6 พ.ย. 2019 เวลา 07:00 • กีฬา
นักมวยคราบนักเลง : มิตช์ กรีน คู่ชกที่ทำให้ ไมค์ ไทสัน กลัวการมีเรื่อง
มิตช์ กรีน อาจจะไม่ใช่นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวตระดับตำนานที่คอมวยทั่วไปให้คำยกย่องสรรเสริญมากมายนัก เขาไม่ได้เร็วแบบ มูฮัมหมัด อาลี ไม่ได้หนักหน่วงแบบ ไมค์ ไทสัน และไม่ได้ทนทายาดอย่าง โจ เฟรเซียร์ ทว่าเขาคนนี้คือนักชกสายนักเลงที่พร้อมจะหักกับทุกคนที่ขวางหน้า
ยิ่งเมื่ออยู่ข้างถนน กรีน ไม่เคยกลัวใคร ... และนี่คือเรื่องราวนอกสังเวียนของเจ้าของฉายา "ไอ้เลือดสาด" ที่ทำให้ ไมค์ ไทสัน ต้องปวดหัวกับการกัดไม่ปล่อยยิ่งกว่าการจองเวรของตัวร้ายจากหนังฆาตกรโรคจิต ติดตามการสู้จนกว่าจะชนะของ มิตช์ กรีน ที่มีต่อ "ไอรอน ไมค์" ได้ที่นี่
นักรบข้างถนนผู้ถูกเลือก
11 ปี ... คือความห่างระหว่างอายุของ มิตช์ กรีน กับ ไมค์ ไทสัน แม้จะเป็นช่วงที่ห่างพอสมควรสำหรับการขึ้นมาชกกันบนเวที แต่ประเด็นคือพวกเขาเรียนมวยที่แรกมาจากสำนักเดียวกัน นั่นคือสำนักข้างถนน ...
ไทสัน คือผลิตผลของพ่อ-แม่ ที่ไม่พร้อมจากย่านเสื่อมโทรมจากสลัมใจกลางมหานครนิวยอร์ค รู้จักการแลกหมัดเพื่อเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ส่วน กรีน นั้นคือนักเลงรุ่นพี่ในนิวยอร์คเช่นกัน เขามาจากแยก 175 ณ ถนน แอนโธนี่ แอนด์ เคลย์ อาเวส และเป็นหัวหน้าแก๊งที่เคยจับอาวุธมาแทบทุกอย่างก่อนที่เริ่มหันมาชกมวย เรียกง่ายๆ ว่าสภาพแวดล้อมบีบให้ทั้งคู่ไม่เข้มแข็งพอที่จะหันหลังให้ความชั่วร้าย พวกเขาเสพติดการทำร้ายใครสักคนที่ข้างถนนซึ่งคนประเภทนี้แม้จะคะนองในวัยแรกเริ่มแต่ปลายทางนั้นก็หนีไม่พ้น 2 สิ่ง ไม่จบชีวิตบนถนนสายต่อสู้ของพวกเขาเอง ก็ติดคุกแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
1
อย่างไรก็ตามโชคชะตาของ 2 นักเลงต่างรุ่นจากนิวยอร์ค ไม่ทันได้เดินทางมาถึงจุดจบตามทำนายที่กลายเป็นจริงเสมอสำหรับนักสู้ข้างถนน พวกเขาได้รับโอกาสที่สองในการเปลี่ยนชีวิต ทั้งคู่มีโอกาสเลือก 2 แบบคือจะเป็นราชากุ๊ยที่ทำได้แค่ขายยาค้าสิ่งผิดกฎหมาย หรือจะกลายเป็นนักสู้บนสังเวียนที่แม้แต่คนขาวก็ต้องก้มหัวให้ คำตอบง่ายนิดเดียวเมื่อมีโอกาสแล้วการไม่คว้าไว้ก็โง่สิ้นดี
คนหยิบยืนโอกาสให้ ไทสัน คือ กัส ดิ อามาโต้ ครูมวยชาว อิตาเลียน ที่เปิดโรงยิมในย่านบ้านของเขาพอดี ไทสัน จึงได้เริ่มฝึกมวยหลังจากนั้น ขณะที่ กรีน เข้าใกล้ความตายมากยิ่งกว่าเพราะเขาเคยถูกยิง และเป็นการยิงเข้ามือขวาที่ใช้ชกต่อยด้วย แต่โชคดีของเขาคือกระสุนไม่โดนกระดูก ไม่ตัดเส้นเลือด ... ทำให้หมัดขวาของเขากลับมาใช้งานได้ตามปกติ มันคือเรื่องที่น่าเหลือเชื่อซึ่งแม้แต่ตัวของ กรีน เองก็มองว่าเป็นเพราะพระเจ้าเลือกเส้นทางแก้ตัวให้กับชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
