xs
xsm
sm
md
lg

จากดินสู่ดาว...เจาะชีวิตยอดนักสู้ “เจ้าแหลม - ศรีสะเกษ” หนักกว่าหมัดโรมัน กอนซาเลซ ก็ผ่านมาแล้ว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากนักมวยโนเนมต่างจังหวัด ล้มลุกคลุกคลานบนเส้นทางชีวิต “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” แบกความมุ่งมั่นและวินัยที่เคร่งครัด ก้าวผ่านฟันฝ่าจนสามารถคว้าแชมป์ เหนือแชมป์โลกผู้ไร้พ่าย ก้าวขึ้นสู่แชมป์เปี้ยนสภามวยโลก WBC รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์

นอกจากสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เรื่องราวชีวิตที่ผ่านร้อนหนาวของ “เจ้าแหลม” ยังเป็นบทเรียนชั้นดีในสังเวียนชีวิต ที่แม้ล้มกี่ครั้งก็ยังลุกขึ้นฝ่าฟันจนสำเร็จ และนีก็คือเรื่องราวของตำนานบทใหม่ของลูกหลานเมืองดอกลำดวน ยอดมวยคนจริงที่น่ายกย่อง

(1)
สายเลือดนักสู้ พันธ์ข้าวเหนียว
บ่สะท้านต่อความทุกข์ สู้ทุกมื้อที่ยังหายใจ

“ผมเริ่มต่อยมวยตั้งแต่อายุ 13 ปี” เจ้าแหลม หรือ วิศักดิ์ศิลปะ วังเอก ยอดนักมวยคนล่าสุดบนสังเวียนแห่งสมาพันธ์มวยสากล WBC รุ่นน้ำหนัก 115 กิโลกรัม คนแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทย กล่าวถึงจุดกำเนิดเส้นทางหมัดมวยบนผืนผ้าใบ

“คือตระกูลผมเป็นนักมวยกันทุกคน ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณอา แล้วก็มาคุณพ่อ จนมาถึงผม ซึ่งจริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบมวย (ยิ้ม) แต่คุณพ่อเป็นคนที่จับชก ทีนี้พอชกไปชกมาก็เกิดความชอบ มันอยู่ในสายเลือดเราโดยที่เราไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็ชกเรื่อยมาแล้ว”

ด้วยความที่ครอบครัวมีอาชีพทำนาเพียงอย่างเดียว หลังศึกษาร่ำเรียนจบชั้นมัธยมต้นเพียงแค่สองปี “เจ้าแหลม” ก็ตัดสินใจเลือกที่จะไปฝากชีวิตทางด้านหมัดมวย จากพื้นฐานทางพ่อที่ปูลาดไว้ บวกกับความขยันหมั่นเพียรแห่งตน เสริมให้ตั้งแต่เด็กๆ ได้เข้าร่วมฝึกซ้อมกับค่าย ป.ประเทือง ที่บ้านกะต่ำ ตำบลแต้ อันเป็นค่ายโด่งดังของยุคสมัยนั้น

ชื่อ ‘ดอกรัก ป.ประเทือง’ อันเป็นนามกรแรกของเจ้าแหลม จึงโด่งดังชนิดไม่มีใครในย่านนั้นไม่รู้จัก และยากที่จะหามวยเปรียบได้ เด็กหนุ่มไฟแรงที่ชื่อหวานปานพระเอกลิเกหรือผู้บ่าวหมอลำ ขึ้นชกเพียงครั้งแรกก็สามารถเอาชนะน็อก ต่อยคู่ต่อสู้ล้มคว่ำในยกที่ 3 ก่อนจะเก็บชัยชนะแบบน็อกเอาต์คู่ต่อสู้เรื่อยมา จนเป็นที่ยำเกรงในละแวกจังหวัด มวยรุ่นราวคราวเดียวกัน น้ำหนักเท่าๆ กัน ไม่ใคร่มีใครกล้าขึ้นเปรียบ ถึงขนาดที่ “ดอกรัก” หรือ “บักแหลม” ต้องชกกับมวยรุ่นใหญ่กว่า แบบที่เขาเรียกว่า “แบกน้ำหนัก” บางทีต้องแบกถึง 3 - 5 กิโลกรัม

