จอภาพ(Monitor Computer)เลือกยังไง?

LukkGolF ❤
4 min readJul 19, 2020

สวัสดีครับ ช่วงนี้สินค้า IT หลายๆอย่างในบ้านเราก็ทยอยเปิดตัวกันมากมาย และหนึ่งในตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมากๆก็คือ Monitor computer หรือจอภาพที่เราใช้ๆกันอยู่นี่เอง วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ ความรู้ความเข้าใจ รวมไปถึงการเลือกซื้อ Monitor ดีๆซักตัวที่เหมาะสมกับตัวเราด้วยครับ

บทความนี้จะลงที่ Facebook page : TechExplain ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวม , อธิบาย , สรุป และ วิเคราะห์ ข่าวสารด้าน Technology ในแบบฉบับที่เข้าใจง่าย ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับ :)

** Monitor นั้นมีกี่แบบ ? **

Monitor computer นั้นมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน

CRT (Cathode Ray Tube) หรือ หน้าจอแบบหลอดรังสีแคโทด

https://www.online-tech-tips.com/computer-tips/why-would-you-want-a-crt-monitor-in-2019/

หน้าจอประเภทหลอดรังสีแคโทดนี้เป็นหน้าจอที่รับสัญญาณภาพแบบ Analog ที่ถูกพัฒนามาด้วยเทคโนโลยีเดียวกันกับ TV ในสมัยก่อน โดยบริษัท IBM ถือว่าเป็นเจ้าแรกๆที่ทำการผลิตหน้าจอประเภทนี้ขึ้นมา อาศัยหลักการยิงลำแสงอิเล็กตรอนจากหลอดรังสีแคโทดไปยังพื้นผิวของหน้าจอซึ่งมีสารประกอบของฟอสฟอรัสฉาบอยู่ เมื่อฟอสฟอรัสที่ฉาบอยู่ถูกอิเล็กตรอนมากระทบ ก็จะเกิดการเรืองแสงขึ้นมา ทำให้เราเห็นเป็นภาพขึ้นมานั่นเอง

ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม และแทบจะไม่เห็นอีกแล้ว เนื่องด้วยข้อเสียหลายๆอย่างเช่น น้ำหนักที่มากและขนาดที่ไม่สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายเอาเสียเลย ใครที่ยกจอคอมในสมัยนั้นบ่อยๆนี่ต้องเรียกได้ว่ามีกล้ามเป็นมัดๆแน่นอนครับ 😊 ประกอบกับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด จึงมีจอภาพที่สามารถทดแทนได้ออกมามากมาย รวมถึงสามารถกลบจุดด้อยของ หน้าจอแบบหลอดรังสีแคโทดได้ นั่นก็คือ จอภาพแบบ LCD และ LED

LCD ( Liquid Crystal Display ) หรือจอ LCD

https://www.alzashop.com/24-philips-243v7qdjabf-d5144956.htm?layoutAutoChange=1

จอ LCD นั้น จะใช้วัสุดประเภทผลึกเหลว (liquid crystal) มาใส่ไว้ในหน้าจอ ในสมัยเด็กๆทางผู้เขียนชอบที่จะเอานิ้วไปจิ้มๆที่บริเวณหน้าจอประเภท LCD เอามากๆ เพราะมันจะบุ๋มลงไป ให้ความรู้สึกเหมือนเราเอานิ้วจุ่มลงไปในน้ำ เป็นอะไรที่รู้สึกสนุก เอามากๆ 😁 หลังจากนั้นใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลว ทำให้เกิดสีต่างๆขึ้น แถมคุณภาพของภาพยังสูงอีกด้วย

