bloggang.com mainmenu search

การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในเจดีย์
การบรรจุพระพระบรมสารีริกธาตุในประเทศไทย เป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ ทำให้เกิดศรัทธาอย่างต่อเนื่อง พุทธศาสนิกชนไทยนิยมบรรจุพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในอดีตนั้น นิยมสร้างสถูปเจดีย์เพื่อบรรจุพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุมาก เห็นได้จากมีเจดีย์เก่าแก่มากในบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลพบุรี อยุธยา เป็นต้น ในปัจจุบัน มีการอัญเชิญพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุในสถูป(หรือสถูปเจดีย์)ซึ่งถือว่าเป็นสถูปที่สร้างขึ้นในยุคใหม่ภายในประเทศ ๑๓๖ แห่ง ที่สำคัญ เช่น เจดีย์พระบรมธาตุ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ พระเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ วัดญาณสังวราราม ชลบุรี พระมหาเจดีย์มหารัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล นครปฐม พระมหาธาตุเจดีย์มิ่งมงคล วัดวังยาว ประจำจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการอัญเชิญพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุ ณ เจดีย์ในต่างประเทศอีก ๓๐ แห่ง เช่น พระเจดีย์สมาคมประชาสังคมสงเคราะห์ ญี่ปุ่น พระเจดีย์วิปัสสนาเคหะ เมืองบันดุง อินโดนีเซีย

พระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุที่ผู้ศรัทธาอัญเชิญไปประดิษฐานในเจดีย์ต่าง ๆ นี้ มีผู้นำมาถวายแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ประทานต่อให้ผู้จิตศรัทธอัญเชิญไปประดิษฐานในที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นที่บูชาสักการะของพุทธศาสนิกชนและของศาสนิกชนอื่นผู้ศรัทธา หรือบางกรณีก็ไปอัญเชิญพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุจากต่างประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา มาประดิษฐานในประเทศไทย


ปาฏิหาริย์เกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ

เหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจและเป็นที่เกิดศรัทธาประการที่สองคือ "ปาฏิหาริย์"ของพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุในประวัติศาสตร์ไทย ในตำนานเรื่องพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูนบอกว่า "ประมาณ พ.ศ.๑๕๙๐ พระเจ้าอาทิตย์ทรงเห็นปาฏิหาริย์พระธาตุเปล่งรัศมี ๖ สี (ฉัพพัณณรังสี)จึงทรงให้สร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุ

จารึกวัดช้องล้อม จังหวัดสุโขทัย(ประมาณ พ.ศ.๑๙๒๗)บอกว่า "สมเด็จพระมหาธรรมราชา เมื่อทรงสร้างพระพุทธรูปศิลา ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นพระศรีรัตนธาตุกระทำปาฏิหาริย์ สว่างดังลวดเงินเห็นเป็นขนาดใหญ่เท่าเสื่อสาด"

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีบันทึกในพงศาวดารว่า กษัตริย์หลายพระองค์ทรงเห็นปาฏิหาริย์ของพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุ เช่น พระบรมราชาธิราชที่ ๑ ทอดเห็นพระเนตรปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ จึงโปรดเกล้าฯให้ทหารปักหลักไว้ตรงที่พระบรมสารีริกธาตุปรากฏ แล้วทรงสถาปนาวัดมหาธาตุขึ้นใน พ.ศ. ๑๙๑๗ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเห็นปาฏิหาริย์ถึง ๔ ครั้ง ดังบันทึกเหตุการณ์เมื่อ พ.ศ.๒๑๓๗ ที่เมืองปาโมก ความตอนหนึ่งว่า "… พระบรมสารีริกธาตุปาฏิหาริย์ โชติช่วงมาเท่าผลส้มเกลี้ยง มาแต่ทักษิณทิศ เวียนเป็นทักษิณาวรรตแล้วเสด็จไปอุดรทิศ …"

