xs
xsm
sm
md
lg

ฝรั่งหัวใจเพื่อเด็กไทย! “มะลิ” สาวแคนาดาเปิดค่ายมวยสอนเด็กฟรีที่โคราช อุทิศตนดูแลเด็กดั่งลูก

เผยแพร่:



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “มะลิ” สาวชาวแคนาดา แต่หัวใจเพื่อเด็กไทย ไม่เพียงหลงเสน่ห์มวยไทย แต่ยังเปิดค่ายมวยสอนเด็กไทยฟรีที่โคราช ช่วยให้เด็กในชนบทที่ค่อนข้างยากจน มีรายได้จุนเจือครอบครัว เธอรักและดูแลเด็กๆ ราวกับลูกของตนเอง



แม้มวยไทยจะเป็นกีฬา และเป็นมรดกของชาติ แต่ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่อาจหลงเสน่ห์ของมวยไทย เพราะชาวต่างชาติจำนวนมากก็ชื่นชมมวยไทยไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับ “ฟรานเซส วัฒนะยา” หรือมะลิ สาวชาวแคนาดาคนนี้ ที่หลงเสน่ห์มวยไทยถึงกับลงทุนทำงานเก็บเงินเพื่อบินลัดฟ้ามาเรียนมวยไทยถึงประเทศไทยเลยทีเดียว


“ทีแรกมะลิอายุ 14 ปี เริ่มซ้อมมวยไทยอยู่ที่แคนาดา ...หลังจากนั้นมะลิก็ชกมวย เรียนหนังสือ และทำงานไปด้วย พอดีจบ ม.6 มีคนไทยที่ต่างประเทศแนะนำให้มะลิมาอยู่ประเทศไทย จะได้หาประสบการณ์ จะได้ชก จะได้เรียนรู้มวยไทยมากขึ้น”

มะลิตัดสินใจเดินทางมาไทยตอนอายุ 19 และเหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เธอและบุ๋ม ธนิต วัฒนะยา ได้โคจรมาเจอกัน เพราะซ้อมมวยอยู่ค่ายเดียวกัน ก่อนตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในเวลาต่อมา


หลังแต่งงานไม่นาน กลับไปเรียนต่อที่แคนาดาอีกครั้ง!!

“มาทีแรกตั้งใจว่าจะชก ตั้งใจมากเลย แล้วก็เจอแฟน อาชีพมวยก็จบไปแล้ว (ถาม-ทำไมไม่ไปชกต่อ?) ก็ชกอยู่ แต่เหมือนเราแต่งงานแล้ว มีสามีแล้ว เราก็ต้องคิดชีวิต คิดไปคิดมา ค่าตัวมะลิก็ต่อยทีละพันสองพัน คิดว่าชีวิตต้องดีกว่านี้ เลยเหมือนเราโตแล้ว 20 แล้ว เราคิดต้องไปเรียนหนังสือดีกว่า”


“ก็ชวนแฟนไปอยู่ต่างประเทศด้วย อยู่แวนคูเวอร์ มะลิเรียนหนังสือ แล้วแฟนไปทำงาน ลูกสาวเกิดมาช่วงที่มะลิเรียนด้วย จบมา อยู่โน่นค่าใช้จ่ายแพงมาก งานทำยังไม่มี เราเป็นคนเรียนจบใหม่ๆ”

ตัดสินใจกลับไทย ก่อนอยู่ยาว!!

“แฟนเป็นห่วงพ่อ เขาเลยขอกลับมาอยู่บ้าน พักก่อน เราไม่ได้คิดว่าจะอยู่นานขนาดไหน ก็ขอกลับมาดูพ่อก่อน เราก็มาบ้าน 6 ปีที่แล้ว ตอนโน้น มะลิก็สอนหนังสืออยู่โรงเรียนและแฟนไปสอนมวยอยู่มาเลย์ มะลิอยู่นี่คนเดียว ก็ซ้อมมวยอยู่หน้าบ้าน ไม่ใช่บ้านหลังนี้ ไปซ้อมมวยอยู่หน้าบ้านยายอ่อง หลานเขาเป็นเทรนเนอร์มวยของมะลิ เราก็ซ้อมมวย ก็มีเสียง เอสๆๆ เด็กก็มาเรื่อยๆ ขอซ้อมมวยไปด้วย เราไม่ได้คิดว่าจะเปิดค่ายมวย เราซ้อมเพราะเราอยากออกกำลัง ใจรัก เด็กก็มาเอง 6 ปีผ่านมา ก็อยู่แบบนี้แล้ว (หัวเราะ)”


เหตุผลที่เปิดค่ายมวย...สอนเด็กฟรี!!

