ในวันนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆในการขนส่งสินค้าทางเรือ โดยหัวข้อที่จะเจาะจงในการพูดถึงนั้น จะเป็นการส่งสินค้าแบบ FCL หรือ แบบเต็มตู้
ขั้นตอนในการส่งโลจิสติกส์
1. สินค้าถูกผลิตออกจากโรงงาน
ขั้นตอนแรกคือ สินค้าได้ถูกผลิตออกมาจากโรงงาน โรงงานอุตสาหกรรมนั้น มีการผลิตสินค้าเป็นประจำในทุกๆวัน เมื่อได้ผลิตเสร็จแล้วก็จะเป็นขั้นตอนถึงของบรรจุสินค้าลงตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ
2. ส่งBooking มายัง Forwarder
เมื่อตรวจสอบคุณภาพของสินค้าเสร็จแล้ว ตัวแทนของทางฝั่งโรงงานก็จะส่ง Booking มายัง Forwarder เพื่อทำการจองเรือ
โดยจะมีการส่งรายละเอียดของสินค้า เช่น
- ประเภทของ Container
- จำนวนของ Comtainer
- วันบรรจุสินค้า
- สถานที่บรรจุสินค้า
- วัน Cut Off
- ETD
- .ETA
- SFree time
- ต้องการเรือ Direct หรือ Transship
3. Forwarder เตรียมการจัดส่งสินค้า
หลังจากได้รับข้อมูลจากทางลูกค้าแล้ว Forwarder จะมีหน้าที่จัดเตรียมรถบรรทุกสินค้า เรือ การทำพิธีการศุลกากร และ ยืนยันเอกสารสำคัญต่างๆ โดยปกติแล้ว ลูกค้าจะขอบริการแบบครบวงจรเลย เพื่อเป็นการง่ายต่อการติดต่อและสะดวกสบายในการสอบถามข้อมูล
4. ตรวจสอบรายละเอียดเอกสารให้ครบถ้วน
เราจะต้องตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด เพื่อความถูกต้องและป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดที่จะตามมา เพราะถ้าหากเอกสารไม่ถูกต้องนั้น เจ้าหน้าที่ได้พบขึ้น อาจจะไม่สามารถเอาสินค้าของเราขึ้นเรือไปได้
ในกรณีหาก ใบรับรองถิ่นกำเนิด หรือ COA มีข้อผิดพลาด สินค้าจะไม่ได้รับอนุญาตสำหรับการลดภาษี ดังนั้น เราควรที่จะใส่ใจและให้ความสำคัญกับเอกสารในทุกขั้นตอน
5. รถหัวลากไปรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่า
หลังจากนั้น เราจะต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่าที่บริเวณลานรับตู้ เพื่อที่จะนำไปบรรจุสินค้า ณ สถานที่บรรจุสินค้าตามที่ลูกค้าได้แจ้งไว้
ซึ่งในลานตู้คอนเทนเนอร์นั้น จะเต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์ของสายเรือต่างๆ ที่ถูกทำความสะอาดและถูกซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการที่จะเข้าไปรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่านั้น เราจะต้องตรวจสอบสภาพของตู้อย่างละเอียด และให้ตรงกับประเภทสินค้าและความต้องการของลูกค้า
6. ตู้คอนเทนเนอร์ไปบรรจุสินค้าที่โรงงานของลูกค้า
สำหรับลูกค้าบางราย อาจจะบรรจุสินค้าเป็นจำนวนในหลายๆตู้ในแต่ละครั้ง ทางเราจะต้องประสานงานกับผู้ขับรถเรื่องเวลาในการเข้าบรรจุ เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการบรรจุสินค้า เมื่อขณะบรรจุสินค้าลงตู้คอนเทนเนอร์ เราจะต้องมั่นใจว่าสินค้าจะไม่เคลื่อนย้ายในระหว่างการเดินทางขนส่ง
7. เมื่อสินค้าถึงที่ท่าเรือ
จากนั้นให้ทำการส่งข้อมูล VGM และพิธีการศุลกากรขาออก หลังจากบรรจุสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางผู้ขับรถนั้นจะต้องเป็นผู้นำตู้สินค้าไปคืนที่ท่าเรือที่ระบุไว้ใน Booking ภายในระยะเวลาที่กำหนดใน Booking หรือที่เรียกว่า Cut Off คือ วันเวลาที่จะต้องคืนตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างช้าที่สุด
ตู้คอนเทนเนอร์นั้น จะถูกรวบรวมอยู่ในเทอร์มินอลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นใน วันคัทออฟ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นตัวกำหนดนเวลาในการลำเลียงตู้ขึ้นและลงจากทางท่าเรือ
