ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการ copy เพลงหรือเสียงที่อัดไว้ จากเทปคาสเซ็ทลงคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac ให้คุณเอง พอเสียบเครื่องเล่นเทปกับช่อง "ไมโครโฟน" (หรือ "line-in") ของคอม ด้วยสายที่ถูกต้องแล้ว ก็ใช้โปรแกรม Audacity (Windows) หรือ QuickTime (Mac) อัดเสียงจากเทปคาสเซ็ทได้เลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

เตรียมตัวก่อนอัดเสียง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะอัดเสียงจากเทปคาสเซ็ทเก่าลงคอมได้ ต้องเสียบเครื่องเล่นเทปกับช่องเสียบไมโครโฟนของคอมซะก่อน (หรือช่อง "line-in") จากนั้นตั้งค่าให้คอมอัดเฉพาะ line-in audio เพื่อป้องกันไม่ให้คอมอัด external audio (เช่น เสียงรบกวนที่เบื้องหลัง) ไฟล์เสียงที่ได้ก็จะออกมาคมชัด คุณภาพสูง
  2. นอกจาก cassette deck หรือเครื่องเล่นเทป กับคอมพิวเตอร์แล้ว ก็ต้องใช้สายสำหรับเสียบต่อเครื่องเล่นเทปกับ line input ของคอม
    • เครื่องเล่นเทปแทบทุกเครื่องจะมีรูเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. เพราะงั้นต้องใช้สาย 3.5 มม. มาตรฐาน เสียบต่อเครื่องเล่นเทปกับคอมเข้าด้วยกัน
    • เครื่องเล่นเทปบางเครื่องจะมี line outputs แบบ unbalanced จะสังเกตได้ว่ามีพอร์ทสีแดงและขาว แบบนี้ต้องใช้สายแปลง RCA เป็น 3.5 มม.
    • เครื่องเล่นเทปดีๆ หรูๆ ส่วนใหญ่จะมี line outputs แบบ balanced ใช้ dual 3-pin XLR-F connectors หรือรูเสียบมือถือ 1/4" แบบ balanced ก็ต้องซื้อ adapter ที่ใช้ได้กับทั้งแจ็ค 3.5 มม. ของคอม และ outputs ของเครื่องเล่นเทป
  3. ถ้าคอมมีพอร์ทเฮดโฟนกับไมโครโฟนแยกกัน ก็จะเป็นช่องสีชมพู ถ้าคอมมีช่องเสียบเฮดโฟนแบบ 3.5 มม. ช่องเดียว แสดงว่าใช้ได้ทั้ง line-in และ line-out audio
    • ใครใช้คอมตั้งโต๊ะจะเจอช่องนี้ที่ด้านหลังหรือด้านหน้าของเคสคอม
    • แล็ปท็อปทั้งหมดจะใช้แจ็ค line-in และ line-out แบบโมโน คือใช้อัดเสียงจากเครื่องเล่นเทปได้ แต่อัดเป็นสเตอริโอไม่ได้
  4. ถ้าเสียบ balanced line output จากเครื่องเล่นเทปไปหาคอม ก็ต้องเสียบสายด้าน 3.5 มม. ของ adapter ที่ช่อง line-in ของคอม
    • ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป ถ้าเสียบกับช่อง 3.5 มม. หรือ unbalanced ของเครื่องเล่นเทป
  5. โดยขั้นตอนจะต่างกันออกไปตามเครื่องเล่นเทปแต่ละชนิด
    • 3.5mm — เสียบสายข้างหนึ่ง (ไม่สำคัญว่าข้างไหน) ของสายแบบ 3.5 มม. ที่ช่อง line-out แบบ 3.5 มม. ของเครื่องเล่นเทป (ไม่ใช่ช่องเสียบเฮดโฟน)
    • Unbalanced — เสียบสาย RCA สีแดงที่พอร์ทสีแดง และสาย RCA สีขาวที่พอร์ทสีขาว
    • Balanced — เสียบสาย XLR หรือ 1/4" ที่ inputs ที่ตรงกันของเครื่องเล่นเทป
  6. เสียบปลายสายอีกข้างที่พอร์ท line-in 3.5 มม. ของคอม
    • ย้ำว่าปกติพอร์ท line-in จะสีชมพู ถ้าของคอมเครื่องนั้นแยก inputs ของไมโครโฟนและหูฟัง
    • ถ้าใช้ adapter ให้เสียบสาย 3.5 มม. ตรงด้านที่ว่างอยู่ของ adapter
  7. ถ้าอยากเพิ่ม (หรือลด) ความดังของเสียงตอนอัด ให้เข้าไปปรับใน sound settings