พ.ศ.๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที ๖ ขณะทรงพระยศเป็นมกุฎราชกุมาร เสด็จประทับที่พระราชวังสนามจันทร์ ได้ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ดังบันทึกตอนหนึ่งว่า "… ได้เห็นองค์พระปฐมเจดีย์รัศมีสว่างพราวออกทั้งองค์ ดูประหนึ่งว่าองค์พระปฐมเจดีย์ด้านตะวันตกคือด้านที่เล็งตรงกับสนามจันทร์นั้นทาด้วยฟอสฟอรัส พราวเรือง ๆ …" ครั้นเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วก็ได้ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ที่องค์พระปฐมเจดีย์อีกใน พ.ศ.๒๔๕๗

บุคคลทั่วไปในปัจจุบันจำนวนมาก ที่ศรัทธาเลื่อมใส รักษาศีลปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ได้เห็นปาฏิหาริย์แห่งพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุ บางคนมีห้องสำหรับสวดมนต์ไหว้พระประจำบ้าน มีแท่นเตรียมไว้เฉพาะสำหรับพระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุเสด็จ


การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
บุคคลผู้ศรัทธา ประสงค์จะให้พระธาตุ/พระบรมสารีริกธาตุเสด็จ ให้เตรียขันธ์เงินตั้งไว้ ณ ที่บูชาพระ ปูผ้าขาวเหมือนเป็นอาสนะรองนั่ง เมื่อจะอัญเชิญ สำรวมจิตรักษาศีลแผ่เมตตา นั่งลงตรงหน้าที่บูชา บริกรรม(กล่าวในใจ)คาถาดังนี้

อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คะโตสมิ มะหันตา ภินนะมุคคา มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททะกา สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเส เม ปะตันตุ.

ตั้งแต่นี้ไป ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งจนตลอดชีวิต พระบรมสารีริกธาตุขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วหัก ขนาดกลางมีลักษณะคล้ายข้าวสารหัก ขนาดเล็กมีลักษณะคล้ายเมล็ดผักกาด พระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวมานี้มีประดิษฐานอยู่ในที่ทุกแห่ง ขออัญเชิญเสด็จมาประดิษฐาน ณ ศีรษะของข้าพเจ้า
ข้อสำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้อัญเชิญจะต้องรักษาศีลปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง สำรวมกาย วาจา ใจ มีเมตตาธรรมต่อสัตว์โลก โอบอ้อมอารี ไม่คิดพยาบาทอาฆาตใคร


อานิสสงฆ์การบูชาพระธาตุ
พระมหากัสสปะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "ปทุมุตตระ"

พระมหากัสสปะกล่าวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทานตอนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้าครั้นสร้างอัคฆิยเจดีย์งดงาม สูง ๑๐๐ ศอก กว้าง ๑๕๐ ศอก ดังวิมานเสียดฟ้า สั่งสมบุญไว้แล้ว ทำจิตให้เลื่อมใสในห้องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ(ของพระปทุมุตตระ)นั้น สร้างกุศลเป็นอันมาก ระลึกถึงบุรพกรรม จึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นไตรทิพย์ คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำเสร็จแล้ว"

พระธาตุปูชกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "สิทธัตถะ"
พระธาตุปูกชกะกล่าวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทานตอนหนึ่งสรุปความได้ว่า "ข้าพเจ้าได้เก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้า(พระสิทธัตถะ) ไว้บูชาตลอด ๕ ปี เหมือนบำรุงพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ ข้าพเจ้าได้บูชาพระธาตุไว้ จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบำรุงพระธาตุ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้ทำเสร็จแล้ว"
พระปัจจุปัฏฐานสัญญกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี
พระปัจจุปัฏฐานสัญญกะกล่าวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทานตอนหนึ่งสรุปความได้ว่า "ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดยักษ์ ได้รับคำแนะนำให้บูชาพระธาตุของพระพุทธเจ้า(พระอัตถทัสสี) เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้สร้างพระสถูปบรรจุพระธาตุ บำรุงพระสถูปอยู่ ๕ ปี ด้วยผลกรรมนั้น จึงได้รับสมบัติ ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว"
Create Date :05 กรกฎาคม 2548 Last Update :5 กรกฎาคม 2548 17:29:17 น. Counter : Pageviews. Comments :6