xs
xsm
sm
md
lg

รับบุญใหญ่ ไหว้ “พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุอัครสาวกซ้าย-ขวา” พร้อมกัน ครั้งแรกในเมืองไทย 24 ก.พ.-18 มี.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุพระอัครสาวกซ้าย-ขวา จากอินเดีย (ภาพ : เพจ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
อัญเชิญ “พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกซ้าย-ขวา” จากอินเดีย มาถึงประเทศไทยแล้ว โดยจะจัดขบวนอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฯ สู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในช่วงเย็นวันที่ 23 ก.พ. ก่อนจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ากราบสักการะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 2,567 ปี ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.-18 มี.ค. 67 ใน 4 ภูมิภาคทั่วไทย ซึ่งนับเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่และสูงสุดต่อชีวิต

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย โดยสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี พร้อมพระอรหันตธาตุพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสถูปโบราณปิปราห์วา เมืองสาญจี สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกซ้าย-ขวา พร้อมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 2,567 ปี ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์-18 มีนาคม 2567 ใน 4 ภูมิภาคทั่วไทย ซึ่งนับเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่และสูงสุดต่อชีวิต

พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุพระอัครสาวกซ้าย-ขวา จากอินเดีย (ภาพ : เพจ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม)
โดยในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.00 น. พระพรหมกวี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย สู่ประเทศไทย โดยมี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางลาลีวรรณ กาญจน
จารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพิธี ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง

จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ สู่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในเวลาประมาณ 14.00 น.

พระบรมสารีริกธาตุ (ภาพ : เพจ กระทรวงวัฒนธรรม)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า พระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวถูกค้นพบจากสถูปโบราณ เมืองปิปราห์วา เมื่อ พ.ศ.2441 สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยพุทธกาล ซึ่งมีหลักฐานยืนยันเป็นจารึกอักษรพราหมีบนผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2394 บรรจุในผอบซึ่งมีจารึกอักษรพราหมีเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง ซึ่งการอัญเชิญมาครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 2,567 ปี ที่พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสององค์เสด็จมาพร้อมกันในครั้งนี้

พระบรมสารีริกธาตุ (ภาพ : เพจ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
สำหรับการจัดพิธีฯ ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ในรอบ 2567 ปี ที่พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาววก ทั้งสององค์เสด็จมาพร้อมกัน โดยจะมีการบรรจุอยู่ในผอบทรงเจดีย์ลวดลายแบบไทยประเพณี สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่สร้างขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร และยังได้จัดสร้างมณฑปสถาปัตยกรรมไทยประเพณี ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ออกแบบโดยสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร

พระอรหันตธาตุพระอัครสาวกซ้าย-ขวา (ภาพ : เพจ กระทรวงวัฒนธรรม)
ทั้งนี้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เวลาระหว่าง 16.00-17.00 น. จะมีขบวนอัญเชิญอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อย่างยิ่งใหญ่จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เคลื่อนขบวนรอบสนามหลวง เข้าสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีขบวนโคม ขบวนการแสดง 4 ภาค การแสดงกลุ่มชาติพันธุ์ การแสดงจากอินเดีย ขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร และธงฉัพพรรณรังสี ขบวนโคมประทีปและโคมดอกบัว ขบวนรถมาฆบูชาประดิษฐานพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ รถบุปผชาติประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ขบวนเฉลิมพระเกียรติ และขบวนจิตอาสา เป็นต้น

นายเสริมศักดิ์ สักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุพระอัครสาวกซ้าย-ขวา (ภาพ : เพจ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม)
พร้อมกันนี้ขบวนอัญเชิญฯ ได้เปิดให้ประชาชนสามารถร่วมรับชมขบวนอัญเชิญฯ ได้ตามเส้นทางที่ขบวนเคลื่อนผ่าน โดยทางผู้จัดขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าร่วมรับชมขบวนอัญเชิญฯ กรุณาแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สีขาวหรือสีครีม

จากนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และพิธีเจริญพระพุทธมนต์

พิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุพระอัครสาวกซ้าย-ขวา จากอินเดียสู่ประเทศไทย (ภาพ : เพจ กระทรวงวัฒนธรรม)
หลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 18 มีนาคม 2567 ใน 4 ภูมิภาคทั่วไทย ตามสถานที่สำคัญ 4 จุด ได้แก่

-กรุงเทพมหานคร เปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 – 20.00 น. โดยในวันที่ 26 ก.พ. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จฯ สักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงด้วย

มณฑลพิธีท้องสนามหลวง (ภาพ : เพจ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม)
-จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ระหว่างวันที่ 5 - 8 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 - 20.00 น.

-จังหวัดอุบลราชธานี เปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ณ วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 - 20.00 น.

หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ อันเชิญมาให้สักการะวันที่ 5 – 8 มี.ค.67
-จังหวัดกระบี่ เปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล ระหว่างวันที่ 15 - 18 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 - 20.00 น. โดยทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จะมีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ด้วย

ทั้งนี้ศาสนิกชนสามารถเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เพื่อความเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่และสูงสุดต่อชีวิต ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ ดังกล่าว

วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) จ.อุบลราชธานี อันเชิญมาให้สักการะวันที่ 10 – 13 มี.ค. 67

วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง) จ.กระบี่ อันเชิญมาให้สักการะวันที่ 15 – 18 มี.ค.67






กำลังโหลดความคิดเห็น