Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 10 พฤษภาคม 2567
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
กระบวนการยุติธรรม
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
บันเทิง
"แดน -วรเวช" จากพระเอกสู่ผู้กำกับหนัง
"แดน -วรเวช" จากพระเอกสู่ผู้กำกับหนัง
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
ถือว่าเป็นพระเอกหนุ่มที่มากความสามารถอีกคน..
สำหรับ "แดน-วรเวช ดานุวงศ์" ที่ทั้งเป็นนักร้อง นักแสดงแล้วก็ยังลุยเบื้องหลังเป็นผู้กำกับหนังอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ฝากผลงานกำกับหนังไว้แล้วในเรื่อง "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์"
ล่าสุดหนุ่มแดนขอพักเบรกงานแสดงเบื้องหน้ามาพิสูจน์ฝีมือการกำกับหนังอีกครั้งในเรื่อง "ฤดูที่ฉันเหงา" เรื่องราวความรักที่กลั่นมาจากมุมมองความรู้สึกของ "หนุ่มแดน" ฉบับนี้ "โชะ เด๊ะ" เลยขอมานั่งคุยกับผู้กำกับหนุ่มไฟแรงถึงเรื่องแรงบันดาลใจในการทำงานเบื้องหลังครั้งนี้อีกครั้ง
จาก "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์" มาจนถึง "ฤดูที่ฉันเหงา" เหมือนว่าจะเป็นการตอกย้ำบทบาทของ "แดน-วรเวช ดานุวงศ์" ที่จะหันมาเอาจริงเอาจัง เป็นคนทำหนังอย่างเต็มตัวแล้วใช่มั้ยเพราะดูเหมือนว่าทั้งในงานเขียนบทไปจนถึงการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
"ก็น่าจะใช่นะครับ เพราะว่ามันเป็นงานที่ผมทำแล้วผมรู้สึกสนุก มันเหมือนกับว่าได้ใช้ทุกศาสตร์ทุกแขนงอย่างที่เรามีมา ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ต่างๆ ทั้งในเรื่องของงานเพลง เรื่องของแอ็กติ้ง เรื่องของศาสตร์การเล่าเรื่องซึ่งมันรวมอยู่ในการทำหนังทั้งหมดเลยครับ หรืออย่างประสบการณ์ในการทำเพลงที่ผ่านมา เราก็เอามาใช้ในการทำสกอร์ (ดนตรีประกอบ) ในภาพยนตร์ การเล่าเรื่องการ PERFORM อะไรต่างๆ ก็เป็นเรื่องเหล่านี้ละครับรวมไปถึงการแอ็กติ้ง ต่างๆ ซึ่งก็คือที่เราได้มาจากการเล่นละคร เล่นหนังมา เจอผู้กำกับ เจอใครหลายๆ คนมาเก็บเกี่ยวมันมา แล้วเราก็ได้ใช้มันมาแบบทุกขั้นตอนจริงๆ มันถึงสนุกดี"
จากหนังเรื่องแรกมาจนถึงหนังเรื่องที่สอง ฤดูที่ฉันเหงา ยังคงความเป็นโรแมนติกคอมเมอดี้ เป็นการบ่งบอกว่า "แดน-วรเวช" เป็นผู้กำกับเจ้าพ่อโรแมนติกคอมเมอดี้อีกคน
คือ ปกติชอบดูหนัง เวลาที่ดูหนัง เราจะเป็นคนที่เลือกดูหนังที่จะไม่ค่อยเครียด หนังที่เข้าไปนั่งดูในโรงจนกระทั่งจนจบเรื่องแล้วยิ้มได้ หัวเราะได้ ดูแล้วมีความสุข มันก็เลยมีผลมาถึงตอนที่ทำหนังของเราเองนะครับที่ว่าเราก็อยาก อย่างเวลาเราคิดเรื่องเวลาเราเขียนบทเราก็อยากที่จะเขียนไปในเชิงบวกซะเยอะเพราะว่าเวลาเราอยู่กับมันเวลาเรานั่งเขียนบทใช่มั้ยครับหรือนั่งคิดบทเรื่อยไปจนเข้าไปถึงช่วงเวลาที่เรากำกับแล้วก็ตาม มันทำให้เราอารมณ์ดีในการทำงานอยู่ เหมือนกับชีวิตแต่ละวันที่เราทำงานไปโดยที่ไม่ต้องเครียดเหมือนสมมติว่าถ้าผมไปทำหนังฆาตกรรมชีวิตผมคงหลอนๆ ทำงานมาเหนื่อยๆแล้วนั่งอยู่กับการไล่ล่า แทง กระซวกไส้คน ผมคิดว่าชีวิตผมคงเครียดไป แต่วันหนึ่งอาจทำก็ได้ ไม่แน่ ต้องรอให้สภาพจิตใจพร้อม ต้องไม่เหนื่อยมาก แต่ตอนนี้อยากจะยิ้มกับการทำงานอยู่
แสดงว่าไม่ได้บีบหรือจำกัดตัวเองกับแนวใดแนวหนึ่ง หรือมองตัวเองว่าจะต้องเป็นผกก. คนเขียนบท หรือโปรดิวเซอร์..