  8. ถ้าสายหลวมจะทำให้คุณภาพเสียงด้อยลงตอนอัด เพราะงั้นต้องเช็คให้ชัวร์ ทั้งปลายสายฝั่งคอมและปลายสายฝั่งเครื่องเล่นเทป ว่าเสียบแน่นดีแล้ว พอแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย ก็เริ่มอัดเสียงจากเครื่องเล่นเทปได้เลย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

อัดเสียงใน Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Audacity เป็นโปรแกรมฟรีที่มี tweaks ให้ปรับแต่งได้บ้างเล็กน้อย ใช้อัดเสียง line-in audio วิธีติดตั้งก็คือ
    • เข้าเว็บ https://www.audacityteam.org/download/ ในเบราว์เซอร์
    • คลิก Audacity for Windows
    • คลิกลิงค์ Audacity 2.2.2 installer
    • ดับเบิลคลิกไฟล์ติดตั้งหลังดาวน์โหลดเสร็จ
    • ติดตั้งไปตามขั้นตอนที่ปรากฏ
  2. ถ้า Audacity ไม่เปิดขึ้นมาอัตโนมัติ ให้เปิด Start พิมพ์ audacity แล้วคลิก Audacity ทางด้านบนของเมนู Start
  3. ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง Audacity จะมีคำว่า "MME" ในช่องที่ขยายลงมา ถ้าไม่มี ให้คลิกขยายช่อง แล้วคลิก MME
  4. เป็นช่องทางขวาของไอคอนไมโครโฟน ทางด้านบนของหน้าต่าง Audacity คลิกแล้วเมนูจะขยายลงมา
  5. ชื่อตัวเลือกนี้จะต่างกันออกไป แต่ต้องมี "Line In" (หรืออะไรที่ใกล้เคียง) ในชื่อ ห้ามเลือก Microsoft Sound Mapper หรือ Primary Sound Capture[1]
  6. ที่เป็นวงกลมสีแดง ทางด้านบนของหน้าต่าง Audacity เท่านี้ Audacity ก็จะเริ่มอัดเสียง
  7. เครื่องเล่นเทปจะทำงาน คุณจะเห็นคลื่นเสียงที่กลางหน้าต่าง Audacity พุ่งขึ้นลงตามเสียงที่ได้ยิน
  8. กดปุ่ม "Stop" ของเครื่องเล่นเทป แล้วคลิกปุ่ม "Stop" สีดำ ที่ด้านบนของหน้าต่าง Audacity
  9. คุณสร้างไฟล์ MP3 ได้โดย
    • คลิก File ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง
    • เลือก Export ในเมนูที่ขยายลงมา
    • คลิก Export as MP3 ในเมนูที่เด้งขึ้นมา
    • เลือกตำแหน่งเซฟไฟล์
    • ตั้งชื่อไฟล์ในช่อง "File name"
    • คลิก Save
    • คลิก OK ตอนที่ขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

อัดเสียงใน Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คลิกไอคอนของแอพ QuickTime ที่เหมือนตัว "Q" ใน Dock ของ Mac ถ้าไม่เจอ ให้ดับเบิลคลิกไอคอนของแอพ QuickTime ในโฟลเดอร์ Applications แทน
  2. ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
  3. ที่เป็นตัวเลือกทางด้านบนของเมนูที่ขยายลงมา เพื่อสลับหน้าต่าง QuickTime ไปอัดเฉพาะเสียง
  4. ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเลือก line-in item ของ Mac เพื่ออัดเสียงจากอุปกรณ์นั้น
  5. ที่เป็นวงกลมสีแดง กลางหน้าต่าง QuickTime เท่านี้ QuickTime ก็จะเริ่มอัดเสียง
  6. เพื่อให้ QuickTime เริ่มอัดเสียงเทปในเครื่อง
  7. พออัดเสียงที่จะเซฟลงคอมเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม "Stop" ที่เครื่องเล่นเทป แล้วคลิกปุ่ม "Record" สีแดงกลางหน้าต่าง QuickTime อีกรอบ เพื่อหยุดการบันทึกเสียง เท่านี้เสียงที่อัดก็จะถูกเซฟเป็นไฟล์ audio ไว้ที่หน้า Desktop ของ Mac
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ทำ Mastering

