"แดน -วรเวช" จากพระเอกสู่ผู้กำกับหนัง

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556



ถือว่าเป็นพระเอกหนุ่มที่มากความสามารถอีกคน..
สำหรับ "แดน-วรเวช ดานุวงศ์" ที่ทั้งเป็นนักร้อง นักแสดงแล้วก็ยังลุยเบื้องหลังเป็นผู้กำกับหนังอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ฝากผลงานกำกับหนังไว้แล้วในเรื่อง "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์"
ล่าสุดหนุ่มแดนขอพักเบรกงานแสดงเบื้องหน้ามาพิสูจน์ฝีมือการกำกับหนังอีกครั้งในเรื่อง "ฤดูที่ฉันเหงา" เรื่องราวความรักที่กลั่นมาจากมุมมองความรู้สึกของ "หนุ่มแดน" ฉบับนี้ "โชะ เด๊ะ" เลยขอมานั่งคุยกับผู้กำกับหนุ่มไฟแรงถึงเรื่องแรงบันดาลใจในการทำงานเบื้องหลังครั้งนี้อีกครั้ง
จาก "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์" มาจนถึง "ฤดูที่ฉันเหงา" เหมือนว่าจะเป็นการตอกย้ำบทบาทของ "แดน-วรเวช ดานุวงศ์" ที่จะหันมาเอาจริงเอาจัง เป็นคนทำหนังอย่างเต็มตัวแล้วใช่มั้ยเพราะดูเหมือนว่าทั้งในงานเขียนบทไปจนถึงการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
"ก็น่าจะใช่นะครับ เพราะว่ามันเป็นงานที่ผมทำแล้วผมรู้สึกสนุก มันเหมือนกับว่าได้ใช้ทุกศาสตร์ทุกแขนงอย่างที่เรามีมา ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ต่างๆ ทั้งในเรื่องของงานเพลง เรื่องของแอ็กติ้ง เรื่องของศาสตร์การเล่าเรื่องซึ่งมันรวมอยู่ในการทำหนังทั้งหมดเลยครับ หรืออย่างประสบการณ์ในการทำเพลงที่ผ่านมา เราก็เอามาใช้ในการทำสกอร์ (ดนตรีประกอบ) ในภาพยนตร์ การเล่าเรื่องการ PERFORM อะไรต่างๆ ก็เป็นเรื่องเหล่านี้ละครับรวมไปถึงการแอ็กติ้ง ต่างๆ ซึ่งก็คือที่เราได้มาจากการเล่นละคร เล่นหนังมา เจอผู้กำกับ เจอใครหลายๆ คนมาเก็บเกี่ยวมันมา แล้วเราก็ได้ใช้มันมาแบบทุกขั้นตอนจริงๆ มันถึงสนุกดี"
จากหนังเรื่องแรกมาจนถึงหนังเรื่องที่สอง ฤดูที่ฉันเหงา ยังคงความเป็นโรแมนติกคอมเมอดี้ เป็นการบ่งบอกว่า "แดน-วรเวช" เป็นผู้กำกับเจ้าพ่อโรแมนติกคอมเมอดี้อีกคน
คือ ปกติชอบดูหนัง เวลาที่ดูหนัง เราจะเป็นคนที่เลือกดูหนังที่จะไม่ค่อยเครียด หนังที่เข้าไปนั่งดูในโรงจนกระทั่งจนจบเรื่องแล้วยิ้มได้ หัวเราะได้ ดูแล้วมีความสุข มันก็เลยมีผลมาถึงตอนที่ทำหนังของเราเองนะครับที่ว่าเราก็อยาก อย่างเวลาเราคิดเรื่องเวลาเราเขียนบทเราก็อยากที่จะเขียนไปในเชิงบวกซะเยอะเพราะว่าเวลาเราอยู่กับมันเวลาเรานั่งเขียนบทใช่มั้ยครับหรือนั่งคิดบทเรื่อยไปจนเข้าไปถึงช่วงเวลาที่เรากำกับแล้วก็ตาม มันทำให้เราอารมณ์ดีในการทำงานอยู่ เหมือนกับชีวิตแต่ละวันที่เราทำงานไปโดยที่ไม่ต้องเครียดเหมือนสมมติว่าถ้าผมไปทำหนังฆาตกรรมชีวิตผมคงหลอนๆ ทำงานมาเหนื่อยๆแล้วนั่งอยู่กับการไล่ล่า แทง กระซวกไส้คน ผมคิดว่าชีวิตผมคงเครียดไป แต่วันหนึ่งอาจทำก็ได้ ไม่แน่ ต้องรอให้สภาพจิตใจพร้อม ต้องไม่เหนื่อยมาก แต่ตอนนี้อยากจะยิ้มกับการทำงานอยู่
แสดงว่าไม่ได้บีบหรือจำกัดตัวเองกับแนวใดแนวหนึ่ง หรือมองตัวเองว่าจะต้องเป็นผกก. คนเขียนบท หรือโปรดิวเซอร์..