หน้าจอ LCD นั้นมีข้อดีมากมาย แต่ที่ดูเหมือนจะทำให้อุตสาหกรรมจอภาพเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะเป็นในเรื่องของ การกินพลังงานที่น้อยลง และน้ำหนักที่ลดลง! ทำให้จอภาพแบบหลอดรังสีแคโทดขึ้นแท่นเป็นตำนานแห่งความอึดถึกหนักไปโดยทันที แต่ใช่ว่าข้อเสียจะไม่มีเลยสำหรับจอ LCD ข้อเสียหลักๆของจอ LCD เลยคือมีราคาที่แพงขึ้น แต่ในปัจจุบันก็ถือว่าถูกลงมากๆแล้ว เพราะหลายๆแบรนด์ทำตลาดแข่งขันกัน ปล่อยจอภาพประสิทธิภาพสูงมาชนกันอยู่เรื่อยๆ ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆได้เปรียบด้านราคามากขึ้น ข้อเสียอีกข้อนึงคือ คุณภาพของภาพที่ไม่ค่อยเสถียรซักเท่าไร เมื่อเรามองจอภาพในมุมมองที่แตกต่างกัน เช่น มองเข้ามาจากด้านข้าง มองเข้ามาจากด้านบน ก็จะเห็นภาพในแบบที่แตกต่างกันออกไป ด้วยข้อจำกัดนี้จึงทำให้เกิด จอภาพแบบใหม่ขึ้นมา และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันนั่นก็คือ จอ LED

LED ( Light-Emitting-Diode ) หรือ จอ LED

https://www.asus.com/Monitors/ROG-STRIX-XG27VQ/

เป็นจอภาพแบบล่าสุดที่นิยมใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน หลักการทำงานของ จอ LED คือ ภายในตัวจอจะมีการเรียงกันของหลอด LED มากมายเป็นแถวๆ ภาพที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการติดและดับของหลอด LED ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง สีสันสดใส มีการตอบสนองที่ไว และชัดเจนกว่าจอภาพแบบอื่นๆ เป็นการกลบจุดด้อยหลายๆอย่างของ LCD ที่เคยมีมา ปัญหาของการมองภาพจากมุมที่แตกต่างกันก็ถูกลดน้อยลง อีกทั้งยังประหยัดพลังงานมากขึ้นไปอีก! เรียกได้ว่าเป็นจอภาพที่รักโลกเอาสุดๆ นอกจากนี้ยังทำให้การออกแบบจอภาพนั้นยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ขนาดที่เล็กลง บางลง และเบาลง

ปัจจุบันเราจะเห็นจอแบบ LED มากมายในท้องตลาด ทั้งจอภาพคอมพิวเตอร์และจอ TV ข้อเสียอย่างเดียวที่ทางผู้เขียนเล็งเห็นนั่นคือในด้านของราคา โดยเฉพาะจอระดับ high-end ต่างๆ เช่น จอโค้ง (curved display) ความละเอียดสูง ซึ่งมีราคาที่สูงเอามากๆ แต่ก็แลกมาด้วยประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและลงตัวแบบหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ถ้าได้สัมผัสสักครั้งก็อาจจะติดใจจนถอยหลังกลับไม่ได้ เหมือนกับ อนาคิน sky walker ที่เข้าสู่ด้านมืด 👿

** การเลือก Panel **

Panel ในที่นี้คือ “รูปแบบการแสดงผล” ในการจะเลือกหน้าจอดีๆมาใช้ให้เหมาะสมกับงานของตัวเองสักชิ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ต้องถามว่าตัวเรานั้นชอบ Panel แบบไหน จะนำไปใช้งานในรูปแบบใด ซึ่งแต่ละ Panel ก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป โดย Panel ที่นิยมกันจะมีทั้งหมด 3 panel นั่นคือ TN , VA และ IPS