"ตอนอายุ 17 ปี ผมถูกยิง 2 นัดด้วยปืน .22 แม็กนั่ม เข้าที่หมัดขวา มันต้องเป็นประสงค์ของพระเจ้าแน่ที่ทำให้ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย" กรีน ที่กลับมาเข้าเรียนอีกครั้งและเริ่มทำงานเป็น รปภ. กล่าวถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต
ประสบการณ์ที่ผ่านมาและความเฉียดตายในช่วงวัยรุ่น กลายเป็นสิ่งที่ติดตัวและเป็นสไตล์การชกที่ทั้งคู่สลัดไม่หลุด ทั้งคู่ถือว่าเป็นมวยเชิงที่ชอบเดินหน้าบุก ตามลักษณะนิสัยที่ไม่กลัวใคร ต่างกันเพียง 2 เรื่องเท่านั้นที่ทั้ง 2 คนได้รับไม่เท่ากัน นั่นคือ "พรสวรรค์" กับ "วาสนา"
ขอโทษทีพี่...แต่ผมมันของขึ้นห้าง
กรีน นั้นเกิดก่อนและแน่นอนเขาเริ่มเส้นทางอาชีพไวกว่าไทสัน โดยตัวของ กรีน ชกอาชีพไฟต์แรกในปี 1980 ก่อนจะทำสถิติไร้พ่ายมา 16 ไฟต์ เพียงแต่เมื่อถึงวันที่เขาทำอันดับจนได้เป็นผู้ท้าชิงกับ เทรเวอร์ เบอร์บิก เขาก็พ่ายแพ้ไปในปี 1985 และปีเดียวกันนั้นเอง ไทสัน เริ่มชกอาชีพไฟต์แรก ก่อนจะกลายเป็นโคตรมวยดาวรุ่งแห่งยุคที่อาวุธครบเครื่อง เขาชนะมา 20 ไฟต์ โดยมีถึง 19 ไฟต์ที่เป็นการชนะน็อคคู่แข่งด้วย
จากสถิติดังกล่าวคงเห็นถึงเชิงมวยและพรสวรรค์ที่เหนือกว่าจากฟากของ ไทสัน อยู่พอสมควร ทั้งแง่สถิติกับรูปแบบการเอาชนะ ทว่าสิ่งที่แน่นอนยิ่งกว่าคือเมื่อคนพรสวรรค์อยู่ไหน นักล่าพรสวรรค์ก็จะตามหามันจนเจอ ซึ่งนักล่าคนนั้นคือ ดอน คิง โปรโมเตอร์อันดับ 1 ของวงการที่เคยจัดไฟต์ระดับโลกมามากมายและเป็นเหมือนชายผู้ที่เรียกค่าตัวให้ มูฮ้มหมัด อาลี จนเป็นมวยแม่เหล็กในช่วงยุค '70s ได้ใช้เวลาเจรจาและปิดดีลการเป็นตัวแทนของ ไทสัน ซึ่งมันทำให้ "ไอรอน ไมค์" กำลังจะตามรอย อาลี เข้าไปทุกขณะทั้งในเรื่องการเป็นมวยขวัญใจมหาชน และทักษะการชกเมื่ออยู่บนสังเวียน
หลังจากที่ ไทสัน เอาชนะ เจมส์ ทิลลิส ได้ในไฟต์ที่ 20 ของตัวเอง เขามองไปที่ชาร์ตอันดับนักชกรุ่นเฮฟวี่เวท เพื่อมองหาคนที่จะโค่นคนต่อไป ซึ่งมันบังเอิญพอดีที่คนๆ นั้นคือ มิตช์ กรีน เจ้าของฉายา "ไอ้เลือดสาด" (Blood) การได้เจอรุ่นพี่จากสำนักข้างถนน แถมยังได้ของแถมมาเป็นการเก็บนักมวยอันดับสูงกว่าแบบนี้มีหรือ ไทสัน จะพลาด เขาแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยเพราะหลังจากชนะ ทิลลิส 4 วัน ไทสัน ประกาศจากปากตัวเองแบบไม่เป็นทางการว่า "คู่ชกไฟต์ต่อไป คือ ไมค์ ไทสัน จะซัดกับ บลัด กรีน" และเมื่อนั้นเองดูเหมือนว่าตัวแสบที่แท้จริงไม่ใช่ ไทสัน ซะแล้ว ...
