3 ธ.ค. 2022 เวลา 02:15 • บันเทิง

เปิดประวัติ“เคน-ธีรเดช” พระเอกยอดนิยมอันดับ 1 ขวัญใจมหาชน

ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ หรือ เคน เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ที่โรงพยาบาลพญาไท เป็นบุตรชายคนโตของ วีรประวัติ วงศ์พัวพันธ์ หรือ ตึ๋ง ซึ่งเป็นผู้กำกับละคร กับ กาญจนา วงศ์พัวพันธ์ ซึ่งเป็นผู้เขียนบทโทรทัศน์ มีนามปากกา เช่น วรพันธ์ รวี, ลีลาวดี และ แดง รวี มีพี่สาว 1 คน
เคนมีผลงานละครเรื่องแรกคือ หกพี่น้อง ที่กำกับโดยตึ๋ง-วีรประวัติ บิดาของเขาเอง และออกอากาศในปี พ.ศ. 2528 ส่วนละครเรื่องที่ 2 ในวัยเด็กคือ ต้นส้มแสนรัก ทางช่อง 3 แสดงร่วมกับ หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส แต่หลังจากนั้นเขาก็กลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเด็กทั่วไป ศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก รุ่นที่ 26 จนถึงชั้น ม. 5 จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้สักระยะ ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อ ที่สถาบันการถ่ายภาพแห่งบรูกส์(Brooks Institute of Photography) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่เรียนได้ 2 ปีก็กลับบ้าน เนื่องจากตรงกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งหลังจากกลับเมืองไทยมีคนทาบทามให้ทำงานวงการบันเทิง โดยเริ่มต้นที่มิวสิกวิดีโอเพลง"เพียงเธอ" ของวงแบล็คเฮด ตามมาด้วยผลงานการเดินแบบ ถ่ายแบบ และถ่ายโฆษณา
เคนกลับมาทำงานละคร โดยรับบทรองในละครเรื่อง ซุปเปอร์ลูกทุ่ง ผลิตโดย บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ช่อง 9 ถัดจากนั้นจึงได้รับบทพระเอกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในละครเรื่อง ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในบท ไกรสร แสงอนันต์ ซึ่งผลิตโดย บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ทางช่อง 7 ในปี 2542 จากนั้นได้แสดงนำในภาพยนตร์วัยรุ่น เรื่อง โกซิกซ์ : โกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ. 2543
หลังจากนั้น เคนได้ย้ายเข้ามาเริ่มเป็นนักแสดงเลือดใหม่ในสังกัดช่อง 3 ในฐานะลูกหม้อค่ายยูม่า โดยแสดงละคร 2 เรื่อง คือ ฝนตกขี้หมูไหล...คนอะไรมาพบกัน และคนของแผ่นดิน จากนั้นเคนได้แสดงภาพยนตร์เรื่องที่ 2 กำกับโดยผู้กำกับระดับตำนานอย่าง เชิด ทรงศรี เรื่อง ข้างหลังภาพ คู่กับ คาร่า พลสิทธิ์
ปี พ.ศ. 2544 ได้แสดงละครเรื่อง เสือ 11 ตัว ของค่ายยูม่า ปลายปีเดียวกัน บริษัท บรอดคาสต์ ไทยเทเลวิชั่น วางตัวให้เคนรับบทพระเอกแนวดราม่าเป็นครั้งแรก ในเรื่อง แรงเงา ซึ่งเป็นรีเมคละครและภาพยนตร์ดังเรื่อง แรงหึง ประพันธ์โดย นันทนา วีระชน ในครั้งนั้นเขาแสดงคู่กับ แอน ทองประสม เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ช่วงวางตัว แต่เมื่อออกอากาศแล้วได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม โดยแรงเงาเวอร์ชันนี้ ช่อง 3 ได้นำมาออกอากาศใหม่อีกถึง 2 รอบ คือในปีพ.ศ. 2546 และ 2547 ถือเป็นละครช่อง 3 ไม่กี่เรื่องที่มีการออกอากาศถึง 3 รอบ
ต้นปี พ.ศ. 2545 เคนได้แสดงละครเรื่อง แผลเก่า คู่กับ เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ และกลางปีเดียวกันนี้ เขาได้รับบทท้าทายในละคร ไอ้ม้าเหล็ก ของค่ายยูม่า ในบทโจรโฉดใจชั่วที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่เกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมกลายเป็นเหมือนเด็กเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ที่แสนสุข จนกระทั่งวันที่ต้องร้าวรานเมื่อจำอดีตของตัวเองได้ บทนี้เองทำให้เขาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2545