“ก็คือให้เด็กห่างไกลยาเสพติด และจบ ม.6 (ถาม-เด็กไม่ใช่ลูกหลานเรา ทำไมเราต้องห่วงอนาคตเด็กด้วย?) เหมือนเขามาอยู่กับเราแล้ว เขาไว้ใจเรา เราก็ต้องดูแล …มะลิเป็นคนจริงจัง เขามาซ้อมทุกวัน เขาอยู่ในระเบียบของค่าย เราก็ต้องช่วย”


ขณะที่ “บุ๋ม ธนิต วัฒนะยา สามีมะลิ สนับสนุนให้เปิดค่ายมวยสอนเด็กฟรีเช่นกัน เพราะเคยไร้โอกาส จึงอยากให้เด็กมีโอกาส

“ตอนเป็นเด็กอยากชกมวยมาก ซ้อมเอง ไม่มีเทรนเนอร์ ไม่มีโอกาส ไม่มีคนสนับสนุน ไม่มีค่ายมวย ในหมู่บ้าน ใกล้ๆ ก็ไม่มี จนไปเอากระสอบถุงปุ๋ยใส่แกลบข้าว แขวนบนต้นไม้ ซ้อมอยู่คนเดียว มีงานวัด ก็แอบพ่อไปเปรียบ ก็ชกแพ้บ้างชนะบ้าง ...ถ้าผมมีคนสนับสนุน ผมอาจไปได้ไกลกว่านี้ ได้มีโอกาสมาทำค่ายมวยตรงนี้ ผมก็อยากสนับสนุนเด็ก เขาอาจจะไปได้ไกล”


ปัจจุบัน มีเด็กอยู่ในความดูแลของค่ายมวย ว.วัฒนะ ของมะลิและบุ๋มเกือบ 20 ชีวิต มีทั้งเด็กที่ไปกลับ และเด็กที่พักอยู่กับมะลิ หน้าที่ของเจ้าของค่ายอย่างมะลิและบุ๋ม จึงแทบไม่ต่างจากพ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านี้ เพราะต้องดูแลทุกอย่าง

“แต่ละวัน ตื่นตี 5 พานักมวยไปวิ่ง บริหารร่างกาย หลังจากนั้นให้เด็กเตรียมตัวไปโรงเรียน จะหาข้าวให้กิน ให้ตังค์เด็กไปโรงเรียน ขับรถไปส่งเด็กกลับมา มะลิจะเปิดคอมฯ ทำงานเลย เราเป็นคนรับจ๊อบ และติดต่อผู้สนับสนุน เราเป็นผู้จัดการนักมวยด้วย ...เราจะซักผ้า ตอนนี้ซักผ้าวันละ 3-5 รอบนะ (ถาม-ทำไมเยอะขนาดนี้?) เด็กเยอะ ทั้งชุดนักเรียน ชุดที่ซ้อม ผ้าเช็ดตัว ที่นอน บ่ายสามออกไปตลาด ซื้อกับข้าว เพื่อทำกับข้าว ซื้อผลไม้ ...บ่ายสามครึ่ง มะลิออกไปรับเด็กที่โรงเรียน และซ้อมมวยอยู่ที่ถึงประมาณทุ่มหนึ่ง ซ้อมเสร็จ ก็ส่งเด็กกลับบ้านแต่ละบ้าน เด็กที่อยู่กับมะลิก็พากลับบ้าน หาข้าวกิน ซักผ้าต่อ ทำงานที่ยังไม่เสร็จ ทำต่อด้วย”


มะลิและบุ๋มไม่เพียงรักและดูแลเด็กๆ ในค่ายราวกับลูกของตนเอง แต่เวลาพาเด็กไปชก ยังไม่หักค่าตัวสักบาท แถมสอนเด็กๆ ให้รู้จักเก็บออม ทำให้เด็กๆ เหล่านี้ไม่เพียงมีสุขภาพที่แข็งแรงจากการซ้อมมวย แต่ยังมีรายได้จากการชกมวยช่วยจุนเจือครอบครัวตนเองได้


“มีคนหนึ่งมาซ้อมมวย น้ำหนักลดเป็นสิบกิโล จากเด็กที่ไม่แข็งแรง หอบด้วย เขาก็มาชกมวยแล้ว 3 ครั้ง ไม่เคยแพ้ด้วยนะ มะลิว่าเด็กทุกคนในค่ายดีขึ้น มีมารยาทมากขึ้น ระเบียบวินัยมากขึ้น แข็งแรง สุขภาพดีขึ้นทุกคน”


เปิดใจเด็กในค่าย ว.วัฒนะ ของมะลิ-บุ๋ม

“อาจารย์พี่มะลิมาชักชวนไปซ้อมมวย (ถาม-คิดว่าอนาคตจะชกมวยเป็นอาชีพไหม?) ก็ชกมวยเป็นอาชีพ …รู้สึกดีที่ได้ซ้อมมวยกับอาจารย์พี่มะลิ เพราะเป็นชาวต่างชาติ ได้ภาษาด้วย (ถาม-ทำอะไรให้ป้าภูมิใจบ้าง?) ตอนชกชนะที่ราชดำเนินก็ซื้อทองให้ป้า”หลานย่าโม ว.วัฒนะ (น้องแปด) นักมวยเด็กเบอร์ 1 ของค่ายมวย ว.วัฒนะ