"ผมล่ะอยากให้คุณได้เห็นจริงๆ ว่ามวยเฮฟวี่เวตของแท้มันควรจะเป็นยังไง!" กรีน ให้สัมภาษณ์กับสื่อ
Photo : Mitch "Blood" Green
"นี่ๆ ดูกล้ามผมนี่สิขึ้นเป็นมัดแบบนี่สิคือเฮฟวี่เวท ไม่ใช่มะขามข้อเดียวเหมือนไอ้เตี้ยไทสันนั่นหรอก จริงๆ ผมอยากจะซัดทั้ง ไมค์ ไทสัน และ มิเชล น้องสาวของเขาด้วย ไอ้ไทสันมันแต๋วแตกจะตายไป ผมไม่เหมือนมันหรอก โอ้ที่รักรอดูแล้วกัน (บอก มิเชล) ว่าผมตบไอ้เด็กนั่นบนเวทีให้ดู" เขาเบ่งกล้ามและเริ่มหยามใส่ไทสัน ... ใครจะกลัวเด็กนรกคนนี้ก็ช่าง แต่สำหรับ กรีน ไทสัน ก็แค่เด็กเพิ่งหัดเดิน ตัวของเขานั้นชกคนสลบตั้งแต่ก่อนที่ ไทสัน จะลืมตาดูโลกเสียอีก
สำหรับฝีไม้ลายมือนั้น กรีน เองก็ไม่ธรรมดา เขาเป็นมวยที่มีความบ้าดีเดือด ต่อยดุดันสมใจแฟน แต่สิ่งที่ต่างกันดังที่กล่าวไปข้างต้นนั่นก็คือ "พรสวรรค์" เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าเขาได้เปรียบเพราะเขาตัวใหญ่กว่า มีช่วงชกที่ได้เปรียบเพราะตัวของ กรีน สูงถึง 202 เซ็นติเมตร ขณะที่ ไทสัน สูง แค่ 180 เซ็นติเมตรเท่านั้น แล้วแบบนี้ทำไมเขาต้องกลัว?
การชกกันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับ กรีน แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจในไฟต์นี้คือ ดอน คิง เล่นเกมนอกสังเวียนเข้าข้างเด็กตัวเอง ตั้งแต่ก่อนขึ้นชก ไทสัน ได้รับการันตีว่าต่อให้ชนะหรือแพ้เขาจะได้ค่าตัว 250,000 ดอลลาร์แน่นอน ขณะที่ กรีน นั้นกลับได้ค่าตัวเพียงแค่ 30,000 เหรียญเท่านั้นทั้งๆ ที่อันดับเหนือกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจและขู่ว่าจะไม่ขึ้นชกถ้าหากข้อเสนอของเขายังไม่ได้รับการพิจารณาเสียใหม่ ... น่าเสียดายที่ขู่ไปก็เท่านั้น เงินของเขาไม่เพิ่มขึ้น แต่อย่างน้อยสมาคมมวยโลกยังทำให้ไฟต์นี้สามารถดำเนินต่อไปด้วยการเสนอบางอย่างเพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะ
ต้องเข้าใจสักนิดว่าไฟต์ดังกล่าวไม่ใช่มวยเงินล้านอะไรขนาดนั้น ตอนนั้นแม้ ไทสัน จะไร้พ่ายแต่เขาก็ไม่เคยได้แชมป์โลก ดังนั้นเมื่อมันไม่ใช่แมตช์ชิงเข็มขัดแล้วจุดขายมันก็ยิ่งน้อยและการเพิ่มเงินให้กับนักมวยที่ขายไม่ได้ก็ดูจะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรสำหรับคนที่ประกอบธุรกิจ ดังนั้น รอส กรีนเบิร์ก ผู้บริหารของช่อง HBO จึงปิ๊งไอเดียยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเขาบอกว่าหากใครชนะในไฟต์นี้คนนั้นจะได้ขึ้นชิงแชมป์โลกไฟต์เฮฟวี่เวตในนัดต่อไป เท่านั้น กรีน ก็ตกลงทันใด เขามั่นใจว่าเขาจะผ่านได้ และการชนะ ไทสัน จะเป็นบันไดที่ทำให้เขาสามารถไปถึงแชมป์โลกและเงินทองที่อาจจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าไฟต์นี้อีกเป็น 100 เท่าเลยทีเดียว
ไฟต์แรกบนสังเวียน
หลังจากเคลียร์เรื่องนอกสังเวียนได้แล้วศึกชิงเจ้าแห่งนิวยอร์คก็เริ่มขึ้นในปี 1986 ที่สังเวียน เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ใจกลางมหานครนิวยอร์ค ที่คือถิ่นของพวกเขาทั้งสองคนและทั้งคู่เตรียมการมาเป็นอย่างดีเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
ไมค์ ไทสัน ในตอนนั้นอายุ 19 ปี ขณะที่ มิตช์ กรีน อายุ 30 ปี ดังนั้นมันจึงเปรียบเป็นการวัดกันของมวยสดกับมวยเก๋า และ ไทสัน ที่มีเกมบุกดุเดือดทำได้ดีกว่าตามคาด เขาไล่ต้อน กรีน จนมุมอยู่หลายหน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ กรีน คาดไว้ เขาแก่กว่าดังนั้นการจะให้เดินหน้าบวกคงไม่แคล้วต้องนับ 10 ไปก่อนแน่นอน มันจึงทำให้เขาต้องยื้อเอาและอาศัยการดักชกเพื่อทำคะแนนสะสมไว้เรื่อยๆ มันคือกลยุทธ์ที่พอเป็นไปได้ที่ กรีน จะชนะ เพราะความจริงคือ ไทสัน คือนักมวยที่ต่อยครบยกน้อยมาก เขาไร้พ่ายก็จริงแต่ 20 ไฟต์ก่อนหน้านี้เขาชนะน็อคไปถึง 19 ครั้ง และบางไฟต์เป็นการน็อคคู่แข่งตั้งแต่ยก 1 ถึงยก 3 ดังนั้นใครจะไปรู้หากว่าเขาต้องบุกครบทั้ง 10 ยกอาจจะเป็น ไทสัน เองก็ได้ที่เป็นฝ่ายหมดแรงและแพ้ภัยตัวเอง
กรีน ทำได้ดีในระดับหนึ่งในเรื่องของการลดประสิทธิภาพหมัดของ ไทสัน แต่ในทางกลับกันก็เป็นเขาเองที่ไม่สามารถต่อยเข้าเป้าได้ เพราะไทสัน ตัวเล็กและไวมากหากเทียบกับมวยเฮฟวี่เวตทั่วไป การวางแผนของกรีน สำเร็จแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะอีกครึ่งหนึ่งคือเขาต้องยอมรับความจริงว่า ไทสัน เป็นนักชกที่อยู่อีกระดับไปแล้ว การหวังเก็บคะแนนจาก ไทสัน ไม่ใช่เรื่องง่าย และนั่นคือเหตุที่ ไทสัน จ้วงเอา จ้วงเอาและผ่อนหนักผ่อนเบาจนครบ 10 ยก
แทบไม่ต้องสืบคะแนนการตัดสินเลยหากใครได้ชมไฟต์นั้น ไทสัน เหนือกว่ามากและเอาชนะคะแนนไปแบบเอกฉันท์ กรรมการผู้ให้คะแนน 3 คน ให้คะแนน ไทสัน ชนะ โดยให้ 9 ต่อ 1 คะแนนถึง 2 คน และ 8 ต่อ 2 คะแนนอีกคนตามลำดับ ด้วยคะแนนที่กล่าวมามันก็พอบอกได้เป็นนัยว่า ไทสัน คือผู้ชนะและเป็นเจ้าแห่งมหานครนิวยอร์คอย่างแท้จริง ...
