1. ข้อกำหนด/กฏหมายการนำเข้าสินค้าแต่ละประเทศ
การส่งพัสดุหรือสินค้าไปต่างประเทศนั้นผู้ส่งควรศึกษาและเข้าใจเงื่อนไขตลอดจนข้อห้ามต่างๆ เช่น สินค้าต้องห้าม, ภาษี เป็นต้น เพื่อปกป้องพัสดุถูกตีกลับ, พัสดุถูกทิ้ง หรือ ความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการความไม่เข้าใจในข้อกำหนดต่างๆ เพราะเงื่อนไขในการนำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องศึกษาและเข้าใจก่อนจะส่งพัสดุไปต่างประเทศ
2. หลักการคำนวณค่าส่งพัสดุไปต่างประเทศ
เป็นธรรมดาสำหรับค่าส่งพัสดุหรือสินค้าไปต่างประเทศนั้นย่อมจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการส่งพัสดุภายในประเทศ หลายคนเข้าใจว่าค่าส่งพัสดุคิดตามน้ำหนักของพัสดุเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงนั้นค่าส่งสินค้าไม่ได้คิดจากน้ำหนักเสมอไป
การคิดค่าส่งพัสดุไปต่างประเทศนั้นมีการคำนวนค่าส่งโดยเทียบระหว่าง 2 ค่า มาตรฐาน คือ น้ำหนักจริงที่ชั่งได้ และ ขนาดของกล่องพัสดุ (ปริมาตรกล่อง) โดยการคำนวณปริมาตรกล่องนั้นสามารถวัดได้จาก กว้างxยาวxสูง หารด้วย 5000 : หน่วย ซ.ม. จากนั้นนำมาเทียบกับน้ำหนักจริงที่ชั่งได้ ซึ่งจะนำค่าที่มากกว่ามาใช้คำนวนค่าส่ง
ตัวอย่าง เช่น ส่งตุ๊กตา ขนาดกล่อง (50x50x50 ซ.ม.) น้ำหนัก 15 กก.
ขนาดกล่องที่คำนวนได้คือ 25 กก. เทียบกับน้ำหนักที่ชั่งได้ 15 กก.
ค่าส่งก็จะคิดตาม ขนาดกล่อง 25 กก. เพราะว่ามีค่ามากกว่าน้ำหนัก
3. การเลือกประเภทขนส่งให้เหมาะสมกับพัสดุหรือสินค้า
การเลือกประเภทขนส่งให้เหมาะสมกับลักษณะและประเภทของสินค้าหรือพัสดุ เพราะการขนส่งระหว่างประเทศมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางเครื่องบิน ทางรถ ทางเรือ ดังนั้นการเลือกประเภทการขนส่งที่เหมาะสมจะช่วยให้เราประหยัดทั้งเวลา และ ค่าขนส่ง โดยราคาค่าขนส่งจะมีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาสูงที่มีบริการเสริมต่างๆ เช่น รับประกันสินค้าแตกหักหรือสูญหาย
4. ภาษีการนำเข้าสินค้าในเเต่ละประเทศ
การขนส่งพัสดุหรือสินค้าไปต่างประเทศนั้น ผู้รับจะต้องทำการชำระภาษีของสินค้าชิ้นนั้น เป็นภาษีอากรขาเข้า การคำนวณจำนวนเงินที่ถูกต้องของภาษี เป็นกระบวนการซับซ้อน แต่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ซื้อขายสินค้าผ่าน Marketplace ต่างประเทศบ่อยๆ และเป็นเรื่องที่คุณต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เช่น Custom Duty Tax เป็นต้น