สร้างชื่อ “ดอกรัก” จนเป็นที่ประจักษ์ในฐานะนักมวยหนุ่มน้อยได้สักพัก “ดอกรัก” ก็ขยับปรับเปลี่ยนฉายานามตามคุณพ่อที่สมัยชกมวย ใช้ชื่อว่า “ซุปเปอร์ ป.ประเทือง“ แต่เติมคำว่า “เล็ก” ข้างหลัง “ซุปเปอร์” ก่อกำเนิดเกิดเป็นนักมวยรุ่นลูก “ซุปเปอร์เล็ก ป.ประเทือง”

“ก็อาจจะด้วยสายเลือดแล้วก็ความมุ่งมั่น อย่างล่าสุดที่ขึ้นชกแล้วได้แชมป์ ก็ฝึกซ้อมหมัดทีเด็ดของเรา คือพวกฝรั่งเขาให้ฉายาว่า “หมัดทะลวงไส้” เหตุผลก็เพราะผมถนัดทั้งสองหมัด ทั้งซ้ายและขวา สามารถใช้ได้หมด แต่ก่อนหน้านั้น จริงๆ เราใช้เพียงแค่หมัดขวาหมัดเดียว เรารู้ว่าเราต้องขึ้นชกกับเขา เราก็ซ้อมเพื่อให้คู่ต่อสู้งง

“หลักความคิดของผมขณะขึ้นชกก็คือว่า เราคิดว่าเราอยู่กับเขาบนเวทีกันแค่สองคน ต่อยอยู่ในเกมอยู่แล้ว ไม่ตื่นเต้นไม่มีอะไรเลย รู้สึกสบายตัว ผ่อนคลายจิตใจ ไม่ทำให้เรากดดัน ก็เลยชกออกมาได้อย่างที่ใจต้องการ
ภาพจากเพจ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น FC
“ก็ไม่คิดว่าจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้”
ศรีษะเกษ กล่าวออกตัวถึงความฝันที่เกินเอื้อมในวันนี้ที่พิชิตมาได้ อาชีพนักมวยที่คิดเพียงแค่หารายได้เลี้ยงปากท้องไปวันๆ หรือสูงสุดแค่เข็มขัดแชมป์เอเชียก็เพียงพอแล้ว ด้วยเหตุนี้ สเต็ปชีวิตของเจ้าแหลมจึงค่อยๆ ก้าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีขึ้นมีลงไปตามจังหวะชีวิตในขณะนั้น ซึ่งกว่าจะถึงระดับนี้ต้องฝ่าฟันผ่านพ้นทั้งความรู้สึกตัวเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับแฟนสาวที่กลายมาเป็นภรรยาคู่ชีวิต ผู้เป็นดั่งลมใต้ปีกที่ไม่เคยหลีกลี้หนีหาย แม้ในยามที่ลำบากยากแค้นเพียงใดก็ตาม

“ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าจะเลิกชกมวยไปหลายครั้งแล้ว เพราะแรกๆ แฟนก็ไม่ชอบนักมวยด้วย (หัวเราะ) ด้วยความที่ว่าเขาอยากจะดูหนัง แต่คุณพ่อเขาชอบยึดทีวีเพื่อเปิดดูมวย แต่เขาอยากจะดูหนัง (หัวเราะ) ก็ทำให้เขาไม่ชอบมวย ช่วงนั้นผมก็ได้แต่แอบๆ ไม่บอกเขาว่าเราเป็นนักมวย ตอนที่เราจีบเขาใหม่ๆ ตระเวนไปเฝ้ารับส่ง คอยดูแล ฟอร์มก็ถอยลงๆ จากน็อคเขาก็กลายเป็นถูกน็อค หน้าตานี้บูดเบี้ยวยับเยินมาเลย เขาก็เลยรู้ ผมก็เลยอธิบายเหตุผล โชคดีที่เขาเข้าใจ”

หลังจากนั้น หมุดหมายของแหลมจึงมีเพียงแค่สองสิ่ง ควบคู่กันมาตั้งแต่วันนั้น แม้ว่าเส้นทางชีวิตผู้บ่าวไทบ้านแห่งดินแดนดอกลำดวน ในอาชีพนักมวย จะสร้างรายได้เพียงหลักร้อยถึงพันต้นๆ ไม่เกินนั้น แหลมก็ยังยืนหยัดหาเลี้ยงชีพอย่างอื่นเสริมเพิ่ม ทั้งงานก่อสร้าง ช่างทาสี ช่างไฟ ติดฝ้าเพดาน ก็ทำมาหมดทั้งสิ้น เพื่อสิ่งที่รักทั้งสองสิ่ง นั่นก็คือ มวยและแฟนสาว ที่แหลมช่วยเหลือเกื้อเงินบ้าง กระทั่งเธอเรียนจบ

