bloggang.com mainmenu search
12 มกราคม 2555 : พระทันตธาตุ ภูฏาน สานสัมพันธ์สองแผ่นดิน

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุ จากประเทศภูฏาน มาประดิษฐานที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมือง เชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงได้ร่วมกันสักการะ และร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554


นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากประเทศภูฏาน ขึ้นบนรถบุษบกจากท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปประดิษฐานที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมือง เชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงได้ร่วมกันสักการะ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 19 มกราคม จากนั้นในวันที่ 20-26 มกราคม จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดคอหงส์ หาดใหญ่ จากนั้นวันที่ 27 มกราคมถึง17 กุมภาพันธ์ จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดหนองแวง พระมหาธาตุแก่นนคร

ทั้งนี้สืบเนื่องจากสมเด็จพระราชธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งถือเป็นปีมหามงคลโดยมีการอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้ากัสสปะ จากราชอาณาจักรภูฏาน มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย ถือว่าเป็นมงคลแห่งพระบรมกษัตริยาธิราชของ 2 ราชอาณาจักรและประสานสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ นับเป็นการส่งเสริมด้านศาสนสัมพันธ์ของคณะสงฆ์ไทย และถือเป็นเกียรติประวัติต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง


สำหรับความเป็นมาของพระทันตธาตุองค์นี้ ได้อันเชิญมาจากประเทศอินเดียประมาณช่วงศตวรรษที่ 8 โดยมีเอกสารรับรองว่าเป็นพระทันตธาตุขององค์พระมหากัสสปะเจ้า มีอายุมากกว่า 3,000 ปี และเป็นองค์เดียวในโลกที่เหลืออยู่ เก็บรักษาไว้อย่างดีในพระราชวังของสมเด็จพระราชาธิปดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ไม่เคยนำออกนอกประเทศมาก่อน แต่เนื่องจากภูฏานกับไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน มีพระราชประสงค์จะร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชมนพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา
คัดลอกมาจากครอบครัวข่าว 3
//www.krobkruakao.com/ข่าว/50220/อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากภูฏานประดิษฐานที่เชียงใหม่.html



"พระบรมสารีริกธาตุ" ขององค์สมเด็จพระพุทธกัสสปะ
The Tooth Relic of Buddha Khassapa

สถานที่ประสูติ อิสิปตนมิคทายวันแห่งนครพาราณสี
ประสูติในตระกูลพราหมณ์ พระพุทธบิดาพระนามว่า"พรหมทัตตพราหมณ์" พระพุทธมารดาพระนามว่า"ธนวดีพราหมณี" พระอัครมเหสีพระนามว่า"สุนันทาพราหมณี" พระราชโอรสพระนามว่า"วิชิตเสนกุมาร" เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองฆราวาสอยู่ได้ ๒,๐๐๐ ปี พาหนะที่ทรงออกบรรพชาคือปราสาทที่ลอยไปในอากาศรัตนบััลลังก์ ที่ประทับนั่งวันตรัสรู้ กว้าง ยาว สูง ๑๕ ศอก ไม้ศรีมหาโพธื์ที่ตรัสรู้ชื่อว่า"ไม้นิโครธ" ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้นาน ๗ วัน วันตรัสรู้เป็นวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาปุณณมีพระอัครสาวกได้แก่ พระติสสเถร และพระภารทวาชเถร พระอุปัฏฐากได้แก่ พระสัพพมิตตเถร พระอัครสาวิกาได้แก่ พระอนุฬาเถรี และ พระอุรุเวลาเถรี อัครอุปัฏฐากชื่อว่าสุมังคละ และ ฆฏิการะ มหาอุบาสกามีพระอรหันต์เป็นพุทธบริวารแวดล้อมจำนวน ๑ โกฏิ พระวรกายสูง ๒๐ ศอก พระรัศมีแผ่ออกโดยรอบพระวรกาย กว้างไกลหาประมาณมิได้ ปรินิพานเมื่อพระชนม์มายุ ๒๐,๐๐๐ ปี


คาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้ากัสสปะ
อะหัง วันทามิ พุทธกัสสปะทันตสารีริกธาตุโย
อะหัง วันทามิ สัพพะโส
ข้าพเจ้าขอไหว้พระทันตธาตุ กัสสะปะพระพุทธเจ้า
อธิษฐาน: ขอความสุข ความเจริญ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า และครอบครัว ด้วยเทอญ









พระสงฆ์จากภูฏานร่วมสวดมนต์ ทุกค่ำคืน














ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมสักการะพระทันตธาตุ ภูฏาน มหามงคล ๒ แผ่นดิน
ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๘-๑๙ มกราคม ๒๕๕๕ นี้ครับ
Create Date :12 มกราคม 2555 Last Update :12 มกราคม 2555 7:39:12 น. Counter : Pageviews. Comments :21