"ก็คือผมไม่ได้จำกัดแนวทางของตัวเองว่าเราจะต้องทำหนังโรแมนติกคอมเมอดี้ไปตลอดรึเปล่า เพราะว่าเวลาผมคิดเรื่อง ผมจะคิดจากสิ่งที่อยู่ๆ มันก็พุ่งเข้ามาในช่วงเวลานั้นๆ อย่างเช่นที่ผ่านมาเราเจอฝนตกเยอะๆ แล้วฝนก็ไม่ได้ตกแค่ฤดูฝน อย่างที่ผ่านมาก็ตกกระหน่ำลงมาน้ำท่วมกันในฤดูหนาวก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็เลยทำให้เราคิดได้ว่า มันก็เหมือนกับความรักที่มันเกิดขึ้นได้ทุกฤดูเหมือนกับฝน ก็เลยเอาไปเปรียบเทียบกัน นี่คือสิ่งที่คิดได้ แต่ว่าในอนาคตเราอาจจะทำหนังอีโรติกก็ได้ ถ้าเกิดจู่ๆ ของขึ้น ขึ้นมา (หัวเราะ) แล้วแต่ว่าอะไรมาโดนใจ ก็ปล่อยให้เกิดขึ้นตามสถานการณ์นะครับ เพราะผมคิดว่าการทำภาพยนตร์คือการปล่อยฟีลความรู้สึกจริง คือต้องให้เราเกิดความรู้สึกตาม มันถึงจะทำออกมาให้ดีที่สุด นั่นแหละ ครับคือหลักการ ง่ายๆ ในการที่เราจะทำหนังเรื่องไหนหรือไม่ทำหนังเรื่องไหนก็อยู่ที่ว่าเรารู้ สึกอยากดูเหมือนกัน"
ถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการกำกับครั้งที่สองและแรงบันดาลใจที่ทำให้แดนตัด สินใจหยิบหนังรักที่มีไอเดียเกี่ยวกับฝนเรื่องนี้ขึ้นมาทำ
"แรงบันดาลใจกับเรื่องนี้ก็คือขับรถไปแล้วก็เจอฝนตกในฤดูที่ไม่ใช่ฤดูของฝนก็รู้สึกว่าเฮ้ยโอเคมันก็เหมือนกับความรักที่มันเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลานะครับเราก็แค่รู้สึกว่าการขับรถไปแต่ละครั้งมันขึ้นอยู่กับว่าวันนี้เราขับรถไปแล้วเจออะไร เจอฝนตกหนักมากรถติดไฟแดง ผมเลยเอาฝนมาเป็นทั้งอุปสรรคและเป็นสิ่งที่นำพาซึ่งความรู้สึกอะไรบางอย่าง และนี่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจว่าเฮ้ยน่าทำมาเป็นหนังที่มีฝนเป็นตัวเชื่อมของความรู้สึกนะ ก็เลยเขียนบทหนังเรื่องฤดูที่ฉันเหงาเรื่องนี้ขึ้นมา"
คาดหวังไว้มากแค่ไหน กับผลงานการกำกับหนังเรื่องนี้..
"ผมคงไม่สามารถบอกได้แต่สิ่งที่ผมสามารถรับรู้ได้ คือถ้าตัวผมดูเองผมก็มีความสุขสามารถยิ้มได้ในทุกๆ ซีน แล้วเวลาเราตัดหนังเราพยายามที่จะเลือกแล้วอันไหนที่มันนิ่งเกินไปก็ดึงออกซะจริงๆ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนจะคุ้มค่าในทุกๆ ซีน อยากจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง ในซีนนั้นๆ ก็ลองดู เผอิญเป็นหนังเรื่องที่ 2 เองไงครับ ผมก็ไม่สามารถบอกได้ ก็อยากให้ทุกคนได้ลองดูดีกว่า อย่างเรื่องนี้เราก็พยายามเก็บคอมเมนต์ต่างๆ ทั้งที่ดีและไม่ดีจากเรื่องที่แล้วมาปรับปรุง อะไรที่ดีอยู่แล้ว เราก็ขยายมันเพิ่มขึ้น อะไรที่คิดว่าไม่ดีจากเรื่องที่แล้ว เราก็พยายามทำให้มันดีขึ้น มันก็เลยมาเป็นเรื่องนี้ ซึ่งก็ขอดูฟีดแบ็กจากเรื่องนี้อีกทีหนึ่งว่ามันไปในทิศทางไหน ก็พยายามทำให้ดีที่สุด"
จากนักร้องสู่พระเอกคนดัง วันนี้ "แดน-วรเวช" ขึ้นชั้นเป็นผู้กำกับเต็มตัว..โชะเด๊ะ!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ศิลปินสุดฮอต “แจ็คสัน หวัง” บินลัดฟ้ามาไ...
...
มาเก๊าทำถึง! Galaxy Arena Macau เวทีระดั...
...
เตรียมพบปรากฎการณความสนุกสุดมันส์ “ยิ้มแ...
...
ส่องเคล็ดลับหน้าใสโกลว์โกงอายุของพระเอกเ...
...
‘GMM SHOW’ สานต่อความสำเร็จ เดินหน้าจัดใ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