bloggang.com mainmenu search



สวัสดีค่ะ

เดินกลับออกมาจากพระที่นั่งอนันตสมาคมแล้ว คณะของเรามารวมกลุ่มกันที่หน้าพระบรมรูปทรงม้า




อ.ไกรฤกษ์ นานา บรรยายประวัติของพระบรมรูปทรงม้าไป เราบางคนก็เดินถ่ายภาพรอบๆ ไปด้วย





ประวัติความเป็นมา

พระบรมรูปทรงม้า ณ พระลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ที่ประชาชนทั้งประเทศพร้อมใจกันสร้างถวายในรัชกาลของพระองค์ ขณะยังดำรงพระชนม์อยู่เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๑
ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่งประการหนึ่ง
คือ ตามปรกติอนุสาวรีย์ของบุคคลนั้น มักจะสร้างภายหลังที่บุคคลนั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว ยกเว้นพระบรมรูปทรงม้าแห่งเดียวเท่านั้น
อีกทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานเปิดพระบรมรูปด้วยพระองค์เอง





การสร้าง “พระบรมรูปทรงม้า” นั้น สืบเนื่องมาจาก ๒ กรณีประกอบกัน คือ

กรณีที่ ๑ เวลานั้นพระองค์ทรงคิดแผนผังสนามขนาดใหญ่เพื่อเชื่อมถนนราชดำเนินที่สร้างเสร็จแล้วกับพระที่นั่งอนันตสมาคมที่กำลังสร้าง

กรณีที่ ๒ อีกปีเศษจะถึงอภิลักขิตมงคล ซึ่งพระองค์จะทรงครองราชย์ยืนนานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์ไทยในขณะนั้น
จึงควรจะมีการสมโภชเป็นงานใหญ่
และได้ดำรัสสั่งให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร เป็นประธานในการจัดงานสมโภช
เนื่องจากพระองค์ยังทรงอยู่ระหว่างการเสด็จประพาสยุโรป

โดยใช้ชื่อการจัดงานครั้งนี้ว่า “พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก”

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชและคณะเสนาบดี มีความเห็นพ้องกันว่า เนื่องจากเป็นพระราชพิธีมหามงคลที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
จึงควรที่จะชักชวนให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้มีโอกาสบริจาคทรัพย์ตามกำลังเพื่อทูลเกล้าฯถวายเป็นเงินเฉลิมพระขวัญ
หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า “ทำขวัญ” แล้วแต่จะทรงใช้สอยเงินนั้นตามพระราชหฤทัย
นอกจากนี้แล้วยังมีเสนาบดีบางคนเห็นว่าควรจะสร้างสิ่งอันใดไว้เป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติด้วย
ซึ่งข้อตกลงนี้เห็นควรให้รอมติต่อเมื่อรู้ยอดเงินเฉลิมพระขวัญเสียก่อน

ในขณะเดียวกันก็ได้ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จไปทอดพระเนตรพระราชวังแวร์ซาย ณ ประเทศฝรั่งเศส
และสนพระทัยพระรูปพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงม้า หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ลานข้างพระราชวัง
ทรงปรารภว่าถ้ามีพระบรมรูปทรงม้าของพระองค์ตั้งไว้ในสนามที่ถนนราชดำเนินเชื่อมกับพระที่นั่งอนันตสมาคมคงจะสง่างามดี
เหมือนเช่นที่มักมีกันตามประเทศต่างๆ ในยุโรป สืบราคาสร้างพระบรมรูปเช่นนั้นว่าราว ๒๐๐,๐๐๐ บาท ในขณะนั้น





คณะกรรมการจึงสำรวจยอดเงินเฉลิมพระขวัญ
ปรากฏว่ามีประชาชนยินดีถวายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑ ล้าน ๒ แสนบาท เสนาบดีจึงลงมติ
แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชกราบทูลขอถวายพระบรมรูปทรงม้านั้นเป็นของขวัญทูลเกล้าฯจากประชาชนชาวไทย
สนองพระมหากรุณาธิคุณในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ก็โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาต
จึงปรากฏพระบรมรูปทรงม้าขึ้น ณ พระลานพระที่นั่งอนันตสมาคมด้วยประการฉะนี้
โดยได้สร้างแล้วเสร็จพร้อมกราบบังคมทูลถวายฯ เมื่อวันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๑

