ถุงยางอนามัย 11 ประเภท พร้อมข้อดีและข้อเสีย

ถุงยางอนามัยมีหลายประเภท มีหลากหลายรูปทรง สี และขนาด คุณสามารถเลือกแบบต่างๆ เช่น แบบหล่อลื่นและแบบผิวไม่เรียบ รวมถึงวัสดุ เช่น ลาเท็กซ์หรือหนังแกะ คุณสามารถลองใช้ถุงยางอนามัยแบบมีรสชาติหรือแบบเรืองแสงในที่มืดก็ได้ค่ะ

ถุงยางอนามัยสามารถลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางปาก, อวัยวะเพศ, หรือทวารหนัก นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 82% อีกด้วยค่ะ

ถุงยางอนามัยแต่ละประเภทมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณขึ้นอยู่กับว่าอะไรเหมาะกับคุณและคู่ของคุณ เรามาทำความรู้จักกับถุงยางอนามัยทั้ง 11 แบบกันเลยค่ะ

1. ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์

ถุงยางอนามัยแบบมาตรฐานเป็นยางที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุด และเป็นทางเลือกที่เชื่อถือได้ในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นั่นเป็นเพราะว่าน้ำยางเป็นวัสดุที่ไม่มีรูพรุนซึ่งผลิตได้ง่าย และราคาถูก เมื่อคุณใช้ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ ให้หลีกเลี่ยงการใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น:

• โลชั่น
• น้ำมันนวด
• เบบี้ออยล์
• วาสลีน

สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันสามารถสลายน้ำยางได้ ทำให้ถุงยางอนามัยเหล่านี้มีประสิทธิภาพน้อยลง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะเลือกใช้สารหล่อลื่นแบบน้ำหรือแบบซิลิโคนเมื่อคุณใช้ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ค่ะ

หากคุณสังเกตเห็นอาการคัน รอยแดง หรือมีผื่นหลังใช้ ให้ขอให้ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ทดสอบว่าคุณแพ้ยางธรรมชาติหรือไม่ค่ะ

2. ถุงยางอนามัยที่ไม่ใช่ลาเท็กซ์

หากคุณมีอาการแพ้ยางธรรมชาติ คุณยังมีทางเลือกมากมาย ซึ่งรวมถึงถุงยางอนามัยที่ผลิตจาก:

• โพลียูรีเทน
• โพลีไอโซพรีน
• หนังแกะ

ถุงยางอนามัยโพลียูรีเทนและโพลีไอโซพรีนทำมาจากวัสดุสังเคราะห์และป้องกันทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยสังเคราะห์ยังสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมกับทั้งสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันและน้ำค่ะ

ถุงยางอนามัยหนังแกะสามารถใช้กับสารหล่อลื่นทั้งสองประเภทได้เช่นกัน มีประสิทธิผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือเอชไอวีค่ะ

3. ถุงยางอนามัยภายใน

ถุงยางอนามัยภายในซึ่งบางครั้งเรียกว่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงต่างจากถุงยางอนามัยภายนอก โดยจะสอดเข้าไปในช่องคลอดค่ะ

เนื่องจากใส่ได้ยากกว่า ถุงยางอนามัยแบบใช้ภายในจึงมีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติเพียง 79% เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ ให้ใช้ร่วมกับการคุมกำเนิดรูปแบบอื่น เช่น:

• ยาคุมกำเนิด
• ห่วงอนามัยหรือห่วงคุมกำเนิด
• แผ่นแปะคุมกำเนิด

ประโยชน์หลักของถุงยางอนามัยใช้ภายในคือ ช่วยให้ผู้หญิงสามารถควบคุมสุขภาพทางเพศได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณยังสามารถใส่ถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ได้นานถึงแปดชั่วโมง ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องหยุดพักเพื่อใส่ถุงยางในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มค่ะ

เพียงแต่อย่าใช้มันร่วมกับถุงยางอนามัยภายนอก เพราะนั่นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการฉีกขาดของถุงยางทั้งสองแบบค่ะ

4. ถุงยางอนามัยหนังแกะ

ถุงยางอนามัยหนังแกะทำจากเยื่อบุลำไส้สัตว์ แม้ว่าวัสดุอาจให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้นหรือเพิ่มความไวในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็มีรูพรุนมากกว่าค่ะ

รูพรุนในถุงยางอนามัยหนังแกะมีขนาดใหญ่พอที่จะแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น HIV หรือเริมได้ ดังนั้นจึงไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และมีประสิทธิภาพน้อยกว่ามากในการป้องกันการตั้งครรภ์ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรเลือกใช้ถุงยางอนามัยแบบนี้ค่ะ

5. ถุงยางอนามัยแบบมีรสชาติ

ถุงยางอนามัยแบบมีรสชาติเป็นวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับกิจกรรมทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณหรือคู่รักไม่ชอบรสชาติของน้ำยางระหว่างออรัลเซ็กซ์ นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วพวกมันก็เหมือนกับถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ทั่วไป แค่มีรสชาติเคลือบเอาไว้ค่ะ

ถุงยางอนามัยเหล่านี้ปลอดภัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดเช่นกัน แต่หากคุณสังเกตเห็นการระคายเคืองในช่องคลอด ให้เปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยประเภทอื่นในครั้งต่อไปค่ะ

6. ถุงยางอนามัยเรืองแสงในที่มืด

เพื่อนของคุณซื้อถุงยางอนามัยเรืองแสงในที่มืดทั้งกล่องเป็นของขวัญตลกๆ สำหรับวันเกิดของคุณ แต่จริงๆ แล้วมันปลอดภัยที่จะใช้ไหม?