8. พื้นที่บนเรือ
ซึ่งบนเรือนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นไปในส่วนของการวางตู้คอนเทนเนอร์
9. การออกเอกสาร B/L
เอกสารของ B/L จะออกหลังจากที่สินค้านั้นขึ้นไปบนเรือแล้ว เอกสารB/L ถูกออกโดย Forwarder และจะส่งไปยังผู้ส่งออกสินค้า ในขณะเดียวกันผู้ส่งออกกับลูกค้า จะต้องตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกันให้เรียบร้อย
ในกรณีของ เอกสาร Original B/L ผู้ส่งออกนั้นจะส่งเอกสาร B/L ไปยังลูกค้า โดยใช้บริการ courier เช่น DHL หรือ FedEx ดังนั้นลูกค้าจะต้องมีเอกสาร B/L เพื่อไปแลกเอกสาร D/O
10. การขนส่งสินค้าทางเรือ
ในบางครั้ง ในการที่เกิดความล่าช้าในการส่ง อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ สภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งการขนส่งสินค้าจะใช้ระยะเวลาไม่กี่วันหากขนส่งในประเทศใกล้เคียง แต่ในกรณีขนส่งสินค้าไปประเทศที่ได้ไกลออกไปอีก ระยะเวลาก็จะมีมากขึ้นตามระยะทาง
11. การออกเอกสาร Arrival Notice
ก่อนที่เรือจะถึงปลายทาง Forwarder ในฝั่งผู้นำเข้านั้น จะต้องส่งเอกสารที่เรียกว่า Arrival Notice ไปยังลูกค้า
Arrival Notice คือ ใบแจ้งว่าเรือจะมาถึง ซึ่งเป็นเอกสารที่ทางตัวแทนเรือ จะส่งไปแจ้งกับทางลูกค้า ว่ามีสินค้ามาถึงปลายทางและได้ระบุค่าใช้จ่ายไว้คร่าวๆไว้
12. ขั้นตอนในการนำเข้าสินค้า
ผู้นำเข้าสินค้า จะต้องได้รับเอกสาร D/O เป็นเอกสารใบสั่งปล่อยสินค้า ที่ทางสายเรือนั้นจะออกให้แก่ผู้นำเข้า ดังนั้นผู้นำเข้าจำเป็นที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายก่อนที่จะไปรับเอกสาร D/O
ในขณะเดียวกันนั้น เอกสาร B/L ก็จะถูกส่งมาพร้อมกับทางเอกสาร Arrival Notice ในกรณีที่ใช้ Original B/L จะต้องส่งเอกสารตัวจริงไปให้กับทางลูกค้าที่อยู่ปลายทาง แต่ถ้าใช้ Surrender B/L ผู้ส่งออกมาสามารถที่จะแสกนและส่งไปให้ผู้รับปลายทาง เพื่อได้ดำเนินการเคลียร์สินค้าได้โดยไม่ต้องใช้เอกสาร B/L ตัวจริง
13. การปล่อยเอกสาร D/O
หลังจากที่ผู้นำเข้าได้รับเอกสาร Arrival Notice เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะต้องไปชำระค่าธรรมเนียมกับทางสายเรือ เพื่อให้ทางสายเรือเป็นผู้ออกเอกสาร D/O เพื่อไปรับสินค้าจากท่าเรือที่นำเข้า
14. พิธีศุลกากรขาเข้า
ในการไปรับสินค้าที่ท่าเรือนั้น ผู้นำเข้าจำเป็นจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ในการทำพิธีการศุลกากรขาเข้า อาทิเช่น Invoice,Packing List,Certificate Of Origin หรือใบรับรองถิ่นกำเนิน เพื่อนำไปใช้เคลียร์สินค้าสำหรับการนำเข้า
15. การปล่อยตู้คอนเทนเนอร์
เมื่อผู้นำเข้าได้รับเอกสาร D/O นั้น และได้ทำการเคลียร์สินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสามารถที่จะไปรับสินค้าได้ที่ลานรับตู้คอนเทนเนอร์
16. การไปรับสินค้า
เมื่อรถบรรทุกได้ไปถึงปลายทาง และนำสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ ถือว่าเป็นการสิ้นสุดในการขนส่งสินค้า ในการขนส่งสินค้าทางโลจิสติกส์ในแต่ละครั้งแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่นำสินค้าใส่ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ยังมีเอกสารอีกมากมายที่จะต้องเตรียม เพราะถ้าหากเอกสารผิดพลาด เราอาจจะไม่สามารถส่งสินค้าได้
ที่มา: www.forwarder-university.com