“อย่างที่บอกว่าเลือดนักสู้ ผมมีความคิดว่า ไม่ว่าชีวิตจะผกผันแค่ไหน ก็จะผ่านมันไปให้ได้ อย่างช่วงที่ขึ้นมากรุงเทพฯ กับแฟนสองคน มีเงินติดตัวอยู่ 500 บาท แล้วผมก็ดันทำตั๋วรถไฟหายอีก ก็บอกแฟนว่าไม่เป็นไร ทีนี้ พอนายท่ามาเดินตรวจตั๋ว ก็บอกให้แฟนทำตัวนิ่งๆ ให้เหมือนกับเราตรวจไปแล้ว

“ก็นั่งรอดมาได้จนถึงหัวลำโพง มีเงินเหลือติดตัวเพียง 20 บาท ขึ้นรถเมล์ไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา ตอนนั้นก็หมดเลย ไม่มีเงินติดตัวแล้ว ก็เดินสมัครงานจากห้างเซ็นทรัลบางนาไปถึงสำโรง เดินไปกับแฟนสองคน กะว่าจะไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่คนเต็ม ก็ต้องเดินย้อนจากจากสำโรง กลับไปที่ห้างเซนทรัลบางนา แล้วตัดสินใจไปสมัครเป็น รปภ.ที่นั่น”

ตื่นตี 5 อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน เลิกงาน 4 ทุ่ม สะสมจนเหนื่อยล้าเกินทน แต่ด้วยความมุ่งมั่นสายเลือดนักสู้ ก็สู้กัดฟันทนเพื่อหาเงินประทังชีวิตทั้งค่าอาหารการกินและค่าที่พัก ก่อนจะได้จังหวะเปลี่ยนโยกย้ายงานมาเป็นคนเก็บขยะ เข้ากะเปลี่ยนเวร ให้พอหายใจหายคอได้บ้าง

“มันล้าแต่เราเลิกล้มไม่ได้ อีกอย่าง เราโชคดีที่เจอเจ้าของหอใจดี มีศักดิ์เป็นพี่ของแฟน เขาบอกให้มีเงินก่อนแล้วค่อยจ่ายค่าเช่า ไม่มีข้าวกินก็เอาข้าวมาให้กิน ผมก็ต้องทำ ทำอะไรก็ได้ที่เราทำได้ จำได้เลยว่าช่วงนั้นเขาทิ้งอาหารที่จะหมดอายุ เราก็เก็บเอามาทำกับข้าวให้แฟนกิน พวกปลาสด ปลาหมึก

“บางทีก็ไม่รู้ว่าเสียไม่เสีย ขอให้ได้กิน กินเพื่ออยู่ไปก่อน”
ยอดมวยดังเปิดเผยเรื่องราวที่เมื่อเสียงระฆังยังไม่ดัง สองมือและสองเท้าต้องสะบัดและมุ่งพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งหากจะกล่าวว่าเป็นเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือไม่ ไม่อาจทราบได้ แต่ในความคิดของเขา เจ้าแหลมว่า คนเราจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นเป็นตัวฉุดช่วยด้วยถึงจะถึงฝั่งฝัน ในระหว่างที่ดิ้นรนเพื่อปากท้องอยู่นั้น บังเอิญรุ่นพี่ที่รู้จักก็ต่อสายตรงโทรศัพท์เข้ามา มอบโอกาสสานต่อการเป็นนักมวย

“ช่วงทำงานนั้น ผมก็ซ้อมบางไม่ซ้อมบ้าง ในระหว่างที่ทำงาน ก็ต่อยมวยด้วยเป็นอาชีพเสริม ทั้งมวยไทยและสากล ก็มีพี่คนหนึ่งที่ไปซ้อมแล้วรู้จักโทรมาบอกว่ามีโปรแกรมให้ไปต่อยต่างประเทศ เขาถามเราว่าสนใจไหม ผมก็คิดว่าน่าจะดี เพราะเราจะได้มีรายได้พิเศษ และได้ไปเที่ยวด้วยในตัว ก็ไป ญี่ปุ่น ชกมวยไทยด้วย สากลด้วย ไปชกอยู่ที่นั่นราวๆ หนึ่งปี