สิ่งทีเกิดขึ้นทั้งหมดมันทั้งชัดเจนและใสสะอาด หากเป็นนักชกคนอื่นคงยอมรับความจริง พวกเขาอาจจะชนหมัดและกอดกันหลังผลการตัดสินออกมา แต่สำหรับ กรีน ที่มีอาการหัวร้อนตั้งแต่ก่อนขึ้นชกแล้ว มันทำแบบนั้นให้สนิทใจไม่ได้ เขาได้เงินแค่ 30,000 ดอลลาร์ และยังไม่ได้กลายเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกแบบที่หวังอีกต่างหาก นี่คือศึกที่เขาแพ้ทุกทางและในมุมมองของคนที่มีสไตล์นักเลงอย่าง กรีน แล้วนั่นคือเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ... มันต้องแก้มืออีกสักที ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง
ไฟต์ต่อมาที่ข้างถนน
หลังจากนั้นกราฟชีวิตนักมวยของทั้งสองคนสวนทางกันมาก ไทสัน กลายเป็นโคตรมวย ด้วยการทำสถิติชนะรวด 37 ไฟต์ คว้าแชมป์เฮฟวี่เวตจาก 4 สถาบันทั้ง WBA, IBF, WBC และ The Ring ขณะที่ กรีน นั้นกลายเป็นเสือเฒ่าหมดสภาพ การแพ้ ไทสัน อาจจะเป็นการแพ้ ไฟต์ที่ 2 ในชีวิตนักชกของเขา ทว่าหลังจากนั้น กรีน ก็ไม่ได้ขึ้นชกในเวทีระดับอาชีพอีกเลยถึง 2 ปีเต็มๆ
แน่นอนว่าการหายจากวงการไปนานขนาดนั้น ต่อให้เก็บเงินมาเยอะขนาดไหนมันก็ต้องร่อยหรอกันบ้าง กรีน ยากจนลงตามวิถีของนักกีฬาอาชีพ ขณะที่ ไทสัน อยู่ในช่วงขาขึ้นหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด กรีน หวังว่าจะได้แก้มือแต่มันก็ไม่มีไฟต์แก้ตัวระหว่างเขาและ ไทสัน บนเวที เพราะระดับที่นับวันจะยิ่งโดนทิ้งห่างออกไป
"ไมค์ ไทสัน กำลังวิ่งหนีผม แล้วก็ไอ้ดอน คิง - ดอน ควีน ด้วย ไทสัน มันลูกอีบัดซบจริงๆ ไอ้เด็กนี่มันกลัวผมจนไข่หด ทั้งๆ ที่ความจริงเราควรจะทำเงินด้วยกันได้มากมาย แต่ไอ่เวรนี่มันโง่บรรลัยเลย" กรีน พูดถึงเรื่องคืนนั้นในอีกหลายปีต่อมากับสำนักข่าว ESPN
1
แม้จะเลิกหวังไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามโชคชะตาก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขาเสียทีเดียว ... เขาได้เจอ ไทสัน อีกครั้ง
ปี 1988 ไทสัน สนุกกับชีวิตจริงๆ เขาเป็นนักมวยพรสวรรค์ที่สามารถแบ่งชีวิตได้เป็น 2 โหมดอย่างอัศจรรย์ ถ้าให้ซ้อมเขาสามารถซ้อมได้หนักที่สุดเท่าที่โค้ชจะสั่ง และถ้าจะให้เที่ยวเมาหยำเปไปกับเหล้ายานารีเขาก็สุดเหวี่ยงได้เหมือนกัน และคืนนั้นเองที่เดิมที่คุ้นเคย ไทสัน เดินออกมาจากโรงแรมหรูพร้อมสวยเสื้อแจ็คเก็ตหนังที่ปักประโยคหนึ่งว่า "อย่าไปเชื่อคำโฆษณา" เสื้อตัวนั้นราคา 850 ดอลลาร์ เขาแวะที่ร้านค้าสักพักและเมื่อเดินออกมาเขาจ๊ะเอ๋เข้ากับรุ่นพี่ที่คุ้นเคย มิตช์ กรีน กำลังเดินเข้ามาหาเขาราวกับมีคนบอกว่า "ไมค์ ไทสัน อยู่ตรงนี้"