"ก็คือผมไม่ได้จำกัดแนวทางของตัวเองว่าเราจะต้องทำหนังโรแมนติกคอมเมอดี้ไปตลอดรึเปล่า เพราะว่าเวลาผมคิดเรื่อง ผมจะคิดจากสิ่งที่อยู่ๆ มันก็พุ่งเข้ามาในช่วงเวลานั้นๆ อย่างเช่นที่ผ่านมาเราเจอฝนตกเยอะๆ แล้วฝนก็ไม่ได้ตกแค่ฤดูฝน อย่างที่ผ่านมาก็ตกกระหน่ำลงมาน้ำท่วมกันในฤดูหนาวก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็เลยทำให้เราคิดได้ว่า มันก็เหมือนกับความรักที่มันเกิดขึ้นได้ทุกฤดูเหมือนกับฝน ก็เลยเอาไปเปรียบเทียบกัน นี่คือสิ่งที่คิดได้ แต่ว่าในอนาคตเราอาจจะทำหนังอีโรติกก็ได้ ถ้าเกิดจู่ๆ ของขึ้น ขึ้นมา (หัวเราะ) แล้วแต่ว่าอะไรมาโดนใจ ก็ปล่อยให้เกิดขึ้นตามสถานการณ์นะครับ เพราะผมคิดว่าการทำภาพยนตร์คือการปล่อยฟีลความรู้สึกจริง คือต้องให้เราเกิดความรู้สึกตาม มันถึงจะทำออกมาให้ดีที่สุด นั่นแหละ ครับคือหลักการ ง่ายๆ ในการที่เราจะทำหนังเรื่องไหนหรือไม่ทำหนังเรื่องไหนก็อยู่ที่ว่าเรารู้ สึกอยากดูเหมือนกัน"
ถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการกำกับครั้งที่สองและแรงบันดาลใจที่ทำให้แดนตัด สินใจหยิบหนังรักที่มีไอเดียเกี่ยวกับฝนเรื่องนี้ขึ้นมาทำ
"แรงบันดาลใจกับเรื่องนี้ก็คือขับรถไปแล้วก็เจอฝนตกในฤดูที่ไม่ใช่ฤดูของฝนก็รู้สึกว่าเฮ้ยโอเคมันก็เหมือนกับความรักที่มันเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลานะครับเราก็แค่รู้สึกว่าการขับรถไปแต่ละครั้งมันขึ้นอยู่กับว่าวันนี้เราขับรถไปแล้วเจออะไร เจอฝนตกหนักมากรถติดไฟแดง ผมเลยเอาฝนมาเป็นทั้งอุปสรรคและเป็นสิ่งที่นำพาซึ่งความรู้สึกอะไรบางอย่าง และนี่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจว่าเฮ้ยน่าทำมาเป็นหนังที่มีฝนเป็นตัวเชื่อมของความรู้สึกนะ ก็เลยเขียนบทหนังเรื่องฤดูที่ฉันเหงาเรื่องนี้ขึ้นมา"
คาดหวังไว้มากแค่ไหน กับผลงานการกำกับหนังเรื่องนี้..
"ผมคงไม่สามารถบอกได้แต่สิ่งที่ผมสามารถรับรู้ได้ คือถ้าตัวผมดูเองผมก็มีความสุขสามารถยิ้มได้ในทุกๆ ซีน แล้วเวลาเราตัดหนังเราพยายามที่จะเลือกแล้วอันไหนที่มันนิ่งเกินไปก็ดึงออกซะจริงๆ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนจะคุ้มค่าในทุกๆ ซีน อยากจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง ในซีนนั้นๆ ก็ลองดู เผอิญเป็นหนังเรื่องที่ 2 เองไงครับ ผมก็ไม่สามารถบอกได้ ก็อยากให้ทุกคนได้ลองดูดีกว่า อย่างเรื่องนี้เราก็พยายามเก็บคอมเมนต์ต่างๆ ทั้งที่ดีและไม่ดีจากเรื่องที่แล้วมาปรับปรุง อะไรที่ดีอยู่แล้ว เราก็ขยายมันเพิ่มขึ้น อะไรที่คิดว่าไม่ดีจากเรื่องที่แล้ว เราก็พยายามทำให้มันดีขึ้น มันก็เลยมาเป็นเรื่องนี้ ซึ่งก็ขอดูฟีดแบ็กจากเรื่องนี้อีกทีหนึ่งว่ามันไปในทิศทางไหน ก็พยายามทำให้ดีที่สุด"
จากนักร้องสู่พระเอกคนดัง วันนี้ "แดน-วรเวช" ขึ้นชั้นเป็นผู้กำกับเต็มตัว..โชะเด๊ะ!!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