“แล้วจังหวะชีวิตมันก็ลงล็อก วันหนึ่ง หลังจากไปชกแล้วกลับมาที่เมืองไทย เขาให้ไปต่อยไฟท์สุดท้ายพอดี วันนั้นถ้าผมต่อยแพ้ ผมบอกกับตัวเองว่าจะไม่ต่อยอีกเลย ก็ได้ไปชกกับ ‘นวพล นครหลวงโปรโมชั่น’ มวยสากล แต่ผลออกมาเป็นเสมอ ผมก็เลยมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาอีก ก็เลยได้ต่อยสากลมาตลอด”
ภาพจากเพจ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น FC
จากคืนวันที่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา ซึ่งทุกคนข้างกายต่างได้ประจักษ์ชัด ด้วยเหตุนี้แววความสามารถจึงไปเข้าตาเจ้าของค่ายนครหลวงโปรโมชั่น “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์มวยชื่อดังที่ปั้นซูเปอร์สตาร์บนสังเวียนผ้าใบมานักต่อนัก

“เสี่ยเขาบอกว่าเราขยัน เขาก็ดึงไปประจำค่ายเข้าเลย ก็เลิกงานคนเก็บขยะไป เปลี่ยนมาต่อยมวยอย่างเดียว ถามว่านานเท่าไร่ ก็ราวร่วมปี ตอนนั้นก็คิดเหมือนเดิมคือแค่เลี้ยงชีพ มากสุดก็คือได้ ชิงแชมป์เอเชีย ได้เข็มขัดเอเชียเส้นเล็กๆ ก็พอแล้ว ไม่ได้คิดถึงแชมป์โลก ได้ถ่ายทอดออกทีวีสักหน่อยก็ดีแล้ว (ยิ้ม) ไม่คิดว่าเราจะเป็นแชมป์โลก

“แต่พอดีเสี่ยเขาเห็นความมุ่งมั่น ก็เลยจะสร้างเป็นแชมป์โลก ซึ่งจังหวะนั้นบังเอิญ สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น ไปต่อยที่ญี่ปุ่นแล้วเสียแชมป์กลับมา ทำให้มีออพชั่นเหลือ เสี่ยก็เลยให้ผมไปต่อย ก็ชนะกลับมา ก็เลยได้เป็นแชมป์โลกครั้งแรก WBC รุ่นซูเปอร์ไลต์เวต 115 ปอนด์ แล้วก็ป้องกันแชมป์สองครั้ง ครั้งแรกผ่านชนะป้องกันที่เมืองไทย ชนะ ฮิโรฟูมิ มูไก จากประเทศญี่ปุ่น”

แม้ว่าหลังจากนั้น ในการป้องกันแชมป์ครั้งที่สอง จะแพ้ฟาวล์ให้เสียแชมป์ แต่ก็ลุกยืนหยัดกลับมามุ่งมั่นฝึกซ้อมอีกนานถึง 3 ปี ชื่อของ ‘ศรีษะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น’ ก็กลับมาผงาดอีกครั้งกับการคว้าชัยชนะเหนือยอดมวยอเมริกาใต้ ก้าวขึ้นเถลิงแชมป์ ศึกมวยสากลชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ สภามวยโลก WBC ณ เวที เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น อันทรงเกียรติ สร้างความปราบปลื้มใจแก่แฟนมวยชาวไทยทั้งประเทศ

“คือสู้เท่านั้นที่จะชนะ อยากให้น้องๆ รุ่นหลังตั้งใจสู้ สู้เหมือนผม ผมก็สู้เหมือนกันจากชีวิตที่ผ่านมา ผมรู้ว่าผมผ่านจุดๆ นั้นมาแล้วได้อย่างไร ก็อยากให้พวกนักมวยหรือแฟนมวยหรือใครก็ได้ที่ดูผมอยู่ ฟังอยู่ ก็อยากให้สู้ ผมได้กำลังใจจากแฟนมวย ผมก็จะให้กำลังใจกลับไปเหมือนกัน แล้วเราจะสู้ไปด้วยกัน”
ดูชัดๆ หมัดแบบนี้แหละที่ฝรั่งให้ฉายาว่า หมัดทะลวงไส้
(2)
พลังแห่งรัก
เสาหลักแห่งสังเวียนชีวิต

นอกจากความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ อีกสิ่งหนึ่งซึ่งยอดมวยผู้นี้สกัดออกมาจากชีวิตให้เป็นต้นแบบ คือ “ความรัก” พลังบริสุทธิ์ที่สามารถล้มคว่ำทุกสิ่งอย่าง ให้ถึงฝั่งฝัน