สำหรับเงินเฉลิมพระขวัญที่เหลือจากการสร้างพระบรมรูปทรงม้าอีกประมาณเกือบ ๑ ล้านบาท ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายตามมติเดิม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชดำริว่าจะนำเงินนั้นไปใช้ประการใด เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย
เพื่อสนองคุณความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระองค์นั้น ยังไม่ทันตกลงว่าจะทำประการใด ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ จึงทรงดำเนินการตามพระราชประสงค์ของพระองค์
โดยโปรดให้ใช้เงินเฉลิมพระขวัญที่ยังเหลืออยู่ก่อตั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ลักษณะขององค์พระบรมรูปทรงม้า




พระบรมรูปทรงม้า อยู่ระหว่างการปั้นในสตูดิโอ ในกรุงปารีส ประเทฝรั่งเศส


สำหรับองค์พระบรมรูปทรงม้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จไปทำการตกลงและเลือกชนิดโลหะด้วยพระองค์เอง
อีกทั้งยังทรงเสด็จไปประทับเป็นแบบให้นายช่างปั้นหุ่น ขณะเสด็จประทับอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งพระรูปมีขนาดโตเท่าพระองค์จริง เสด็จประทับอยู่บนหลังม้าพระที่นั่ง โดยม้าพระที่นั่งนั้นมิใช่ปั้นจากแบบม้าพระที่นั่งจริง
แต่เป็นม้าที่บริษัทได้ปั้นเป็นแบบเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว






พระบรมรูปทรงม้าหล่อด้วยโลหะทองบรอนซ์ วางบนแท่นศิลาอ่อน สูง ๖ เมตร กว้าง ๒ เมตร ยาว ๕ เมตร
ห่างจากฐานของแท่นออกมา มีโซ่ขึงล้อมรอบกว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๑ เมตร
ตรงฐานด้านขวามีอักษรฝรั่งเศสจารึกชื่อช่างปั้นและช่างหล่อชาวไว้ว่า C.MASSON SEULP 1980 และ G.Paupg Statuare
และด้านซ้ายเป็นชื่อบริษัทที่ทำการหล่อพระบรมรูปทรงม้าว่า SUSSF Fres FONDEURS. PARIS





สำหรับแท่นศิลาอ่อนด้านหน้า มีแผ่นโลหะจารึกอักษรไทย ติดประดับแสดงพระบรมราชประวัติและพระเกียรติคุณ
ลงท้ายด้วยคำถวายพระพรให้ทรงดำรงราชสมบัติอยู่ยืนนาน








ครั้นเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วพสกนิกรใคร่จะให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป
จึงได้ทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชานุญาตต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ พระองค์ทรงเห็นชอบด้วย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีวันนักขัตฤกษ์สำหรับให้ประชาชนถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าเป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๕
ต่อมาจึงเปลี่ยนวันถวายบังคมเป็นวันที่ ๒๓ ตุลาคม
อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว





ในปัจจุบันถึงแม้มิใช่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ก็จะมีประชาชนจำนวนมากพากันไปสักการบูชาที่ลานพระบรมรูปอยู่เสมอโดยเฉพาะในวันอังคาร
ซึ่งตรงกับวันพระราชสมภพของพระองค์ โดยมีความเชื่อว่าจะเสมือนหนึ่งไปรอเฝ้ารัชกาลที่ ๕





โดยในเวลา ๔ ทุ่ม พระองค์ท่านจะเสด็จมาประทับ ณ พระบรมรูปทรงม้าด้วย



เมื่อบรรยายความเป็นมาของพระบรมรูปทรงม้าแล้ว ทางทีมงานของมติชนก็เดินแจกดอกไม้ธูปเทียนให้พวกเรา
เข้าไปกราบไหว้สักการะพระบรมรูปฯ ระลึกถึงองค์คุณงามความดีของ ร.๕ ที่มีมากมายเหลือคณานับต่อประเทศชาติ




จากนั้นคณะของพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันค่ะ
พบกันครั้งหน้านะคะ (กับเรื่องอะไร...ยังไม่บอก....)








Create Date :12 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :26 พฤษภาคม 2555 14:13:03 น. Counter : Pageviews. Comments :19