31 พ.ค. 2020 เวลา 10:27 • การศึกษา
"โคลอสเซียม" น่ากลัวกว่าที่คิด ??
1
ถ้าพูดถึงเรื่องของโคลอสเซียม เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะรู้จักเป็นอย่างดีว่ามันคือสนามกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในสมัยยุคโรมันเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว ที่เขาว่ากันว่าเป็นสนามกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น และรอบนอกถูกสร้างจากประตูทั้งหมด ซึ่งสนามกีฬาตรงนี้ที่ถูกสร้างจากประตูทั้งหมดเลยเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าทึ่งของคนในยุคปัจจุบันมาก
1
แต่ถามว่าความน่าทึ่งตรงนี้ มันน่าทึ่งเฉพาะแค่การนำประตูมาทำแค่นั้นหรือเปล่า ตามความเป็นจริงและตามข้อมูลที่หามาคือไม่ใช่ ความน่าทึ่งของโคลอสเซียมมีมากมายตั้งแต่เรื่องของ กลไกต่างๆภายในโคลอสเซียมที่มีทั้งระบบลิฟท์ในการขนส่งคนหรือสัตว์ขึ้นไป หรือแม้แต่องศาต่างๆ การวางการจัดเรียง และรวมถึงอุปกรณ์วัสดุต่างๆในการก่อสร้างที่ค่อนข้างแข็งแรงมาก และสามารถบรรจุคนได้ถึง 50000-55000 คน
3
ถ้าเทียบในยุคปัจจุบันก็คงจะเหมือนสนามกีฬาฟุตบอลขนาดกลางไปเกือบใหญ่เลย แต่ในยุคนั้นเขาไม่ได้มีเทคโนโลยีเหมือนกับในยุคปัจจุบันเรา คนส่วนใหญ่เลยให้ความสนใจ และคิดว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก ซึ่งในตอนแรกความคิดในการสร้างสนามกีฬาโคลอสเซียมขึ้นมา คนที่คิดริเริ่มจะสร้างเขามีจุดประสงค์ในการหยุดความรุนแรง และความโกลาหลในกรุงโรมันสมัยนั้น เนื่องจากว่าจักรวรรดิโรมันในยุคนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เพราะว่าเนโร จักรพรรดิคนที่ 5 ของโรมันได้ทำการสั่งขึ้นภาษีประชาชนอย่างรุนแรง เพียงเพราะต้องการที่จะนำภาษีตรงนี้ไปสร้างปราสาทขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโรม และสร้างรูปปั้นทองคำ 100% ที่ถูกปั้นเป็นรูปร่างของเขา เพื่อที่จะแสดงศักยภาพให้ทั้งโลกเห็นว่า กรุงโรมในตอนนั้นไม่เป็นสองรองใครเลย
และด้วยสาเหตุตรงนี้ เลยทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้าน เนื่องจากว่าเป็นการเก็บภาษีที่ค่อนข้างไม่ค่อยเป็นธรรมสักเท่าไหร่ จึงเกิดการก่อปฏิวัติในกรุงโรมอยู่หลายปีเลย ซึ่งในตอนนั้นเองทางจักรพรรดิเนโรเขาก็ต้องการที่จะหยุดการปฏิวัติครั้งนี้ เขาเลยได้ทำการติดต่อไปยังแม่ทัพท่านนึงที่เคยมีผลงานจากการสู้รบชนะประเทศอังกฤษในตอนนั้น ซึ่งคนคนนั้นก็คือ เวสเปเชียน นั่นเอง
และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ เวสเปเชียนเป็นคนที่คิดริเริ่มสร้างโคลอสเซียมขึ้นมา และในอนาคตคนคนนี้ก็จะเป็นจักรพรรดิคนต่อไปอีกด้วย และในเวลาต่อมาหลังจากที่เวสเปเชียนได้รับคำสั่งให้มาจัดการกับปัญหานี้ เวสเปเชียนก็ทำสำเร็จจนทำให้กรุงโรมกลับมาสู่ความสงบได้ แต่ความสงบนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการเก็บภาษีแต่อย่างใด ก็มีการเก็บภาษีแบบขูดเลือดขูดเนื้อกันเหมือนเดิม จนสุดท้ายก็เกิดการก่อปฏิวัติกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้รุนแรงมากกว่าครั้งแรกหลายเท่า จนทำให้จักรพรรดิเนโรต้องยอมสละตำแหน่งลง และตัวเนโรรู้ตัวดีว่า หลังจากที่สละตำแหน่งจะต้องโทษประหารชีวิตอย่างแน่นอน เขาเลยตัดสินใจทำการอัตวินิบาตกรรมเพื่อหนีโทษการประหาร และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าอัตวินิบาตกรรมคืออะไร มันก็คือคำว่าฆ่าตัวตายนั่นเอง