จากมวยรอง 14 ต่อ 1 แต่สามารถไล่อัดทุบให้แชมป์เปียนโลกชาวนิการากัวที่ยังไม่เคยแพ้ใคร ‘โรมัน กอนซาเลซ’ ล้มตั้งแต่ยกแรกจนต้องนับถึง 8 และแลกหมัดต่อยแตกเรียกเลือดในยกที่ 8 ก่อนที่จะอาศัยจังหวะฉาบฉวยต่อย 1-2 แล้วใช้ชั้นเชิงสเต็ปฝีมือจนแชมป์ถึงกับหยุดชะงักงันไปไม่ถูก ต่อยลมชนการ์ดเข้าไม่ถึงตัว ขนาด แมนนี่ ปาเกียว ยังเอ่ยชม กระทั่งครบ 12 ยก กรรมการ 3 ท่านประกาศคะแนนเสมอกัน 1 เสียง และให้ ศรีสะเกษ ชนะ 2 เสียง (113-113, 114-112, 114-112)

“เขาให้กำลังใจผมตลอด เก๋คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ” ยอดนักมวยดังกล่าวเสริม

“เขาจะให้กำลังใจเราตลอด อย่างที่ใครๆ เขาว่า เราชกไฟต์นี้ มากสุดก็ไม่เกิน 5-6 ยก เดี๋ยวก็แพ้ เราก็เก็บเอามาคิด ว่าต้องแก้อย่างนั้นอย่างนี้ ก็เก็บมาคิด มาแก้เกม ก็ได้จากแฟนมวยเนี่ยละ เป็นแรงผลัก ที่เขาว่าเรา ก็เพราะเขาอยากให้เราได้ดี ให้เราทำได้ ไม่ได้มีอคติ ไม่คิดเลย เพราะผมเคยเจอมาหนักยิ่งกว่านี้”

“เจอมาหนักกว่านี้” ในถ้อยคำของมวยแชมป์ ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งพยุงเขาไว้ให้ฟุตเวิร์กกับชีวิตแบบไม่คิดท้อ ก็คือหญิงสาวที่มีชื่อว่า “พัชรีวรรณ กัณหา” หรือ “เก๋”

“ช่วงที่มาอยู่กรุงเทพฯใหม่ๆ ผมไม่มีเงิน มีมาม่าห่อหนึ่ง ผมต้มแล้วให้เขากินเส้น ส่วนผมกินน้ำ เขาก็ยังไม่ไปไหน ไม่บ่น แถมให้กำลังใจ อยู่กับผมตลอด”
กับหญิงสาวคนรักที่ดูแลกันและกันตลอดมาบนเส้นทางชีวิต พัชรีวรรณ กัณหา
“เราจะมีหรือไม่มี เราก็ยังอยู่ด้วยกันได้ เราจะไม่จากไปไหน ไม่ทิ้งกัน” สาวศรีสะเกษคนบ้านเดียวกันที่เป็นแรงใจให้กันมาสิบกว่าปี กล่าวยืนยัน ก่อนจะเล่าถึงเบื้องหลังชีวิตยอดนักมวยดังที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน

“ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน พี่เขาดูแลเราดีมาตลอด ก่อนหน้านั้นที่หลังจากชนะ จะต้องมาออกรายการเก๋ก็ตื่นมาซักเสื้อผ้า สักพักหนึ่งเขาก็เดินมากอดแล้วบอกว่าไปนอนๆ เดี๋ยวทำให้ (ยิ้ม) เขายังทำเหมือนเดิม เขาบอกว่าอย่าทำ เก๋แพ้ผงซักฟอก เดี๋ยวเขาทำเอง

“ก่อนหน้านั้นเขาก็ดูแลทุกอย่าง กระทั่งเรื่องกับข้าวกับปลา เขาจะชอบทำให้เราทาน กลับมาวันแรกที่ชก เขาก็ทำให้เราทาน”

และไม่ใช่แค่ฉีกเนื้อปลาให้ร่วนซุย เป็น “ปลาป่น” หรือปอกมะละกอตำส้มตำ ยอดนักมวยดังยังพิถีพิถันใส่ใจรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งหั่นฝานผักเป็นชิ้นๆ เพื่อให้คนรักได้รับประทานง่ายสะดวกที่สุดในทุกมื้ออาหารตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่อยู่ด้วยกันไม่มีขาดตกบกพร่อง เรียกว่า “รสมือ” ก็เลิศ ไม่แพ้ “รสหมัด” แต่อย่างใด