https://pcgamehaven.com/tn-vs-ips-vs-va-monitor-panel/

TN เป็น Panel ที่ให้มุมมองของภาพที่ค่อนข้างแคบ (view angle) และการแสดงผลของสีไม่ได้สวยงามมากเท่าไร นั่นทำให้เมื่อเรามองภาพจากต่างมุมมอง เช่นลองมองจากด้านข้างของจอภาพ หรือ ด้านบนของจอภาพ เราจะเห็นภาพและสีที่เปลี่ยนไป แต่ในเรื่องของ การตอบสนอง (Response time) และ รีเฟรชเรท (Refresh rate) จะดีเอามากๆ ยกตัวอย่างเช่น ในจอระดับสูงของ Panel ประเภท TN อาจมี response time เพียงแค่ 1 มิลลิวินาที!!! (1ms) หรืออาจจะเร็วกว่านั้นอีก หมายความว่าเพียงแค่คุณขยับเมาส์หรือทำ action ใดๆก็แล้วแต่บนคอมพิวเตอร์ของคุณ หน้าจอประเภทนี้ก็สามารถแสดงผลออกมาได้อย่างทันทีทันใดนั่นเอง ในส่วนของ Refresh rate ก็ไม่น้อยหน้าเลย สามารถวิ่งไปได้สูงสุดถึง 240 Hz เลยทีเดียว ซึ่งเจ้า Refresh rate ก็คือค่าที่บอกเราว่า ภายใน 1 วินาที จอภาพของเราสามารถแสดงภาพนิ่งได้สูงสุดกี่ภาพ เราสามารถเรียกได้อีกอย่างนึงว่า FPS (frame per second) เช่น ถ้าจอภาพของคุณสามารถแสดงผลได้สูงสุดที่ 144 Hz หมายความว่า ภายใน 1 วินาที หน้าจอสามารถแสดงภาพนิ่งได้มากที่สุด 144 ภาพ (144 FPS) นั่นเอง ยิ่ง Refresh rate มีค่ามาก จอภาพของคุณก็สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของหน้าจอที่ไวมากขึ้นได้นั่นเอง ลองจินตนาการ การบันทึกวีดีโอแบบ slow motion จะสังเกตได้ว่า ยิ่งถ้าเรามีกล้องรองรับการบักทึกแบบ 240 FPS คุณจะได้ วีดีโอ slow motion ที่เนียนตาสุดๆ แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของหยดเหงื่อบนใบหน้า 😱

VA เป็น Panel ที่ให้มุมมองในระดับกลางๆ จุดเด่นอยู่ที่ ความเข้มของสี (contrast) ที่สูงเอามากๆ หมายความว่าถ้าคุณเห็นสีดำ มันจะดำปิ๊ดปี๋ ดำชนิดที่ว่าสมจริงสุดๆกันเลยทีเดียว ส่วนสีขาวก็จะขาวแบบขาวโบ๊ะสุดๆ นั่นทำให้การดูหนังของคุณ หรือดู ซีรี่ Netflix ซักเรื่อง แสงสว่างและเงามืดที่สอดส่องเข้ามาที่ตาคุณ ก็อาจจะพาคุณหลุดเข้าไปในโลกของหนังได้อย่างสบายๆ ส่วนในด้านของการตอบสนอง และ Refresh rate นั้นถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ครับ

IPS เป็น Panel ที่ให้มุมมองของภาพกว้างที่สุด และยังให้ความสวยสดงดงามในรายละเอียดของสีมากที่สุด หมายความว่าถ้าคุณลองเปลี่ยนมุมในการมองภาพ คุณจะเห็นภาพและสีที่เปลี่ยนแปลงไปน้อยที่สุดนั่นเองเมื่อเทียบกับ 2 Panel ก่อนหน้านี้ เป็นผลให้ Panel นี้เหมาะสมอย่างมากในการทำงานที่ต้องการความคมชัดของสี เช่น การตัดต่อปรับแต่งภาพบน photoshop หรือ lightroom หรือการเล่นเกมส์ดูหนังแนว Fantasy ที่มี effect แสงสีอลังการ มันจะทำให้คุณไม่อาจละสายตาไปจากมันได้เลยละ (ยกเว้นปวดตาซะก่อน)

โดยสรุปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะนำมาใช้งานในรูปไหนซะมากกว่า ถ้าให้ผมแนะนำ ถ้าคุณชอบเล่นเกมส์แนวยิงปืน (First Person Shooting) , MOBA หรือเกมส์ที่ต้องการการตอบสนองของหน้าจอที่ค่อนข้างไว ไม่งั้นคุณอาจจะหันไปยิงเค้าไม่ทัน ตัวเองโดนยิงตายก่อน แถมโดนเพื่อนร่วมทีมว่าอีก จอ Panel TN ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า ส่วนถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดูหนัง ดูซีรี่ส์ เน้นเสพคอนเทนต์บน youtube เป็นหลักแล้วละก็ จอ Panel VA ก็ดูจะตอบโจทย์มากกว่า และสุดท้ายถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทำงานด้านการตัดต่อภาพและวีดีโอ ต้องการความคมชัดของสีแล้วละก็ จอ Panel IPS ก็จะดูเหมาะสมกับคุณมากที่สุดนั่นเอง

