อยู่แล้ว เลยไม่ได้ถามว่าเป็นอะไร แหะๆ



















จากนั้นเราก็ออกจากอาคาร ไปสักการะพระนวนพเคราะห์ (ดูรูปจากที่โพสต์ไปก่อนหน้านะคะ) แล้วก็เริ่มเดินไปดูจุดอื่นๆ จนไปเจอเทพองค์นี้ (ขออภัยที่ลืมแล้วว่าเป็นเทพองค์ไหนค่ะ)


















และมีเอกสารบอกข้อควรระวังไว้ด้วย แสดงว่ามีมิจฉาชีพนำไปหากินเยอะนะนี่



















เทพองค์เมื่อกี๊อยู่ใกล้ๆ กับอาคารหลังนี้นะคะ ซึ่งก็คือเทวลัยของพระพิฆเนศค่ะแต่เราจะเดินไปดูพิพิธภัณฑ์ก่อนค่ะ ก็เลยเลี้ยวซ้ายไป





















เดินผ่านอาคารนี้ เหมือนเป็นที่สำหรับนมัสการพระลักษมีด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้เข้าไป




















เข้าไปก็จะเจออาคารนี้ซึ่งเป็นการจำลองสวยัมคเนศ ของจริงอยู่ในอินเดียมี 8 ที่นะคะ





















ผ่านซุ้มโค้งนี้เข้าไปก็จะเป็นบริเวณที่ตั้งของอาคารพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ มีทั้งฝั่งซ้ายและขวาเลย




















มองย้อนกลับไป จะเห็นเทวรูปจำลองพระคเนศ ขนาบสองข้างทาง ซึ่งแปลกตาอยู่ค่ะ แต่เดี๋ยวตอนออกค่อยเก็บอีกที




















เราเข้าไปยังอาคารทางซ้ายมือก่อนนะคะ (ภายในห้ามถ่ายรูป) ขอบรรยายด้วยตัวอักษรแทนแล้วกันนะคะ

ด้านในจะเป็นที่ประดิษฐานของเทวรูปพระพิฆเนศในศิลปะแบบต่างๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะฮินดู เขมร อินเดียใต้ อยุธยา จาม รัฐโอริสา

มีวิรวิฆเณศวร 16 กร ซึ่งถือเวตาล (หรือซากศพ) ด้วยค่ะ


นอกจากนั้นก็มีคานธีคเณศ (พระคเณศในลักษณะของมหาตมะคานธี) อีกต่างหาก เรียกได้ว่า มีเทวรูปพระพิฆเนศแปลกตาให้ดูเยอะเลยค่ะ มีทั้งองค์เล็กองค์ใหญ่เลยค่ะ



















ส่วนอาคารทางฝั่งขวา จะมีประวัติพระพิฆเนศ – ซึ่งที่จริงก็มีประวัติหลายอย่างแหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลูกของพระศิวะกับพระอุมา มีทั้งเกิดจากขี้ไคลของพระอุมา แต่ก็มาโดนพระศิวะตัดหัว แล้วก็ต้องไปหาหัวมาต่อ แล้วก็ปรากฏว่าได้หัวช้างมาต่อน่ะค่ะ


นอกจากนั้นในห้องนี้ก็ยังมีเทวรูปแปลกๆ อย่างเช่น พระปัญจมุข ซึ่งเป็นพระคเณศ 5 หน้า นอกจากนั้นก็มีพระพิฆเนศ พร้อมพาหนะที่ไม่ปรากฏในคัมภีร์ซึ่งอยู่ในตู้ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพาหนะที่เป็นช้าง 3 เศียร เป็นไก่ เป็นกระต่าย เป็นงู เป็นสิงโต แถมยังมีที่มีพาหนะเป็นหอยสังข์อีกอ้ะ อเมซซิ่งมากๆ