กรีน เดินเข้ามาด้วยอารมณ์โกรธ ภาพเมื่อ 2 ปีที่แล้วสลัดอย่างไรก็ไม่หลุดจากหัว ทันทีที่เจอหน้า ไทสัน เขาเริ่มหยามเกียรติว่า ไทสัน เป็นเด็กเส้นของ ดอน คิง
"ไอ้แคระแกมาทำห่าอะไรในถิ่นของข้าวะ" ไทสัน เล่าสิ่งที่ กรีน พูดกับเขา ณ หน้าร้านค้าในวันนั้นเมื่อปี 1988
"กรีน มันพูดมากเกินไป เท่านั้นไม่พอผมคิดว่ามันพยายามจะกระชากกระเป๋ากางเกงของผมออก และถ้ามันขาดขึ้นมารับรองได้ว่าเงินของผมคงหายเกลี้ยงแน่ ... เราอยู่บนถนน และเราสู้กัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว" ไทสัน เล่าถึงสิ่งที่เขาจำได้
"ผมต้องสู้กับมันจริงๆ ทั้งที่มันเหมือนเป็นการสู้กันระหว่างหมาป่าอย่างผมกับแมวอย่างมัน ผมเปิดก่อนเปรี้ยงแรก แล้วตามซ้ำได้อีก 2-3 ครั้ง แต่ไอ้กรีนมันเมาโคเคนอยู่ มันลุกขึ้นมาเหมือนกับมันเป็น เจสันแห่งศุกร์ 13 ผมเลยต้องเดินเข้าไปแล้วไปซัดมันอีกเปรี้ยง อิ่มมั้ยล่ะไอ้เวร! ผมตะโกนใส่มันแบบนั้นเลย"
1
หากเป็นคนธรรมดาและโดนหมัดของ ไทสัน ไปสัก 4-5 หมัดแบบนี้ คงหลับยาวไปหลายวัน แต่เหลือเชื่อที่ กรีน ล้มไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เลือดนักเลงและจิตวิญญาณนักชกมันบังคับให้ตัวของเขาลุกขึ้นมาได้เป็นครั้งที่ 3 ...
มันเหมือนกับหนังฆาตกรรมอย่างที่ ไทสัน บอกจริงๆ กรีน คือฆาตกรที่ไม่ยอมตายเสียที ทั้งๆ ที่ ไทสัน เดินขึ้นรถคันหรูของเขาออกไปแล้วและล้อกำลังเริ่มหมุนแท้ๆ กรีน ก็โผล่มาดักหน้ารถด้วยใบหน้าโชกเลือด เขาหักกระจกมองข้างรถของไทสันทิ้ง และรถคันนั้นคือ Rolls Royce แสนรักของเขาเสียด้วย ... "กรึ่ก" ไทสัน เปิดประตูมาด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นกว่าตอนประชันกันที่หน้าร้านค้ามาก เขาเดินลงจากรถและบอกว่า "ขอโทษนะ ขอเวลารบกวนแกสัก 1 นาทีก็พอ"
"ผมต่อยมันจนล้ม ก่อนที่จะจิกหัวขึ้นมาแล้วกระแทกหมัดใส่อีกที คราวนี้หัวมันไปกระแทกคอนกรีตเต็มๆ ตูม! แล้วก็นิ่งไป" ไทสัน ต้องใช้ไม้แข็งจนได้เพื่อทำให้ กรีน หยุดราวีเขาสักที
หมัดเปลี่ยนทัศนคติ