“เขาเป็นคนจิตใจดี เล่นกับหมากับแมวเหมือนเล่นกับลูก สัตว์ทุกชนิด ลูกหนูตัวแดงๆ เจอเขายังหยิบเอามาหอม เขาเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยน ต่างจากบนเวที ซึ่งเวลาซ้อมชกมวย เพื่อนๆ เขาจะแซวว่าอยู่บ้านเก็บกดเหรอ โดนเมียด่าเหรอ (หัวเราะ)

“แต่จริงๆ เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานมาอย่างนี้ตลอดอยู่แล้ว คือเวลาเก๋โมโห เขาจะใจเย็นๆ เก๋โมโห บางทีพูดกูมึง เขาใจเย็นมาก เวลาโมโห เราตีเขา ตีมือหนึ่ง เขาก็ให้เปลี่ยนอีกมือ เขากลัวมือเราเจ็บ แล้วเขาก็เป็นคนที่ขยัน พ่อแม่ก็รักเขามาก เป็นคนขยันชนิดงานบ้านงานสวนก็ทำหมด ไม่เคยบ่นให้เราได้ยิน

(3)
สร้างความภาคภูมิกลับคืนชาวไทย
บทส่งท้ายศรีษะเกษ ยอดมวยคนจริง

“ก็จะป้องกันแชมป์ให้ได้นานมากที่สุด จนกว่าจะถึงอายุ 36 - 37 ที่คิดว่าจะแขวนนวม” ยอดมวยดังเปิดเผย ก่อนจะหันไปหาภรรยาคู่ชีวิตที่ร่วมเรียงฝ่าฝันกันมาจนถึง ณ วันนี้

“ผมเคยเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ก็มีคนถามว่าเรามาจนถึงขั้นนี้โดยที่ไม่คาดคิด เราจะหลงระเริงไหม ตอบเลยว่าไม่ บางคนได้เงินมา อยากจะใช้ให้เยอะๆ แต่เราก็อยู่ของเราแบบเดิม อยู่ง่ายกินง่าย อยู่ได้หมด มีไม่มีก็อยู่ได้ ถึงจะมี ก็เหมือนเดิม ถึงไม่มี ก็เหมือนเดิม เคยเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น”

จากค่าตัวในการขึ้นชกที่เริ่มจากหลักร้อย สู่ค่าตัวหลักล้านบาท ณ ปัจจุบัน ศรีษะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดจากความมุ่งมั่นและกำลังใจที่เปี่ยมล้น ในวันวัย 30 ปีเส้นทางข้างหน้าจึงขอทำให้สุดกำลังเพื่อตอบแทนโอกาสและกำลังใจที่ได้รับ

“แต่เรื่องต่อยมวยก็ต้องพัฒนาต่อไป ต้องมีสติ มีความมุ่งมั่น เรื่องชีวิตของนักมวยก็เหมือนกัน ต้นแบบชีวิตจากรุ่นพี่มีให้เห็นมากมาย บวกกับประสบการณ์ที่เราผ่านมา ทำให้เราวางแผนและไม่หลง

“มันก็ต้องรู้หน้าที่ มีวินัย มุ่งมั่น ผมอยากต่อยมวยแบบที่ให้คนดู ดูแล้วมันไปกับเรา มันๆ ที่สุด สนุกที่สุด อยากให้คนดูมัน ไม่อยากให้คนมาว่า ชก นั่นนี่ต่อยไม่ดี เอาแต่เหยาะๆ แหยะๆ

“ทุกคนก็เหมือนกัน คือเราก็ต้องสู้กันต่อไป ใครที่ยังแบบท้ออยู่ เราก็จะสู้ไปด้วยกันนะครับ ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง”

ยอดมวยดังกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป และทิ้งไว้เพียงเบื้องหลัง ซึ่งท่ามกลางแผ่นหลังของคนหนุ่มที่รูปร่างสัดทัดไปทางร่างเล็ก นอกจากความแกร่งประดุจเหล็กตามแบบแผนที่นักมวยต้องมี เรายังเห็นลูกผู้ชายหัวใจนักสู้อีกคนหนึ่งซึ่งล้มมาหลายครั้ง แต่ก็ยังหยัดสู้ ด้วยพลัง และด้วยความรัก...

เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : วชิร สายจำปา

กำลังโหลดความคิดเห็น