"สิ่งที่ทำให้ฉันสะดุดตา เพราะฉันไม่มีผม ทาลิปสติกสีแดง และผิวดำสนิท"นักท่องเที่ยวผิวสีเล่าประการณ์ท่องโลก

ประสบการณ์การท่องเที่ยวของคนผิวสี

ที่มาของภาพ, EZRANY/BARNABAS KELEMEN/HANISH

ปัจจุบัน คนผิวดำรุ่นใหม่ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้นกว่าคนรุ่นพ่อแม่ และพวกเขาก็ได้นำเรื่องราวและประสบการณ์ระหว่างการเดินทางกลับมา เพื่อมาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

"สิ่งที่ทำให้ฉันสะดุดตา เพราะฉันไม่มีผม ทาลิปสติกสีแดง และผิวดำสนิท" เจสสิกา นาบองโก บอกกับบีบีซี

"เคยมีคนต่อคิวขอถ่ายรูปกับฉันที่ ทัช มาฮาล ด้วย มันออกจะน่ารำคาญเมื่อผ่านไปสักพัก แต่ฉันก็ต้องทำความเข้าใจว่า พวกเขาไม่เคยเห็นคนผิวดำมาก่อนในชีวิต"

เจสสิกา บรรลุความฝันของเธอด้วยการเดินทางท่องเที่ยวครบทุกประเทศบนโลก กลายเป็นหญิงผิวดำคนแรกที่ทำสำเร็จ "อภิสิทธิ์ของหนังสือเดินทางมีอยู่จริง การถือหนังสือเดินทางสหรัฐ ฯ ช่วยฉันได้มาก แต่หนังสือเดินทางอูกันดาก็ช่วยฉันเหมือนกัน" เธอกล่าว

ต่อจากนี้ ลิซ บริโอนา โคโจ และเจสสิกา จะมาร่วมเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวของพวกเขา ในฐานะนักท่องเที่ยวผิวดำ

ความโดดเด่นที่แตกต่าง

ลิซ ออกบอนนา-กอดเฟรย์
คำบรรยายภาพ, ลิซ ออกบอนนา-กอดเฟรย์

"เมื่อฉันยังเด็ก ฉันไม่แน่ใจเลยว่า ในฐานะคนผิวดำ ฉันจะถูกปฏิบัติอย่างไร และมันก็มีความกลัวบางอย่างที่พ่อแม่ของฉันกับคนผิวดำรุ่นก่อนปลูกฝังฉันมา" ลิซ ออกบอนนา-กอดเฟรย์ ชาวลอนดอนที่มีพ่อแม่เป็นชาวไนจีเรีย เล่า

"จีน เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะฉันหลงใหลในวัฒนธรรมจีนมาโดยตลอด และฉันลุ่มหลงในอาหารของพวกเขา" เธอเล่าว่า เธอไม่รังเกียจที่ถูกจ้องมอง แต่เมื่อเธอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่จู่ ๆ ก็ดึงมือลูกของตนเอง มาจับมือของเธอโดยปราศจากการร้องขอ เธอก็หัวเราะออกมา

"มันไม่มีแม้แต่คำขออย่าง 'ฉันขอถ่ายรูปคุณกับลูกของฉันได้ไหม' เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันน่าจะเรียกเก็บค่าถ่ายรูปนะ"

คิวบา คือหนึ่งในสถานที่โปรดของลิซ

"ฉันไม่รู้สึกเลยว่า ฉันอยู่ที่นั้นในฐานะนักท่องเที่ยว ฉันกลับรู้สึกเป็นอิสระและสบายใจ" เธอกล่าว "ฉันสามารถเต้นซัลซ่า ฝึกภาษาสเปน และเต้นรำทั้งคืนจนถึงเช้า"

เป็นอิสระ

บริโอนา แลมแบ็ก นักเขียนอิสระ อายุ 24 ปี จากรัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การท่องเที่ยวอย่างอิสระของเธอนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ผู้ซึ่งไม่เคยได้ออกเดินทางอย่างที่เธอและคนผิวดำคนอื่นทำได้ในปัจจุบัน

"ในอดีต การเดินทางของพวกเราคนผิวดำถูกเชื่อมโยงเข้ากับการล่าอาณานิคม หรือการอพยพย้ายถิ่น เรา คนผิวดำรุ่นใหม่ อยากแสดงความเคารพนี้ให้แก่บรรพบุรุษของเรา ด้วยการเดินทางด้วยเจตนารมณ์ของตนอง"