นอกจากนั้นในอาคารนี้ก็ยังมีพระพิฆเนศในปางต่างๆ ที่เหมาะกับงานแต่ละงาน เช่น ปางพระทวิชา คณปติ เหมาะสำหรับการบุกเบิก เริ่มงานหรือชีวิตใหม่ เริ่มกิจการใหม่ ปางพระวีระ คณปติ อวตารแห่งนักรบ ปางออกศึกและปราบมาร ให้อำนาจในการบริหารการปกครอง ปางพระอุจฉิษฎะ คณปติ ปางเสน่หาและความสำเร็จสมปรารถนา มีทั้งหมด 32 ปางอะค่ะ



แถมยังมีพระพิฆเนศบนไพ่ทาโรห์ด้วย – อเมซซิ่งอีกแล้วครับท่าน


















ส่วนรูปนี้ ก็คือเทวรูปที่ประดับข้างทางเดินน่ะนะคะ คือ พระพิฆเนศในญี่ปุ่น ซึ่งถือกันว่าเป็น God of Bliss จะเป็นพระคเณศสตรี อะค่ะ




















ก่อนออกไปเก็บภาพโดยรวมของโซนพิพิธภัณฑ์ซักหน่อย



















จากนั้นก็มาที่เทวลัยของพระพิฆเนศค่ะ แต่เขาไม่ให้ขึ้นไปนะคะ




















ขออนุญาตท่านแล้วก็ซูมเก็บภาพด้านในมาฝากได้เพียงเท่านี้ค่ะ





















ในส่วนของสวยัมคเณศจำลองในอินเดียทั้ง 8 แห่ง ก็มีกระจายอยู่ทั่วไปทั้งในส่วนพิพิธภัณฑ์และด้านนอกนะคะ อย่างอันนี้ก็เป็นแห่งที่ 7 ค่ะ




















มีประวัติให้อ่านด้วยค่ะ






















ปิดท้ายด้วยป้ายบอกเวลาทำการค่ะ



















จากนั้นก็ไปที่ถนนคนเดินวัวลายค่ะ (วันที่เราไปนอนเลอฯ เชียงใหม่เป็นวันเสาร์ เลยไม่ได้ไปเดินท่าแพค่ะ) ซึ่งไปหลังจากไปกินอาหารค่ำกันแล้ว ระหว่างเดินทางไปกินอาหารก็เห็นเค้าจัดงานยี่เป็งกันด้วย (ถ้าจำไม่ผิดอยู่แถวๆ ศาลากลางหรือเปล่าหนอ) อย่างที่บอกนะคะ มีรูปไม่ได้เยอะมาก เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนขายง่ะ






















เราเอารถไปฝากจอดไว้ที่ใกล้ๆ ปลายถนนวัวลายค่ะ ค่าฝากจอดรู้สึกจะ 40 บาท

จากนั้นก็เริ่มเดิน คนเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ ของที่ขายก็มีทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก


















มีกลุ่มของคนพิการมาเล่นดนตรีด้วย หน้าตาดูมีความสุขมากๆ เลยค่ะ ชอบ





















โดยรวม สำหรับพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ สำหรับใครที่ศรัทธาและนับถือ ก็ควรไปนะคะ ได้เห็นเทวรูปในลักษณาการที่แปลกๆ ตาค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ถ้าใครไม่สนใจทางด้านนี้ ก็อาจจะไม่ค่อยน่าไปเที่ยวหรือศึกษานัก

ส่วนถนนคนเดินวัวลาย ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากค่ะ ถ้าเทียบแล้วที่ท่าแพน่าเดินกว่า แต่ถ้าไปในวันที่ไม่ตรงกัน ก็ไปเดินเล่นชิลๆ ได้อยู่ค่ะ


















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาที่บล็อกเรานะคะ

572452/4469/405


Create Date :25 ธันวาคม 2552 Last Update :25 ธันวาคม 2552 9:19:03 น. Counter : Pageviews. Comments :32