ความเป็นพระเอกละครดราม่าขวัญใจสาวๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อละครเรื่อง สองเรานิรันดร ที่เขาแสดงคู่กับ อ้อม-พิยดา อัครเศรณี โดยบริษัท โพลีพลัส ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลดารานำชายจากหลายสถาบัน รวมถึง รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ที่เคนได้รับเป็นครั้งที่ 2 ด้วย คู่พระ-นาง ธีรเดช-พิยดา ยังได้รับการโหวตให้เป็นดาราคู่ขวัญอีกด้วย จากนั้นเขากลับไปแสดงละครบู๊ตลกเรื่อง สายสืบสายสะดือ ซึ่งเรื่องนี้เกิดอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำฉากบู๊ขับเจ็ตสกีทำให้ศีรษะชนเข้ากับสะพาน ทำให้ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ปี พ.ศ. 2549 เคนได้กลับมาร่วมงานกับแอนอีกครั้ง ในละครอุ้มรัก ทำให้เกิดกระแสคู่ขวัญ"เคน-แอน" เป็นที่กว้างขวางกลายเป็นขวัญใจของแฟนละคร โด่งดังจนกระทั่งซุปเปอร์สตาร์ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เชื้อเชิญไปรับบทคู่รักในมิวสิควิดีโอ"เถียงกันทำไม" นอกจากนี้เขายังขึ้นแท่นพระเอกยอดนิยมอันดับ 1 จากสวนดุสิตโพลเป็นปีแรกอีกด้วย
กระแสเรียกร้องคู่ขวัญ เคน-แอน ประสบความสำเร็จในปี พ.ศ. 2551 กับละครพิสูจน์ฝีมือการแสดงในบทดราม่าในละคร สวรรค์เบี่ยง พลิกบทบาทจากพระเอกอบอุ่นมาเป็นพระเอกร้าย ทำให้เขาได้เดินสายรับรางวัลพระเอกยอดเยี่ยมจากหลายสถาบัน รวมถึงได้รับ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งที่ 3 ด้วย นอกจากได้รางวัลแล้ว ตัวละครก็ประสบความความสำเร็จด้านยอดผู้ชมด้วย รายงานเรตติ้งเฉลี่ยจากนีลเส็น ตลอดทั้งเรื่องอยู่ที่ 14.6 และเรตติ้งสูงสุดที่ 20.7 กับตอนอวสานของละครเรื่องนี้ ละครของธีรเดช เป็นที่สนใจอย่างต่อเนื่อง
โดยในปลายปีนั้นเอง บ.เมเกอร์ กรุ๊ป ได้นำ ธีรเดช มารับบทดราม่าน้ำตานอง คู่กับ แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เป็นครั้งแรกในละครเรื่อง ใจร้าว ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวได้ร้องเพลง"ใจฉันเป็นของเธอ" ของบอย พีซเมกเกอร์ เพื่อใช้ในบทบาทในเรื่องด้วย ความโด่งดังทำให้เคนได้รับการโหวตให้เป็นพระเอกยอดนิยมอันดับ 1 จากสวนดุสิตโพล ติดต่อกันเป็นปีที่ 3
และยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าอีกหลายชนิด หลังจากนั้นทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีก 2 เรื่อง คือ สูตรเสน่หา เรื่องนี้เคนได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งทำสถิติการได้รับรางวัลดารานำชายดีเด่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และ 365 วันแห่งรัก
อนึ่งเมื่อ ปี พ.ศ. 2553 ภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ที่ออกฉายเมื่อ พ.ศ. 2552 ได้เข้าฉายในประเทศอินโดนีเซียและกลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก กระแสบอกต่อทำให้ระยะเวลาฉายในโรงหนังขยายออกไป และถือเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่เปิดตลาดให้ภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติกคอมเมดี้จากเดิมที่ดังเฉพาะหนังสยองขวัญ รถไฟฟ้ามาหานะเธอยังได้เข้าฉายในสิงคโปร์เมื่อ 29 ก.ค. พ.ศ. 2553 และไต้หวัน เมื่อเดือน ก.ย. ปีเดียวกัน
นอกจากผลงานการแสดงแล้ว เคนยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษเพื่อเยาวชนของ UNICEF ประจำประเทศไทย(ปี 2551-ปัจจุบัน) และเป็นผู้นำเสนอโครงการ "ไวท์ ริบบิน เยียร์" การรณรงค์ด้วยการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว ของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(ปี 2553)
ด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสกับ หน่อย-บุษกร พรวรรณะศิริเวช โดยได้เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2550 พร้อมทั้งจดทะเบียนสมรส มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน
โฆษณา