บริโอนา แลมบังค์
คำบรรยายภาพ, บริโอนา แลมบังค์

บริโอนา มีความทรงจำที่ดีมากมายจากการเดินทางไปฟิลิปปินส์ ซึ่งเธอวางแผนมาทั้งชีวิต "คุณย่าทวดของฉันเป็นคนฟิลิปปินส์ผิวดำ ฉันจึงผูกพันกับประเทศนี้เป็นพิเศษ" เธอกล่าว

ครั้งหนึ่ง เธอได้รับความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้เป็นมิตร ด้วยการให้เธอซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อไปให้ทันได้ดู "หนึ่งในพระอาทิตย์ตกแห่ง เอล นิโด อันโด่งดัง"

"ในตอนนั้น ฉันไม่กังวลกับอะไรและเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นด้วยการหันมาเชื่อใจผู้คน"

"มิตรภาพไร้สีผิว"

โคโจ บราวน์ เป็นวาณิชธนากร ลูกครึ่งอังกฤษ-กานาวัย 27 ปี เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ เขาได้เสริมว่า "การได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ ซึ่งต่อมา พวกเขาได้กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีระหว่างการเดินทาง ทำให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวของผมเต็มไปด้วยเรื่องน่าจดจำ"

โคโจ บราวน์

ที่มาของภาพ, HANISH

คำบรรยายภาพ, โคโจ บราวน์

ในการท่องเที่ยวล่าสุดของเขา โคโจ เพิ่งขับรถจากแอฟริกาใต้ไปเอสวาตินี (ชื่อเดิม คือ สวาซิแลนด์) ดำน้ำดูปะการังที่กังกุน และชมแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ ซึ่งเขาก็ได้เดินทางต่อไปที่รัสเซีย สโลวาเกีย และจีน อีกด้วย

"ไม่มีประเทศไหนที่ผมไปเยือน ปฏิเสธผมเพียงเพราะสีผิวของผมเลย" โคโจเล่า "มันเยี่ยมมาก ที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในประเทศที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอคนผิวดำ และผมก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่า พวกเราสามารถอยู่ร่วมกันได้"

แต่สำหรับบางคน ความโดดเด่นที่มากเกินนี้ อาจทำให้รู้สึกเป็นภาระได้

ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

"พวกเราได้กลายเป็นตัวแทนของคนผิวดำทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ" เจสสิกา อันยาน-บราวน์ แพทย์สาววัย 27 ปีกล่าว "ฉันรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง ที่จะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับทรงผมของฉันตลอดเวลา"

เจสสิกา อันยาน-บราวน์
คำบรรยายภาพ, เจสสิกา อันยาน-บราวน์

นอกจากนี้ ความเข้าใจที่ว่า คนผิวดำทุกคน คือ ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน นั้นเป็นเรื่องเข้าใจที่ผิด เธอบอกว่า "หลายคนเข้าใจผิดว่าฉัน คือ แอฟริกัน-อเมริกัน เพราะพวกเขาไม่ค่อยได้มีโอกาสพบเจอกับคนอังกฤษผิวดำเท่าที่ควร" และนี่ก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดของพ่อแม่ของเธอที่กานา

"การได้เดินทางไปที่นั้น ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่ได้ถูกปฏิบัติในฐานะคนผิวดำ แต่เป็นในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งฉันมีความสุขมาก"

"ฉันรู้สึกถึง พลังของคำว่า 'บ้าน' อย่างล้นหลาม มันมีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้ฉันยิ่งอยากเรียนรู้เกี่ยวกับที่ที่ฉันจากมา เพราะมันทรงผลต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน"

อย่างไรก็ตาม เจสสิกา กล่าวว่า เธอภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของนักเดินทางผิวดำรุ่นใหม่ ผู้ซึ่ง 'เป็นเจ้าของชะตาชีวิตตนเอง' และ 'เป็นคนที่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้'

"ฉันกลับบ้านมาด้วยพลังบวกและประสบการณ์อันท่วมท้น ความรู้สึกของแสงแดดที่กระทบผิวของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มันไม่มีอะไรเทียบความรู้สึกอันยอดเยี่ยมนี้ได้เลย"