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะถ่ายข้อมูลจากคอลเลคชั่นเทปเก่าที่มีลงฮาร์ดไดรฟ์ทั้งหมด ต้องเช็คก่อนว่าอัดออกมาคุณภาพเสียงดี เพราะงั้นต้องลองอัดดูแค่ช่วงสั้นๆ แล้วเปิดฟังเพื่อติดตามผล ถ้าตั้งค่าและปรับแต่งทุกอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะได้ไฟล์ copy ของเทปเก่าแบบ analog เป็นไฟล์เสียงดิจิตอลที่คมชัดพอตัว
    • ถ้าอัดแล้วเสียงเบาไปหรือมีเสียงรบกวน (ไม่ค่อยได้ยินเพลง ได้ยินแต่เสียง "ซ่าๆ" ตลอด) แสดงว่า output ต่ำไป อัดแล้วสัญญาณแรงไม่พอจะ offset หรือกลบเสียง noise
    • ถ้าอัดแล้วเสียงเหมือนเปิดผ่านลำโพงแตก หรือเครื่องบดเนื้อ แสดงว่าอัดเสียงโดยเร่งเสียงดังไปจนเสียงแตก
    • คุณปรับ sound settings ของคอมได้ เพื่อแก้ปัญหาด้านบน
  2. จริงๆ แล้วขั้นตอนนี้ไม่จำเป็น แต่ถ้าอยากตัดช่วงที่เสียงเงียบออกไป ลบบาง tracks หรือปรับ volume โปรแกรม sound recorder ทั่วไปก็ทำได้อยู่แล้ว อย่าง Audacity (ที่ใช้ได้ทั้งใน Windows และ Mac) ก็ใช้ตัดต่อเสียงขั้นพื้นฐานได้ แต่ถ้าโปรแกรมขั้นสูงแบบเสียเงิน ก็จะปรับคุณภาพเสียงให้คมชัด ไร้เสียงรบกวนได้เลย
    • เวลาตัดต่อหรือแก้ไขไฟล์เสียง แนะนำให้เซฟไฟล์ต้นฉบับแยกไว้ก่อนเป็น backup จากนั้นตั้งชื่อไฟล์ที่จะแก้ไขซะใหม่ตอนเซฟเผื่อผิดพลาด พอตัดต่อจนพอใจแล้ว ก็ลบให้เหลือแค่ไฟล์เวอร์ชั่นที่ต้องการได้เลยเพื่อเซฟพื้นที่ในไดรฟ์ของคอม
  3. พอได้ไฟล์เสียงที่คุณภาพโอเคมาแล้ว ก็ปรับให้ยิ่งคมชัดขึ้นได้โดยใช้ audio tools ขั้นตอนนี้เราเรียกว่า "normalization" เพื่อให้แน่ใจว่าไฟล์เสียงนั้นตอนดังสุดจะอยู่ที่ 100% (หรือใกล้เคียง) ของ full scale (เช่น ปรับทุก meters ให้สูงสุด คืออยู่ที่ 0dB แต่ก็แล้วแต่ค่าที่มีด้วย)
    • โปรแกรม audio editor ส่วนใหญ่จะมีตัวเลือก normalization ให้
  4. ไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้งที่อัดเสียง เพราะจะทำให้เสียอรรถรสทางดนตรีไป ขั้นตอนคือคงเสียงดังที่สุดไว้ตรงจุดเริ่มต้น แล้วเร่งเสียงที่เบาขึ้นมาให้เท่ากัน ทำให้เสียความแตกต่างระหว่างเสียงค่อยดังหรือ dynamics ไป แต่ก็ทำให้เสียงที่อัดนั้นดังขึ้น ชัดเจนขึ้น ถ้าจะเอาไว้ฟังในบ้านก็ไม่จำเป็นต้องทำ เหมาะกับเวลาทำแผ่น CD ไปฟังในรถมากกว่า
  5. อันนี้แล้วแต่ลำโพงที่ใช้ ว่าตั้งค่าไว้ยังไง และขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องเสียง แต่จะปรับ EQ ให้เสียงออกมาตรงใจขึ้นก็ดี ข้อควรระวังก็เหมือนตอนทำ compression คือ EQ "ที่ดี" นั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมและอุปกรณ์ของคุณ บางทีปรับ EQ แล้วเปิดฟังเองก็ว่าเสียงดีจัง แต่พอเอาเพลงเดียวกันไปเปิดที่อื่นอาจมีเสียงแตกบ้าง
  6. ไหนๆ ก็อุตส่าห์ลงแรงเสียเวลาแปลงไฟล์จากเทปแล้ว ขั้นแรกหลังอัดเสียงคือควรเซฟไฟล์ต้นฉบับเก็บไว้ก่อนรวมไฟล์ (หรือหั่นไฟล์) และตัดต่อแก้ไข (normalization, EQ, compression และอื่นๆ)
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • โปรแกรม Audacity มีให้ใช้กันในเครื่อง Mac ด้วย
  • ถ้าอยากได้โปรแกรมแปลงไฟล์เสียงแบบมือโปร เพื่อใช้ถ่ายข้อมูลจากเทปเป็นไฟล์ audio ต้องลอง Sound Forge, PolderbitS, Cubase, Garage Band, Logic Pro และ ProTools ข้อเสียอย่างเดียวคือเป็นแบบเสียเงินเท่านั้นเอง
