สำนวนที่ว่า ..... มารไม่มี บารมีไม่เกิด .....
อาจจะใช้ได้กับบุคคลทั่วไป ที่กว่าจะประสบความสำเร็จได้นั้น แน่นอนว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคนานัปการ ที่เข้ามาเป็นบททดสอบชีวิตมากมาย อย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่กรณีของ “ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ต้องนับว่าอยู่อุปสรรคที่ชีวิตที่เขาได้พบพานมาในแต่ละช่วงเวลานั้น ล้วนแล้วแต่หนักหนาสาหัสเอาการ และส่งผลให้เส้นทางการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่วาดหวังว่าจะเจิดจรัสในวงการของเขานั้น ต้องดับแสงลงก่อนเวลาอันควร
ทั้งที่ในความเป็นจริง ต้องบอกว่าด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติของฟิล์มนั้น ถือว่าเป็นต้นทุนที่สูง และสามารถพาตัวเองไปถึงหลักชัยในวงการบันเทิงได้ไม่ยาก
เสียแต่ว่ามักจะเจอมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ที่ทำให้ดังไม่สุดเสียที
ถ้าจะย้อนรอยกันจริงๆ ถึงวิบากกรรมของฟิล์ม-รัฐภูมิ ก็คงต้องเท้าความกลับไปในสมัยที่เขากำลังรุ่งเรือง ถือเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ของค่ายเพลง อาร์เอส เรียกว่าเป็นท็อปฟอร์มประจำค่ายเลยก็ว่าได้ ครานั้นเรียกว่ามีผลงานออกมาสู่สายตาประชาชนอยู่ไมได้ขาด ไม่ว่าจะในรูปแบบของอัลบั้มเพลง ละคร ภาพยนตร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือชั้นดีในการสั่งสมฐานแฟนคลับของเขา
ทว่าในช่วงจังหวะที่กำลังขาขึ้นสุดๆ กลับต้องมาสะดุดกับกรณีที่มีข่าวไปพัวพันกับ “เสี่ยอู๊ด - สิทธิกร บุญฉิม” (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ซึ่งข่าวค (ร) าวดังกล่าว ถือว่าทำให้เสียเครดิตไปไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหลักฐานทุกอย่างมัดตัวชนิดดิ้นไม่หลุดจริงๆ
แต่ก็ยังโชคดีที่สะสมแต้มบุญมาดีพอ ก็เลยยังไม่ถูกต้นสังกัดตัดขาด เพราะมองว่ายังพอจะขายได้อยู่ แค่รอจังหวะเวลาให้ข่าวค่อยๆ ซาไป โดยเรื่องดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 ก่อนที่จะถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่เสี่ยอู๊ดตัดสินใจฆ่าตัวตาย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558
จากเรื่องของเสี่ยอู๊ด ก็มาถึงมหากาพย์ลูกใครหว่า !!??? อันลือลั่นสนั่นวงการ
เรื่องนี้ต้องถือว่าเป็นความซวยในซวยของฟิล์มที่กลายเป็น “แพะรับบาป” ถูกพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเป็น “พ่อของเด็ก” ในท้องของนักแสดงสาว “แอนนี่ บรู๊ค” ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน หลังจากมีโอกาสร่วมงานในละคร “ปีศาจแสนกล” และพันธนาการไว้ด้วยวลีเด็ด
....DNA อยู่บนหน้า.....
กว่ามหากาพย์จะถูกคลี่คลาย และข้อเท็จจริงถูกเปิดเผยว่า ฟิล์มไม่ใช่พ่อของเด็กคนดังกล่าว ก็สายเกินกาลเสียแล้ว
เพราะชื่อเสียงที่เสียไป กับช่วงเวลาที่ฟิล์มต้องห่างหายจากวงการไปหลบเลียแผลใจ มันกอบกู้กลับมาไม่ได้แล้ว
แม้ว่าจะมีผลงาน และข่าวคราวปรากฏอยู่ตามสื่อบันเทิงอยู่บ้าง แต่ก็ไมได้อยู่ในสถานะที่เป็นตัวท็อปเหมือนเก่า
เมื่อตระหนักว่าวงการบันเทิง อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในชีวิต ฟิล์มก็เริ่มเบนเข็มไปเป็นนักธุรกิจเต็มตัว โดยเปิดบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด พร้อมๆ กับตั้งเป้าจะผันตัวเองมาเป็นนักการเมือง โดยการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไท
แต่แล้ว ธุรกิจเพย์ออลของเขา ก็โดนพนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรยื่นฟ้อง ในข้อหาที่ประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์และบัตรชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยฟิล์มถูกตัดสินจำคุก 1 ปีปรับ 1 แสน โทษจำรอลงอาญา 2 ปี รายงานตัว 1 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง
เมื่อคิดคำนวณและใคร่ครวญดูแล้วว่า ธุรกิจก็ดูท่าจะไม่รุ่ง ขณะที่การเมืองก็เหมือนจะไปไม่รอด ฟิล์มก็เลยตัดสินใจตอบรับคำเชิญชวนให้มาเป็น 1 ใน 16 ศิลปิน ที่จะต้องมาจับคู่ดูโอกับผู้เข้าประกวดที่ผ่านมาคัดเลือกจากทางรายการ เพื่อแข่งขันกันในรายการประกวดร้องเพลง “World Star ดาวคู่ดาว” ทางช่อง 7 HD โดยมีเดิมพันคือโอกาสการเป็นศิลปินระดับโลกกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น !!!
หลังจากที่ว่างเว้นจากการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ถึง 10 ปี และแทบจะไมได้จับไมค์ร้องเพลงเลย ไม่น้อยกว่า 5 ปี
ฟิล์มตั้งใจอย่างเต็มที่ ในการที่จะใช้เวทีและรายการนี้ เป็นใบเบิกทางเพื่อจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวอีกครั้ง
อย่างน้อยที่สุด ถึงจะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ถ้ารายการดังขึ้นมา อย่างน้อยก็เป็นกระแสให้หากินต่อไปได้ เหมือนอย่างกรณีของ “เป๊ก-ผลิตโชค” ที่กลับมาแจ้งเกิดอย่างดงางามจากรายการ The Mask Singer
แต่โชคกลับไม่เข้าข้าง หนำซ้ำประตูแห่งความหวังสุดท้ายก็ต้องถูกปิดตายอีกครั้ง เมื่อฟิล์มเข้าไปไม่ถึงรอบสุดท้าย ซ้ำรายการก็ไมได้มีกระแสมากพอที่จะทำให้เขากลับมาผงาดในวงการสมความตั้งใจ ขณะที่สัญญากับต้นสังกัดเดิมก็หมดลงไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ไม่มีงานป้อนมาพักใหญ่ๆ เพราะนโยบายของค่าที่ไม่ได้เน้นหนักในเรื่องของบันเทิงเหมือนก่อน พร้อมๆ กับอายุอานามของฟิล์มเอง ก็พ้นช่วงวัยที่จะครองใจแฟนๆ ไปแล้ว
ก็ไม่แปลกที่จะปรากฏข่าวว่าเขาตัดสินใจสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกของใหม่พรรค “เพื่อไทย” !!!งานนี้ถ้าจะก่นโทษกันจริงๆ ก็อาจจะต้องถือว่าเป็นเรื่องของดวงชะตาที่ดันมาอยู่ผิดที่ ผิดเวลาทุกครั้ง ทำให้ชีวิตของฟิล์ม-รัฐภูมิ ไปไหนก็ไม่สุดทางเสียที !!!???
นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 สิงหาคม - 6 กันยายน 2562