ซึ่งในเวลานั้นหลังจากที่เนโรได้เสียชีวิตลงไป กรุงโรมก็ยังอยู่ในขั้นวิกฤตอยู่ดี ตามหลักฐานในหน้าประวัติศาสตร์ เขาคาดการณ์กันว่ามีวิกฤตทางเศรษฐกิจและสงครามการเมืองยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 3 จักรพรรดิเลย
ซึ่งตรงนี้ทางสภาชั้นสูงเขาเลยได้มีการประชุมกันว่า จะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไรดี เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้อาณาจักรล่มสลายได้เลย ทางสภาชั้นสูงก็ได้มีมติเห็นชอบกันว่าให้ทำการติดต่อไปหาเวสเปเชียน เพื่อมารับตำแหน่งจักรพรรดิ และกลับมาแก้ไขปัญหานี้ให้ได้
และในเวลานั้นเองเวสเปเชียนเขาก็ไม่ได้อยากรับตำแหน่งนี้เลย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่บังคับเขาเลยไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้นั่นเอง
และปัญหาต่อมาที่เกิดขึ้นคือ ในช่วงที่กรุงโรมเกิดวิกฤต คนไม่มีความศรัทธา ไม่มีความเชื่อในตัวจักรพรรดิ เขาจะทำยังไงให้คนเหล่านี้กลับมาเชื่อและศรัทธาในตัวเขา เขาเลยเกิดไอเดียขึ้นมาหนึ่งอย่างว่า เขาจะต้องสร้างสนาม Gladiator
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้ได้นั่นเอง เนื่องจากว่าในยุคนั้นความบันเทิงที่คนชอบกันมากที่สุดคือการต่อสู้ในสังเวียน Gladiator ทางเวสเปเชียนเขาเลยคิดว่าถ้าเขาสร้างสนาม Gladiator ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถเข้าได้ทุกคน ทุกชนชั้น เขาจะสามารถซื้อใจและทำให้คนเหล่านี้กลับมาชอบในตัวเขาได้
1
เขาเลยได้คิดริเริ่มสร้างโครงการนี้ขึ้นมานั่นเอง แต่ในการสร้างสนาม Gladiator ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมันจะต้องมีขนาดที่ใหญ่กว่า และแปลกกว่าที่อื่น ซึ่งปัจจัยหลักในการสร้างสนามกีฬาตรงนี้ มันก็คงไม่พ้นเรื่องของงบประมาณ แต่ในช่วงนั้นเป็นช่วงยุคเศรษฐกิจของกรุงโรมที่อยู่ในขั้นวิกฤต ตรงนี้เลยเป็นปัญหาที่ทางเวสเปเชียนต้องแก้ไขให้ได้ ถ้าเวสเปเชียนทำแบบเนโรสุดท้ายเขาก็จะโดนปฏิวัติและโดนกระทำแบบเนโรเช่นกัน เขาเลยเกิดไอเดียขึ้นมาและไอเดียตรงนี้คือจุดเริ่มต้นของมุมมืดในการสร้างโคลอสเซียมนั่นเอง
ตามข้อมูลได้บอกไว้ว่า เพื่อที่จะสร้างโคลอส
เซียม ทางเวสเปเชียนจึงได้ส่งลูกชายตัวเองที่มีนามว่า Titas ไปบุกที่เยรูซาเล็มเพื่อปล้นสิ่งมีค่ามาเป็นเงินทุน แต่เงินที่ปล้นมาจากเยรูซาเล็มเขาบอกว่ามันก็ยังไม่เพียงพอ ในตอนนั้นเอง Titas จึงได้เกิดไอเดียว่าหลังจากที่ตีเยรูซาเล็มแตกแล้ว เขาได้จับเชลยมาเป็นทาสหลายพันคน เขาเลยนำทาสเหล่านั้นไปขายให้คนในกรุงโรม เพื่อไปรับใช้และเป็นทาสต่อที่นั่น ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วย
หลังจากที่ปล้นเยรูซาเล็มมาแล้ว และขายทาสทั้งหมดปรากฏว่ามีเงินทุนพอที่จะสร้างโคลอสเซียมได้แล้ว เขาเลยได้ทำการสั่งสร้างโคลอสเซียมทันที และหลังจากที่สร้างโคลอสเซียมเสร็จ ก็ได้เปิดให้บริการ ซึ่งวันแรกที่เปิดให้บริการเสียงตอบรับค่อนข้างที่จะดีมาก เพราะด้วยสนามที่บรรจุคนได้กว่า 50000 คน มีคนเข้ามาวันแรกเต็มอัตราและวันต่อๆไปในช่วงนั้นเต็มทุกวัน เลยทำให้เศรษฐกิจของกรุงโรมในยุคนั้นเริ่มดีขึ้นมาตามระดับ