คำตอบคือถุงยางอนามัยเรืองแสงในที่มืดมักทำจากน้ำยาง ดังนั้นมันจึงมีประสิทธิภาพพอๆ กับถุงยางอนามัยทั่วไปของคุณ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล มันไม่ใช่ปัญหาด้านความปลอดภัยค่ะ

7. ถุงยางอนามัยแบบผิวไม่เรียบ

หากคุณกำลังสำรวจชั้นวางขายถุงยางอนามัย คุณอาจเห็นกล่องบางกล่องอ้างว่าเพิ่มความสุขได้ด้วยดีไซน์และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหมายความว่ามีพื้นผิวที่แตกต่างจากถุงยางอนามัยทั่วไปค่ะ

การจัดวางพื้นผิวเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงกระตุ้นและอาจสนุกสนานสำหรับคู่นอนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบ อย่างไรก็ตาม หากอวัยวะเพศของคุณค่อนข้างบอบบาง คุณอาจพบว่าถุงยางอนามัยแบบผิวไม่เรียบ ทำให้คุณรู้สึกระคายเคือง วิธีหนึ่งที่คุณสามารถลดแรงเสียดทานได้คือการใช้สารหล่อลื่นค่ะ

8. ถุงยางอนามัยแบบมีสารฆ่าเชื้ออสุจิ

ถุงยางอนามัยบางชนิดมีสารฆ่าเชื้ออสุจิ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเคลื่อนที่และทำลายเชื้ออสุจิได้ สารนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ถึง 79% และมาในรูปแบบต่างๆ ได้แก่:

• โฟม
• เจล
• ครีม
• ฟิล์ม
• ยาเหน็บ
• ยาเม็ด

สารเคมีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นควรเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่ปราศจากสารฆ่าเชื้ออสุจิจะดีกว่าค่ะ

9. ถุงยางอนามัยแบบบางหรือบางเฉียบ

ถุงยางอนามัยแบบบางหรือบางเฉียบก็มีลักษณะเหมือนกัน นั่นคือถุงยางอนามัยที่มีวัสดุน้อยกว่าเล็กน้อย ดังนั้น หลายๆ คนจึงมองว่าวิธีนี้เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากไม่ได้ลดความรู้สึกลงเลย

แต่วัสดุที่บางกว่าหมายความว่าฉีกขาดง่ายหรือไม่? คำตอบคือไม่ค่ะ เพราะถุงยางอนามัยมักจะฉีกขาดเนื่องจากความร้อน การเสียดสี และการใช้น้ำมันหล่อลื่นค่ะ

10. ถุงยางอนามัยแบบหล่อลื่น

ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ประเภทนี้มีสารหล่อลื่นในตัว ดังนั้น คุณจึงไม่ต้องกังวลกับการนำมาเองหรือตัดสินใจว่าจะใช้สารหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยลาเท็กซ์นี้ได้ไหม

ถุงยางอนามัยแบบหล่อลื่นยังช่วยลดการเสียดสีจากอาการช่องคลอดแห้งอีกด้วยค่ะ วิธีนี้สามารถป้องกันการระคายเคืองและป้องกันไม่ให้ถุงยางฉีกขาดค่ะ

11. ถุงยางอนามัยเพิ่มความเสียว

ด้วยการเติมสารหล่อลื่นสูตรพิเศษ ถุงยางอนามัยประเภทนี้จึงให้ความรู้สึกเสียวซ่า แก่คู่รักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย บางคนชอบความรู้สึกนี้ ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกอึดอัดหรือแทบไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวค่ะ

นอกจากนี้ ถุงยางแบบนี้ส่วนใหญ่ยังใช้สารหล่อลื่นมิ้นต์เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ ซึ่งหมายความว่าอาจมีรสชาติหรือกลิ่นที่ดีกว่าถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ทั่วไปค่ะ

ถุงยางอนามัยทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ลาเท็กซ์ โพลียูรีเทน และหนังแกะ นอกจากนี้ยังมีถุงยางอนามัยแปลกใหม่ที่เรืองแสงในที่มืดหรือเคลือบด้วยสารปรุงแต่งรส หากคุณรู้สึกไม่ชอบถุงยางอนามัยบางประเภท อาจเป็นการดีที่สุดที่จะลองใช้ถุงยางอนามัยอื่นหรือการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นค่ะ

แม้ว่าถุงยางอนามัยแต่ละประเภทจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณและคู่ของคุณค่ะ