การชกหมัดนั้นนอกจากจะทำให้ กรีน หมดสภาพสิ้นความห้าว แต่มันก็ทำให้ ไทสัน หลอนตัวเองเหมือนกัน เขาเล่าว่าหลังจากคืนนั้นเขานอนไม่หลับ เอาแต่คิดในใจว่า กรีน คงตายด้วยน้ำมือเขาจริงๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน กรีน จัดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อว่าจะฟ้องร้อง ไมค์ ไทสัน ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และเรียกเงินจากไทสันถึง 25 ล้านดอลลาร์ นี่คือการแสดงสัญชาติญาณกัดไม่ปล่อยอย่างแท้จริง แม้เขาจะแพ้บนเวที แพ้ที่ข้างถนน แต่เขาจะต้องเอาชนะให้ได้ และชัยชนะในศาลครั้งนี้จะทำให้เขามีกินมีใช้ไปตลอดชาติ ... ถามว่า ไทสัน กลัวหรือไม่กับการฟ้องร้องนี้ คำตอบคือ เปล่าเลย เขากลับดีใจด้วยซ้ำที่ กรีน โผล่หัวออกมาสักที
"ผมคิดว่าผมจะฆ่ามันตายซะแล้วผมกลัวจริงๆ ทันทีที่เห็นมันออกมาแถลงข่าวฟ้องผมด้วยตาปูดปิดไปข้างนึงแบบนั้นมันทำให้หัวใจของผมพองโต เพราะอย่างน้อยๆ ผมก็ไม่ใช่ฆาตกรแล้วกันล่ะ" ไทสัน กล่าว
ไทสัน แหยงกับการชกข้างถนนไปพักใหญ่เพราะนอกจากเกือบจะทำให้เขาเป็นฆาตกรแล้ว มันยังทำให้เขากระดูกนิ้วแตกจนต้องเลื่อนแมตช์ชกกับนักชกคนอื่นๆ ออกไปด้วย เรียกว่านอกจากจะใจเสียแล้วยังเสียงานสุขภาพอีกต่างหาก
ช่วงเวลาที่เหลือก็ถือว่าสวรรค์ไม่ได้ใจร้ายกับ มิตช์ กรีน มากนัก แม้ ไทสัน จะกลายเป็นแชมป์โลกไปอีกหลายครั้งหลายสมัย และยกระดับตัวเองกลายเป็นไอคอนทางวัฒธรรมอเมริกันด้วยการเป็นดาราในภาพยนตร์ และมีแฟนคลับที่ไม่ใช่แฟนมวยเป็นจำนวนมาก ต่างกับ มิตช์ กรีน อย่างสิ้นเชิง แต่ กรีน ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายแพ้ไทสันไปเสียทุกเรื่อง
หากคุณยังจำเรื่องที่เรากล่าวไปเมื่อสักครู่ว่าเขาเคยฟ้อง ไทสัน 25 ล้านดอลลาร์ ในปี 1988 นั้น กรีน กัดไม่ปล่อยจนหยดสุดท้าย เขาสู้คดีเพื่อเงินก้อนใหญ่ก้อนนี้ถึง 9 ปีเต็มๆ และในที่สุดเขาก็ชนะไทสันจนได้ ... แต่มันเป็นชัยชนะซึ่งท้ายสุดจบลงด้วยการที่เขาได้เงินจากไทสัน เพียง 45,000 ดอลลาร์เท่านั้น แม้จะหายไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่ากับเงินที่ฟ้องตอนแรก แถมยังไม่พอจ่ายค่าหนี้สินที่เกิดจากการขึ้นโรงขี้นศาลและทำให้เขายังถังแตกเช่นเคย แต่อย่างน้อย กรีน ก็ทำให้ ไทสัน แพ้เขาในทางใดสักทางหนึ่งจนได้ ...
สำหรับ ไทสัน แล้วแม้จะพ่ายแพ้แต่มันใจได้เลยว่า มันคือความพ่ายแพ้ที่เขาเต็มใจมาก ... เพราะถ้าหากเขายังชนะ กรีน บนศาลอีก ไม่แน่ กรีน อาจจะจองเวรเขาไปจนลมหายใจสุดท้ายเลยก็เป็นได้
แหล่งอ้างอิง
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
โฆษณา