แต่คำว่าดีขึ้นตรงนี้ต้องแยกเป็น 2 อย่างว่ามีทั้งดีขึ้นในด้านสว่าง และมีทั้งดีขึ้นในด้านมืด ในด้านสว่างเราก็น่าจะรู้กันอยู่ ก็คงจะเป็นพวกร้านค้า ขายของที่ระลึก ขายอาหารเครื่องดื่มทั่วไป แต่ถ้าเป็นด้านมืดทุกครั้งที่มีการแข่งขันกีฬา ไม่ว่าจะเป็นกีฬาไหนก็แล้วแต่ จะต้องมีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และการพนันเหล่านั้นถ้าคนที่พนันหมดเนื้อหมดตัวก็จะถูกจับไปเป็นนักโทษ และบังคับให้ขึ้นสังเวียน Gladiator นั่นเอง
ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างน่าสนใจคือ ข้อมูลเขาได้บอกไว้ว่าไม่ว่าจะเป็น Gladiator คนไหน ต่อให้เป็นโจร เป็นทาสหรือเป็นขุนนาง หรือใครก็แล้วแต่ ถ้าคนคนนั้นชนะในการต่อสู้ เขาจะเปรียบเหมือนซุปเปอร์สตาร์ในยุคปัจจุบัน ต่อให้อดีตเขาจะเป็นโจรหรือเป็นทาส ถ้าชนะได้เขาจะเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันที และหลังจากที่เปิดโคลอสเซียมสักระยะเวลาหนึ่ง ความนิยมก็เริ่มถึงจุดสูงสุดและก็เริ่มดร็อปลงไปเรื่อยๆ คนก็เริ่มที่จะเบื่อและรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรต่างจากเดิม Titasจึงมีการเพิ่มอรรถรสด้วยการนำสัตว์เข้ามาในการต่อสู้ และผลตอบรับที่ออกมาคือคนชอบ และคนสนุกมากขึ้นกว่าเดิม แต่ตรงนี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน ด้วยการที่นำสัตว์ร้ายเข้ามา สัตว์ร้ายเหล่านี้เราไม่สามารถควบคุมได้ ถ้า Gladiator ชนะสัตว์ตัวนี้ได้ก็จะรอด แต่ถ้าพลาดท่า นั่นก็หมายความว่ามีแต่ความตายอย่างเดียว
ซึ่งตรงนี้ในหน้าประวัติศาสตร์เขาคาดการณ์กันว่า หลังจากที่มีการนำสัตว์ร้าย นำสัตว์ต่างๆเข้ามาต่อสู้ในโคลอสเซียม จะมีสัตว์เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 5000 ตัว และนี่เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สัตว์บางชนิดเกือบสูญพันธุ์ในยุคนั้น และบางชนิดสูญพันธุ์ไปเลยก็มีเช่นกัน
ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างโหดร้ายพอสมควร แต่เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะตั้งข้อสงสัยกันว่าทำไมสนามกีฬาโคลอสเซียมถึงเป็นที่โด่งดังและคนพูดถึงกันเยอะมาก เราก็ต้องยอมรับในด้านสถาปัตยกรรมจริงๆ ว่าโคลอสเซียมเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบกลไกต่างๆภายในโคลอสเซียม การก่อสร้าง หรือแม้แต่วิศวกรที่ก่อสร้าง ทุกๆอย่างเพอร์เฟคหมดเลย ในขณะที่ในยุคนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่จะสามารถทำอะไรได้ขนาดนี้ เขาเลยค่อนข้างที่จะทึ่งกันว่าคนสมัยก่อนทำได้ยังไงนั่นเอง และความน่าทึ่งอีกหนึ่งอย่างก็คือ ทางนักโบราณคดีเขาเชื่อกันว่า โคลอสเซียมสมัยก่อนมีแนวโน้มว่า Titas อาจจะเคยนำน้ำมาปล่อยในสนามกีฬาโคลอสเซียม และมีการสู้รบกันทางเรือด้วย ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างน่าสนใจมาก และมีหลักฐานยืนยันทางด้านประวัติศาสตร์ เพราะตามข้อมูลได้บอกว่าเขามีการค้นพบทางระบายน้ำ และมีการค้นพบระบบไฮดรอลิค เป็นไปได้สูงเลยที่จะมีการปล่อยน้ำเข้าไปในโคลอสเซียม และมีการต่อสู้ทางเรือในนั้นด้วย
1
โฆษณา