  • ถ้าจะถ่ายโอนข้อมูลย้อนกลับ จากไฟล์เสียงแบบดิจิตอลลงเทปคาสเซ็ท ก็แค่ใช้สายเดิม แต่เสียบสายข้างหนึ่งที่รูเสียบไมโครโฟนหรือ line in ของเครื่องเล่นเทป ส่วนอีกข้างเสียบที่รูเฮดโฟน ลำโพง หรือ line out ของคอมแทน จากนั้นกด record หรือปุ่มอัดที่เครื่องเล่นเทป แล้วเปิดเพลงในคอม เริ่มจาก volume เบาๆ ก่อน จากนั้นปรับให้ฟังชัดเจน คุณภาพเสียงดีสมใจ เสร็จแล้ว rewind แล้วค่อยเริ่มอัดเสียงจากระดับ volume นั้น
  • เวลาอัดเสียงทำ mastering ให้ใช้ Noise Reduction ซึ่งไม่ใช่ทุกโปรแกรมอัดเสียงจะมีให้เลือก ถ้ามีก็ดีเพราะเป็นวิธีช่วยลดเสียงรบกวน ให้คุณภาพเสียงดีแบบง่ายๆ และเร็วทันใจ
  • เสียงที่ได้ โดยเฉพาะจากเทปเพลง จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพและสภาพของเทป เครื่องเล่นเทป (cassette deck) คอมพิวเตอร์ และ A-D converters (หรือ sound card) ไปจนถึงสายที่ใช้ รวมถึงความรู้และประสบการณ์การตัดต่อเสียงของคุณ
โฆษณา

คำเตือน

  • เซฟข้อมูลลงคอมแล้วอย่าทิ้งตัวเทปไปเลย ต้องเก็บต้นฉบับไว้เสมอ เผื่อฮาร์ดไดรฟ์ล่ม หรือมี glitch (ข้อผิดพลาด) ระหว่างถ่ายโอนข้อมูล และเอาไว้ถ่ายข้อมูลใหม่เมื่อมีคอมเครื่องใหม่ที่อัดเสียงได้ดีกว่าเดิม ที่สำคัญคือเป็นหลักฐานว่าคุณเสียเงินซื้อเพลงนี้มาจริงๆ ไม่ได้อุดหนุนเทปผีซีดีเถื่อน
  • ถ้าพยายามถ่ายข้อมูลจากเทปคาสเซ็ทโดยเปิดใน boombox หรือสเตอริโอแบบพกพา ก็ระวังอัดเสียงออกมาคุณภาพต่ำกว่าที่ตั้งใจ
  • ระวังอย่าอัดเสียงเพื่อละเมิดลิขสิทธิ์ ถึงเทปคาสเซ็ทจะเก๋ากึ้ก แต่ลิขสิทธิ์ก็ยังอยู่ดี มีผลบังคับใช้ ขอให้ใช้วิธีการในบทความนี้เพื่อความบันเทิงส่วนตัวเท่านั้น ห้าม copy ไปขายต่อเด็ดขาด
  • ระวังเรื่องสายที่เลือกใช้ ถ้าสายถูกๆ จะไม่มี electronic shielding คืออัดเสียงแล้วมีเสียงหึ่งๆ ของพัดลมคอมกับเสียง analog audio ติดไปด้วย
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เชื่อมต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ 2 จอเชื่อมต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ
แตกไฟล์ Zipแตกไฟล์ Zip
เปลี่ยนนามสกุลไฟล์เปลี่ยนนามสกุลไฟล์
ย่อหน้าต่างของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เต็มจออยู่ย่อหน้าต่างของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เต็มจออยู่
ประกอบคอมพิวเตอร์เองประกอบคอมพิวเตอร์เอง
ปิดการทำงานของปุ่ม Functionปิดการทำงานของปุ่ม Function
เชื่อมต่อหูฟังกับคอมเชื่อมต่อหูฟังกับคอม
ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ USB ที่มีการป้องกันการไรท์ (Write–Protected)ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ USB ที่มีการป้องกันการไรท์ (Write–Protected)
ทำตัวเหมือนแฮกเกอร์แบบเนียนๆทำตัวเหมือนแฮกเกอร์แบบเนียนๆ
พิมพ์เศษส่วนพิมพ์เศษส่วน
ทำความสะอาดหัวพิมพ์ของพรินเตอร์ทำความสะอาดหัวพิมพ์ของพรินเตอร์
เชื่อมต่อลำโพง Bluetooth 2 ตัวเข้าด้วยกัน ทั้งของ PC และ Macเชื่อมต่อลำโพง Bluetooth 2 ตัวเข้าด้วยกัน ทั้งของ PC และ Mac
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 7,354 ครั้ง
หมวดหมู่: คอมพิวเตอร์
มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,354 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา