กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์
ปัจจัย และองค์ประกอบที่จะต้องคำนึงทุกครั้ง ในกระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์ (4 M + 1 T)
- คน (MAN)
- อุปกรณ์ (MATERIAL)
- งบประมาณ (MONEY)
- การจัดการ (MANAGEMENT)
- เวลา (TIME)
หัวใจของการผลิตรายการ
- เขียนบท เขียนบท
- ถ่ายทำ
- กำกับ
- ตัดต่อ
ขั้นตอนการผลิตรายการ บันได 3 ขั้น ( 3 P )
Pre- Production ขั้นตอนการเตรียมงาน
Production ขั้นตอนการผลิตรายการ
Post-Production ขั้นตอนเรียบเรียงและลำดับรายการ ก่อนเป็นชิ้นงาน
ขั้นเตรียมการ PRE-PRODUCTION
- วางแผน (Plan)
กำหนดเรื่องราว เนื้อหา ที่ต้องการจะผลิต โดยยึดหลัก 5 W + 2H
– Who กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร / รายการตอบสนองคนกลุ่มไหน
– Why วัตถุประสงค์ในการผลิตรายการ
– What จะผลิตรายการอะไร xประเภทไหน
– Where กำหนดสถานที่ในการถ่ายทำรายการ (ในสตูดิโอ / ภายนอก ) ออกอากาศช่องทางไหน ตัดต่อที่ไหน
– When จะเริ่มผลิตเมื่อไหร่ / ออกอากาศเมื่อไหร่ เวลาไหน ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย / จะใช้เวลาในการผลิตเท่าใด
– How จะผลิตรายการอย่างไร กำหนดรายละเอียดในการผลิต
– How Much ใช้งบประมาณเท่าไหร่
****กำหนด Timeline ในการผลิตรายการ จนจบกระบวนการ Post- Production*****
- หาข้อมูล เตรียมเนื้อหา โดยค้นหาได้จาก
– เอกสาร
– บุคคล / แหล่งข่าว
– สถานที่จริงที่จะไปถ่ายทำ
แล้วนำมารวบรวม สังเคราะห์ จัดทำและเรียบเรียงเนื้อหา ให้เป็นโครงร่างรายการ
- จัดทำสคริปท์ / บท
เริ่มจากวางประเด็น (Concept) => แก่นของเรื่อง (Theme) => เค้าโครงเรื่อง (Plot / Treatment) => (Outline Script / Synopsis) => บทโทรทัศน์ (Full Script) => บทภาพ (Story board)
- ประสานงาน กับส่วนต่างๆ ทั้งภายใน (ทีมงาน) และภายนอก (สถานที่ / พิธีกรหรือผู้แสดง)
ขั้นตอนผลิตรายการ Production
สถานที่
ในสตูดิโอ
ข้อดี – ควบคุมแสง
– ควบคุมเสียง
– ควบคุมบรรยากาศ และสามารถตกแต่งฉากได้อย่างเต็มที่
– ไม่ต้องกังวลกับสภาพดินฟ้าอากาศ
– มีความพร้อมทางด้านเทคนิค ส่วนใหญ่มีกล้องมากกว่า 3 ตัว
นอกสตูดิโอ
แบ่งเป็น ในอาคาร (Indoor) นอกอากคาร (Outdoor)
ข้อดี – มีความเป็นธรรมชาติ ดูเป็นจริงมากกว่า
– ลดงบประมาณด้านฉาก
การถ่ายทำนอกสตูดิโอ แบ่งตามลักษณะการทำงานได้เป็น 3 รูปแบบ
- ENG (Electronic News Gethering) เป็นการถ่ายทำโดยใช้กล้องเดี่ยว เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคล่องตัว ใช้ทีมงานในหารถ่ายทำไม่มากนัก เช่น ข่าว สารคดี
- EFP (Electronic Field Product) เป็นการถ่ายทำ ที่ใช้กล้องมากกว่า 1 ตัว ต่อสายเคเบิ้ล จากกล้องไปสู่เครื่องผสมสัญญาณ (Mixer) เพื่อทำการเลือกภาพ ให้ได้ภาพที่หลากหลาย ได้อย่างต่อเนื่อง เหมาะกับงานประเภท สนทนา สาธิต หรือภิปราย
- Mobile Unit เป็นการถ่ายทำที่มีลักษณะคล้ายกับ EFP และการถ่ายทำในสตูดิโอ โดยอุกรณ์การควบคุม จะติดตั้งอยู่ในรถที่เรียก OB (Outsid Broadcasting) ส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีการถ่ายทอดสดต่างๆ
กระบวนการถ่าย ทั้ง ในสตูดิโอ และนอกสตูดิโอ จะคล้ายคลึงกัน ในกรณี ที่เป็นรายการ ที่มีการเตรียมการณ์ถ่ายทำ
- เตรียมและตรวจเช็คอุปกรณ์
- จัดเตรียมฉากและพื้นที่ที่จะใช้
- จัดเตรียมแสง และเสียง
- จัดวางตำแหน่งกล้อง
- ซักซ้อมทีมงานทุกฝ่าย
- ซ้อมการแสดง
- ถ่ายทำจริง ตามที่ได้ทำการซักซ้อมกับนักแสดงไว้แล้ว
**** ควรจะมีการถ่ายทำเผื่อไว้หลังจากถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อประโยชน์ในการตัดต่อ ในการเลือกภาพ หรือแทรกภาพ (Insert / Cut away) ****
ความเข้าใจเรื่องภาพ
ภาพเคลื่อนไหว ที่เราเห็นในโทรทัศน์นั้น เกิดจากการนำเอาภาพนิ่งหลายๆภาพมาเรียงต่อกัน ด้วยความเร็วมากจนสายตาจับภาพไม่ทัน (ประเทศไทย ใช้ความเร็วเคลื่อนภาพโทรทัศน์ 25 ภาพ ต่อ 1 วินาที ในขณะที่ภาพยนตร์ ที่มีความเร็วของการเคลื่อนภาพ 24 เฟรม ต่อ วินาที )
ฟิลด์ (Field) เป็นหน่วยที่เล็กที่สุด ของระบบภาพในงานโทรทัศน์ โดย 2 ฟิลด์ จะเป็น 1 เฟรม (Frame) 25 เฟรม จะเท่ากับ 1 วินาที … โดยเวลาที่นิยมใช้แสดงผลเวลาของภาพ จะเรียกว่า Time Code (TC)
Shot เป็นหน่วยของการเรียกภาพ โดยนับตั้งแต่เริ่มบันทึกเทป ไปจนถึงสิ้นสุดการบันทึก 1 ครั้ง ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าใด
Scene เป็นการเรียกหน่วย ที่นำ Shot หลายๆShot มาเรียงร้อยกันให้เป็นความต่อเนื่อง ไม่สะดุด หรือกระโดด
Sequence เป็นการนำเอา Scene หลายๆ Scene มาร้อยต่อกันจนเป็นกลุ่มเนื้อหา เปรียบเหมือนหนังสือ 1 บทนั่นเอง
ขนาดภาพ
- Extreme Long Shot ( ELS) เป็นขนาดภาพที่ว้างมาก ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อแนะนำสถานที่ แสดงภาพรวมทั้งหมดของฉากนั้นๆ
- Long Shot ( ELS) ภาพกว้าง ที่เจาะจงสถานที่มากขึ้น เพื่อแสดงความสำคัญของภาพฃ
- Medium Shot (MS) ภาพระยะปานกลาง เป็นภาพวัตถุในระยะปานกลางเพื่อ ตัดฉากหลังและรายละเอียดอื่นๆที่ไม่จำเป็นออกไป และเน้นเรื่องราวที่เราต้องนำเสนอ รายละเอียดจะเห็นมากมากขึ้น เช่นภาพครึ่งตัว
- Close Up (CU) ภาพระยะใกล้ เป็นภาพที่ตัดฉากหลังออกทั้ง เพื่อเน้นในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอ เช่น สีหน้า แผลที่ขา ที่มือกำลังเขียนหนังสือ เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นภาพที่ใช้สื่อด้วยภาษากาย มากกว่าการสื่อด้วยการพูด
- Extreme Close Up (ECU) ภาพใกล้มาก จะเน้นเจาะจง เฉพาะจุดที่สำคัญเท่านั้น เช่น เฉพาะแววตา ปาก เพื่อแสดงอารมณ์ของภาพ
มุมภาพ
- ภาพมุมสูง / มุมกด – ให้ความรู้สึกกดดัน หรือตกตต่ำของตัวละคร
- ภาพระดับสายตา – เป็นทั่วไป คล้ายแทนสายตาผู้ชม
- ภาพมุมต่ำ / มุมเงย – ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ มีพลัง อำนาจ
มุมภาพจะลักษณะที่ถ่าย
เพื่อบอกเนื้อหา และลักษณะภาพที่ถ่าย เช่น
– ภาพที่ถ่ายจากมุมสูง (aerial shot / bird’s eyes view)
– ภาพครึ่งอก (Bust Shot)
– ภาพเอียง (Canted Shot)
– ภาพถ่ายข้ามไหล่ (Cross Shot / X Shot)
– ภาพเต็มตัว (Full Shot)
– ภาพบุคคล 2 คนครึ่งตัว (Two Shot / Double Shot )
เป็นต้นลักษณะของภาพ
ภาพแบบออฟเจคตีฟ (Objective Shot) เป็นการถ่ายภาพในลักษณะแทนสายตาของผู้ชม
ภาพแบบซับเจคตีฟ (Subjective Shot) เป็นการถ่ายภาพในลักษณะกล้องจะตั้งอยู่ในตำแหน่งแทนสายตาของผู้แสดง
การเคลื่อนกล้อง
การแพนกล้อง (Panning)
หมายถึง การเคลื่อนที่ของกล้องตามแนวนอนไปทางซ้าย หรือไปทางขวา โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิมการทิ้ลท์ (Tilting)
หมายถึง การเคลื่อนกล้องตามแนวดิ่ง จากล่างขึ้นบน และจากบนลงล่าง โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิม เพื่อให้เห็นวัตถุตามแนวตั้งเช่น ภาพอาคารสูงการซูม (Zooming)
หมายถึง การเปลี่ยนความยาวโฟกัสของเลนส์ ในขณะที่ถ่ายภาพโดยการใช้เลนส์ซูม ทำให้มุมภาพ เปลี่ยนไป ถ้าเปลี่ยนความยาวโฟกัสสั้นลง มุมจะกว้าง แต่ถ้าปรับความยาวโฟกัสให้ยาว มุมภาพจะแคบลง ดังนั้นการซูมจะช่วยเปลี่ยนขนาดของวัตถุให้ใหญ่ขึ้น (Zoom In) หรือเปลี่ยนขนาดของวัตถุให้เล็กลง(Zoom Out)ได้โดยตั้งขาตั้งกล้องไม่ต้องขยับเปลี่ยนตำแหน่งกล้องไปการดอลลี่ (Dolling)
หมายถึง การเคลื่อนกล้อง เข้าหาวัตถุ เรียกว่า Dolly in หรือการเคลื่อนไหวกล้องออกจากวัตถุ เรียกว่า Dolly outการดอลลี่ (Dolly) จะคล้ายซูม (Zoom) ความลึกของภาพจะมากกว่าการซูม
การแทรค (Trucking / Tracking )
หมายถึง การเคลื่อนกล้องไปด้านซ้ายหรือขวาให้ขนานกับวัตถุการแทร็ค จะคล้ายกับการแพน แต่จะให้ความรู้สึกเคลื่อนผู้ชมเคลื่อนที่ เพราะฉากจะมีการเปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนกล้อง
การอาร์ค (Arking)
หมายถึง การเคลื่อนกล้องในแนวเป็นรูปครึ่งวงกลมการเครน (Booming / Craning)
หมายถึง การเคลื่อนกล้องแนวตั้ง ขึ้นลงการดี โฟกัส (De focus) หมายถึงการปรับเลนส์ภาพทำให้เบลอก่อนที่เปลี่ยนภาพแล้วกลับมาชัดอีกครั้ง (ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีเป็นความนึกคิดของตัวละคร)
การชิพ โฟกัส (Shift focus) หมายถึง การปรับความคมชัดของภาพ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เพื่อให้ผู้ชมสนใจตรงจุดที่เราโฟกัสนั่นเอง
สติลช็อต (Still Shot)
หมายถึง การถ่ายภาพโดยไม่เคลื่อนกล้อง ใช้มากในการถ่ายทำรายการทั่วไป เป็นภาพที่เห็นกันโดยทั่วไป
ความต่อเนื่อง และสมจริง
แกนสนทนา หรือแกน 180 องศา (Axis Line / Conversation Line / 180. Line )
หมายถึง เส้นสายตาระหว่างคู่สนทนา มีเพื่อป้องกันการสับสนของผู้ชม นั่นคือ ไม่ว่าจะย้ายกล้องไปทิศทางใด ก็ไม่ควรจะข้ามเส้นสมมติเส้นนี้ เพราะถ้าถ่ายข้ามเส้น 180 นี้ จะทำให้ ภาพที่ออกมา จะเป็นมุมกลับกัน ยกเว้นกรณีที่ถ่าย Shot เดียวต่อเนื่อง แล้วเคลื่อนกล้องข้ามเส้น 180 นี้ไปองค์ประกอบภาพ
กฎ 3 ส่วน
เป็นการแบ่งเฟรมภาพ ออกเป็น 3 ส่วนทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพื่อเป็นแนวในการที่จะเน้นสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ
เส้นนำสายตา
- เส้นทแยงมุม
- เส้นสามเหลี่ยม
- เส้นรัศมี
- ความสมดุลของภาพ
แสงพื้นฐานในการถ่ายทำรายการโทรทัศน์
- Key light
- Fill light
- Back light
3.Post-Production เป็นกระบวนการสุดท้ายก่อนที่จะเผยแพร่สู่สาธารณชน เป็นนำเอาภาพที่ไปถ่ายทำ มาเรียบเรียงตัดต่อส่วนที่เกินหรือไม่ต้องการออก หรือเอาภาพที่ต้องการมาแทรก มีการใส่สีสันความน่าสนใจด้วยการใช้เอฟเฟ็คต่างๆ ใส่กราฟฟิค ต่างๆ ขึ้นชื่อ ใส่ดนตรี เสียงพากย์ ไตเติ้ล
โดยรูปแบบของการตัดต่อ จะมี 2 รูปแบบ คือ
- Linar เป็นการตัดต่อ โดยการใช้สายสัญญาณ เป็นตัวส่งสัญญาณจากเครื่องเล่นเทป มายังเครื่องผสมสัญญาณภาพ (Mixer)และสร้างเอฟเฟคพิเศษ () ก่อนที่จะออกไปสู่เครื่องบันทึกเทป เรียกโดยทั่วกันว่า A/B Roll
- Non-linar เป็นการตัดต่อโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการนำเอาภาพที่ถ่ายทำมาลงในฮาร์ทดิสก์ แล้วใช้โปรแกรมทำการตัดต่อทำการตัดต่อ เมื่อเสร็จแล้วก็ถ่ายสัญญาณสู่เครื่องบันทึกเทป