GREE ยักษ์ใหญ่แดนมังกรที่ดังระดับโลก พร้อมลุยตลาดเมืองไทยเต็มตัว

รู้จัก GREE แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนรายใหญ่ นอกสายตา พร้อมส่งสินค้าบุกตลาดไทยตอนนี้

ถ้าให้นึกถึงแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า ชื่อของ “GREE” (ออกเสียงว่า กรี) คงไม่ใช่ชื่อแรกๆ ที่คนไทยหลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน แต่ล่าสุดมีข่าวว่า GREE จะบุกตลาดไทย แบบจัดหนัก จัดเต็ม

แล้ว GREE เป็นใคร? จะขนสินค้าอะไรมาขายในตลาดไทยบ้าง? Today Bizview จะพาไปหาคำตอบ

Gree แอร์จีนยักษ์ใหญ่ ยอดขายสูงสุดกว่า 1 ล้านล้านบาท

Gree Electric Appliance, inc of Zhuhai หรือ Gree คือบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนที่ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่าน 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ GREE TOSOT และ KINGHOME พร้อมทั้งอยู่เบื้องหลังอีกหลายแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน Shenzhen Stock Exchange มีชื่อหุ้นว่า 000651

Gree ดำเนินธุรกิจภายใต้การนำทัพโดย Dong Mimgzhu (ต่ง หมิงจู) ประธานบริษัทหญิงที่ได้รับการแต่งตั้งว่าเป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในจีน โดยนิตยสารฟอร์จูน อีกทั้งเคยเป็นพรีเซนเตอร์ของ Gree และเคย Live-Streaming ผ่านแพลตฟอร์ม Kuaishou (ไคว่โฉ่ว) ด้วยตัวเอง กวาดยอดขายกว่า 1.5 พันล้านบาทภายใน 3 ชั่วโมง นับเป็นการการันตีถึงความสามารถของผู้บริหารท่านนี้ได้เป็นอย่างดี

ในปี 2020 Gree อยู่ในรายชื่อ Fortune Global 500 ในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก 500 อันดับแรก โดยอยู่ในอันดับ 436 วัดจากมูลค่าตลาด, สินทรัพย์, ยอดขาย และกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ยังเป็นบริษัทสัญชาติจีนที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้สูงสุดในประเทศ สะท้อนถึงผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคง และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกในอนาคต

Gree มีเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์หลายอย่าง เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำร้อน หม้อหุงข้าว เครื่องฟอกอากาศ พัดลมไอเย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ และครอบคลุมไปถึงเทคโนโลยีระดับอุตสาหกรรม เช่น แขนจักรกลในโรงงาน ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงสินค้าพลังงานทางเลือก เช่น แผง Solar และ แบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน ฯลฯ

โดยเครื่องปรับอากาศเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างยอดขายให้บริษัทอย่างถล่มทลายมาจนถึงปัจจุบัน ครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดเครื่องปรับอากาศของจีน มีส่วนแบ่งถึง 36.9% และเป็นผู้นำติดต่อกัน 26 ปี มีจำหน่ายกว่า 160 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดและขยายตลาดมาโดยตลอด ส่งผลให้ Gree สร้างรายได้จากการขายสินค้าไปทั่วโลกสูงสุดกว่า 1,000,000 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ารายได้ของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Starbucks (ปี 2021), Netflix (ปี 2021) หรือ Youtube Ads (ปี 2021) เป็นต้น

ทุ่มงบหนุนนวัตกรรม จดสิทธิบัตรทุกชั่วโมง

ด้วยนโยบาย “Made in China 2025” ที่เปิดโอกาสให้บริษัทในจีนพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับปรัชญาที่ Gree ยึดมั่นมาโดยตลอดว่า “นวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง” ส่งผลให้ Gree เน้นสร้างนวัตกรรมที่ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ

โดย Gree ให้ความสำคัญกับส่วน Research and Development (R&D) อย่างมาก ในปี 2020 ทุ่มงบ R&D กว่า 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.69% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด มีบุคลากรในแผนกนี้ถึง 14,458 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 17% ของพนักงานทั้งหมด

Gree มีศูนย์ R&D ด้านเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีสถาบันวิจัยและห้องปฏิบัติการกว่า 1,000 แห่ง และมีโรงงานผลิตสินค้าขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วโลก 17 แห่ง