“เคยชกมาหลายสนาม (ถาม-ต่อยมวย เก็บเงินได้กี่บาทแล้ว?) เก็บได้ 5,000 กว่า ต่อยแต่ละครั้งบางทีก็ได้ 500 บางทีก็ 1,000 พี่มะลิเขาก็ดูแลดี ขอบคุณที่ดูแลหมวยมาตลอด”บัวขาว ว.วัฒนะ (น้องหมวย)


เราอดถามมะลิไม่ได้ว่า ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่ต้องดูแลเด็กคงไม่น้อย หาเงินจากไหนมารองรับตรงนี้ มะลิบอกว่า นอกจากตนเองจะรับจ๊อบทำงานทางออนไลน์แล้ว บุ๋มจะไปสอนมวยอยู่ต่างประเทศ โดยแต่ละปี บุ๋มจะสอนมวยอยู่ต่างประเทศประมาณ 6-8 เดือน แต่ช่วงโควิด-19 ระบาด บุ๋มจึงยังไม่ได้ไปต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้ใจบุญช่วยสนับสนุนเด็กๆ ในค่ายอยู่บ้าง


“บางคนจะโทรมาบอกอยากซื้อรองเท้าให้เด็ก เด็กน้อยกี่คน มะลิบอก 18 คน เขาบอกไม่เป็นไรจะซื้อรองเท้าให้เด็ก เขาก็สั่งออนไลน์ และส่งให้มะลิได้ บางคนช่วยประจำ เดือนละ 300 บาท 500 บาท อันนี้ช่วยค่ากับข้าว ขนมให้เด็ก จะมีคนช่วยเราประจำเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ค่าใช้จ่ายครอบครัว มะลิรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบแฟนเรา ที่คนบริจาคมา มะลิกับแฟนไม่เอาสักบาทสักสตางค์เลย”


ชีวิต “มะลิ” ไม่เคยตั้งเป้า แค่อยากเห็นเด็กมีความสุข มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น!!

“มะลิเป็นคนที่ไม่เคยตั้งเป้า ตั้งเป้าแค่จบ ม.6 จบมหาวิทยาลัย ภูมิใจตัวเองมากเรื่องนี้ นอกจากนี้ชีวิตไปวันๆ พอมีข้าวกิน ก็ดีใจแล้ว เราไม่ได้ต้องการอะไรมากมายจากชีวิต เรื่องค่ายมวย เราเห็นเด็กที่ซ้อมกับเราทุกวัน เห็นเด็กน้อยมีความสุข เห็นเด็กคุณภาพชีวิตดีขึ้นทุกคน ก็ภูมิใจมาก...”


“บุ๋ม” ภูมิใจ สิ่งที่ทำมาไกลเกินฝัน

“ผมว่ามันเกินคาดกว่าที่ผมฝันนะ เพราะจริงๆ ตอนทำครั้งแรก ผมว่า ถ้าเด็กของผมได้ชกออกทีวีครั้งหนึ่ง จะภูมิใจมากเลยนะ แต่มันมากกว่านั้นแล้วตอนนี้ ตอนนี้เด็กได้ชกออกทีวี ได้เป็นแชมป์ ตอนนี้ผมเห็นเขาเป็นคนดี ผมก็ภูมิใจแล้ว”


แม้ “มะลิ” จะถูกเพื่อนมองว่า เอาชีวิตมาทิ้งกับความลำบากในไทย เพราะไม่มีสวัสดิการ ไม่มีหลักประกันใดๆ แต่มะลิเลือกแล้ว ที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ พร้อมยืนยัน จะอยู่สอนมวยให้เด็กที่ค่ายนี้ ต่อให้เหลือเด็กแค่คนเดียว มะลิก็จะสอน

“อนาคตของค่ายก็ไปเรื่อยๆ แต่มะลิบอกกับเด็กน้อย โตขึ้นอาจจะทิ้งมะลิไป ก็ลองดูจะไปแบบไหน หรือจะอยู่จน ถ้ามีเด็กคนหนึ่ง มะลิก็อยู่ มะลิก็ทำไป ก็แล้วแต่เด็กน้อย ค่ายมันอยู่กับเด็กน้อย จะเอาหรือไม่เอา เพราะมะลิก็อยู่นี่เสมอ ก็แล้วแต่เขา”


“บุ๋ม” ภูมิใจ มะลิยอมมาลำบากด้วย ขอให้สู้ และช่วยเด็กไปด้วยกัน

“ภูมิใจ เขาเป็นคนขยัน สู้เก่ง เขาจากถิ่นฐานมาอยู่กับเรา ภูมิใจ ยอมลำบากกับเรา ลำบากกับเด็กๆ ยอมรับใจเลย อยากให้มะลิสู้ไปด้วยกัน รักเหมือนเดิม สู้ไปด้วยกัน ช่วยเด็กไปด้วยกัน”


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “มะลิ...ฝรั่งหัวใจเพื่อเด็กไทย”

https://www.youtube.com/watch?v=yXnk-CQNRXA&t=1467s


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )



หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos
กำลังโหลดความคิดเห็น