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีด้านจอภาพพัฒนาไปเยอะมากๆแล้ว ในตลาดคุณอาจจะเห็น Panel IPS ที่อาจให้ Refresh rate สูงถึง 240 Hz และ Response time เพียง 1 ms ก็มี ซึ่งนั่นก็ทำให้สามารถนำมาเล่นเกมส์ได้อย่างลื่นไหล แถมยังทำงานที่ต้องการสีสันสดใสได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งแต่ละ brand ก็ขนเทคโนโลยีของตัวเอง เข้ามาใส่และพัฒนามันขึ้นไปอีก อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลและเงินในประเป๋าแล้วละครับ 😅 ⚠

** การเลือก ขนาดของจอภาพ และความละเอียด (Resolution) **

https://www.pinterest.com/pin/397935317056537005/

ขนาดของจอภาพนั้นมีให้เราเลือกมากมายตั้งแต่ระดับ 20นิ้วต้นๆ ไปจนถึงระดับ 40นิ้ว ก็มี จอคอมพิวเตอร์สมัยนี้ต้องบอกได้เลยว่าใหญ่มากขึ้นจริงๆ สมัยก่อนเราจะเห็นจอคอมพิวเตอร์ส่วนมากจะมีขนาดเล็กกว่าจอทีวี แต่สมัยนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ในการจะเลือกขนาดนั้นให้เลือกตามความเหมาะสมกับสิ่งที่ตัวเองจะนำไปใช้งานจะดีที่สุด เช่นถ้าคุณเป็นคนชอบเล่นเกมส์🎮 ก็ควรจะเลือกจอใหญ่ๆ ขนาดประมาณ 27–32 นิ้ว เพื่อที่จะได้สัมผัสประสบการณ์และความตื่นเต้นที่เกมส์จะมอบให้ได้อย่างเต็มที่ หรือถ้าคุณจะนำมาทำงานด้าน กราฟฟิกตัดต่อ🎨 แล้วละก็ จอภาพใหญ่ๆ ระดับ 25–35 นิ้วก็จะดูไม่เลว เพราะคุณสามารถซ้อนหน้าต่างของโปรแกรมหลายๆอย่างได้ และมันจะยังอยู่ในสเกลที่ดูได้ง่าย ภาพไม่เล็กจนเกินไป หรือถ้าคุณเป็น นักเทรดหุ้น 📈ระดับแนวหน้า ที่ต้องการเข้าซื้อหุ้น เข้าทำกำไรจากหุ้นหลายๆตัวในเวลาเดียวกัน ซึ่งคุณจำเป็นต้องดูกราฟหลายๆกราฟพร้อมๆกัน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจในการเทรดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ติดดอย คุณก็อาจจะเลือกจอขนาด 35–40 นิ้ว หรือ มีจอขนาด 25–30 นิ้วๆซัก 2–3 จอ ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ในด้านความละเอียด (Resolution) ปัจจุบันที่นิยมกันก็จะมีแบบ

HD = High Definition (1280 X 720 px)

FHD = Full High Definition (1920 X 1080 px)

2K (2560 X 1440 px)

4K (3840 X 2160 px)

ความละเอียดที่แท้จริงแล้วอาจมีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง ขึ้นอยู่กับ brand ที่ทำหน้าจอนั้นๆ รวมไปถึง เทคโนโลยีต่างๆที่ใส่เข้าไป