การพัฒนานวัตกรรม เป็น 1 ในพันธกิจสำคัญของ Gree โดยยื่นขอจดสิทธิบัตรมาแล้วทั้งหมด 79,014 ใบและได้รับรางวัลมากมาย ในขณะที่ปี 2020 Gree ได้จดสิทธิบัตรจำนวน 15,072 ใบ  แสดงว่า ในทุกๆ 1 ชั่วโมง สามารถสร้างสิทธิบัตรของนวัตกรรมใหม่ๆ 1-2 ใบ ซึ่ง Gree เป็นเพียงบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงรายเดียวที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของบริษัทที่จดสิทธิบัตรสูงสุดในประเทศจีนต่อเนื่อง 6 ปี

ด้วยกลยุทธ์ที่ทุ่มงบส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและเน้นสร้างนวัตกรรมที่เป็นของตัวเอง ส่งผลให้การประชาสัมพันธ์ของแบรนด์ลดน้อยลง Gree จึงอาจไม่ใช่แบรนด์ที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นหูมากนัก แต่ Gree ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในแวดวงกลุ่มธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน อสังหาริมทรัพย์ และโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลก

เพิ่มโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมลุยตลาดไทยเต็มตัว

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และปัจจัยอื่นๆ ในปี 2020 Gree ได้ปรับเปลี่ยนช่องทางการขายสู่โลกออนไลน์มากขึ้น ควบคู่ไปกับการขายแบบออฟไลน์ ซึ่งในระยะถัดไป Gree มีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการขายแบบ Omni-Channel เพื่อยกระดับการขายไปอีกขั้น

และ Gree ได้เล็งเห็นถึงเมกะเทรนด์ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในระยะยาว จึงพัฒนานวัตกรรมที่ลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการปล่อยคาร์บอนสู่อากาศ พร้อมทั้งสร้างผลกระทบต่อสภาพอากาศให้น้อยที่สุด

นอกจากนี้ Gree ยังเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจนอกประเทศจีน เห็นได้จากยอดขายในปี 2020 ที่หดตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนัก แต่ยอดขายจากต่างประเทศหดตัวเพียง 4% ในขณะที่ยอดขายภายในประเทศจีนหดตัวถึง 19%

และในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากวิจัยกรุงศรีเปิดเผยว่า ในปี 2021-2023 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยจะขยายตัวเฉลี่ย 2-3% จากภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่อยู่อาศัยทยอยฟื้นตัว แนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน เทคโนโลยี 5G ที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ ผู้ผลิตพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ผู้ขายเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและการโฆษณามากขึ้น และผู้ซื้อเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้ง่าย

Gree ได้แต่งตั้งบริษัท กรี อิเลคทริค (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Gree ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งจุดเด่นของสินค้าที่กำลังเข้าสู่ตลาดไทยปีนี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart Home ที่เชื่อมต่อการควบคุมสินค้าทุกประเภทให้สั่งการผ่านมือถือเพียงเครื่องเดียว และสามารถสั่งการทำงานด้วยเสียงได้ สำหรับสินค้าที่จะนำเข้ามาขายในประเทศไทย มีดังนี้

1. 1. 1. เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน และเชิงพาณิชย์ (HVAC Equipment) ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยให้อากาศบริสุทธิ์มากขึ้นและลดการใช้พลังงานลง สามารถสั่งงานผ่าน WiFi และมีระบบป้องกันไฟตกสำหรับพื้นที่ไฟไม่เสถียร
      2. Home Appliances เช่น เครื่องฟอกอากาศ พัดลมไอเย็น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมเดียวกับที่จำหน่ายในประเทศจีน และทั่วโลก
      3. สินค้าเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น แผง Solar Panel Energy Storage และระบบปรับอากาศที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
      4. High-End Equipment & Electric Vehicles นวัตกรรมแขนจักรกลเพื่อทดแทนการใช้แรงงานในระบบอุตสาหกรรม รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆ
      5. Services นอกจากการรับประกันตัวสินค้าที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปแล้ว ยังเตรียมความพร้อมของศูนย์บริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงมีอะไหล่ของสินค้าทุกรุ่น เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าสินค้าจะได้รับการดูแลหลังการขายเป็นอย่างดี