จอภาพที่มีความละเอียดสูง ก็จะทำให้คุณภาพของภาพที่แสดงออกมามีความละเอียดและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่นถ้าคุณดูหนังด้วยจอความละเอียดแบบ 4k นั่นอาจจะทำให้คุณเห็นถึงสิว💢💢 เห็นถึงรายละเอียดเส้นผมของดารานักแสดงได้อย่างชัดเจน! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางผู้เขียนแนะนำว่าให้คุณดูค่าของ Refresh rate ประกอบด้วย เพราะอย่าลืมว่าการที่จอภาพมี Refresh rate ที่สูง ก็จะยิ่งทำให้ภาพของคุณลื่นไหลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ในบางครั้งจอภาพของคุณอาจจะมีความละเอียดสูงระดับ 2k , 4k แต่ Refresh rate ไม่ได้สูงตาม นั่นก็จะมอบประสบการณ์ให้คุณอีกรูปแบบหนึ่ง ในขนะที่จอความละเอียด FHD แต่ได้ Refresh rate ที่สูงมากๆ นั่นก็จะมอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้ในอีกรูปแบบหนึ่ง

📢📢 สรุป 📢📢

การจะเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์ดีๆ เหมาะสมกับตัวเองสักหน้าจอ ถ้าคุณไม่ใช่สายฮาร์ดคอในด้านเทคโนโลยี แบบชนิดที่ว่าอ่าน specification ของสินค้าแต่ละตัว แต่ละแบรนด์ ออกหมด และสามารถนำมาเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจได้ทั้งหมดแล้วละก็ ทางผู้เขียนแนะนำให้คุณดู 3 สิ่งด้านบนเป็นหลักนั่นก็คือ

  1. ชอบจอภาพแบบไหน ( ปัจจุบัน LCD / LED )

2. Panel แบบไหน ( TN ,VA , IPS ) รวมไปถึง Response time และ Refresh rate ที่เหมาะสมกับตัวคุณและงานที่คุณทำ

→ Response time ยิ่งน้อยยิ่งดี

→ Refresh rate ยิ่งมากยิ่งดี

3. ขนาดของหน้าจอ และ Resolution ที่ตอบโจทย์

→ Resolution ยิ่งมากยิ่งดี

https://www.amazon.co.uk/Acer-Predator-XB252Qbmiprzx-ZeroFrame-Adjustable/dp/B01N5OD4S1
https://www.geekwrapped.com/tech/best-cheap-monitors-for-gaming

ในส่วนของราคาและแบรนด์ ที่ทางผู้เขียนไม่ได้พูดถึง ก็เพราะ ช่วงราคานั้นมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ถูกสุดๆ ระดับ 1000–5000 บาท ไปจนถึงแพงสุดๆ 40,000–50,000 ก็มี ยิ่งถ้าคุณอยากได้จอที่คุณภาพสูง ราคาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย ส่วนเรื่องของแบรนด์ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน หรือบางคนก็อาจจะเป็น แฟนบอยของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งอยู่แล้ว ความแตกต่างก็คือแต่ละแบรนด์ก็จะมี เทคโนโลยีพิเศษในแบบฉบับของตัวเองที่ใส่เข้ามาในจอภาพไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้เขียนจึงแนะนำว่าให้เลือกจาก 3 สิ่งที่นำเสนอไป ซึ่งเป็นการเลือกตามลักษณะการใช้งาน หลังจากนั้นค่อยย่อยลงไปดูว่า ถ้าเราต้องการหน้าจอแบบนี้ ราคาที่มีอยู่ในช่วงไหนบ้าง และมีแบรนด์ไหนบ้างให้เราเปรียบเทียบ

อีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรระวังเป็นอย่างยิ่งคือ ดวงตาของแต่ละคน มีความทนทานที่ไม่เท่ากัน บางคนจ้องมองจอใหญ่ๆเป็นเวลานานๆก็อาจจะปวดตาได้ แต่บางคนก็อาจจะไม่ หรือ บางคนมองจอที่มี Refresh rate สูงๆ หรือ มี Response time น้อยๆ เป็นเวลานานๆก็อาจจะมีอาการเวียนหัวได้ เนื่องจากการตอบสนองที่รวดเร็ว จนทำให้คุณต้องเพ่งมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อจำกัดที่ทุกคนควรระวัง ยังไงก็อย่าลืมรักษาสายตากันด้วยนะครับ 😘

--

--