ทริปประเพณี กรุงเทพฯ-หัวหิน ในตำนาน

นี่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ถูกกว่าขวัญถึงเป็นอย่างมากในเวปจักรยานยอดนิยมอย่าง ThaiMTB ด้วยจำนวนจักรยานร่วมสองพันคัน ระยะทาง 180+ km ปลายทางที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญของคนเมืองกรุงอย่างหัวหิน ผมก็ใช้เวลาไม่เกินสองวินาทีในการตอบตกลงเพื่อนเก่า นักปั่นหน้าใหม่อย่างอำนวยที่เอ่ยปากชวนผม ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยคิดจะเข้าร่วมกิจกรรมปั่นเล่น ๆ แบบนี้กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว การเดินทางไปร่วมกิจกรรมนี้ของผมค่อนข้างยากลำบาก ทั้งนี้ผมต้องการให้ครอบครัวผมมาร่วมด้วยซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องมารอผมที่หัวหิน และผมต้องไปเริ่มที่กรุงเทพด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ในเบื้องต้นผมต้องการที่จะนั่งรถไฟขึ้นมาจากปัตตานี แต่ภรรยาที่มีลูกอ่อนอายุเพียงสองเดือนเศษ ไม่ยินยอม ทำให้ผู้ป่วยโรคหลังอย่างผมต้องขับรถใช้เวลาถึงสามวันสองคืนกว่าจะกระดึ๊บจากปัตตานีมาถึงปลายทางหัวหินได้ ก่อนที่จะต้องขนจักรยานขึ้นรถตู้เข้ากรุงเทพฯ เพียงเพื่อจะปั่นกลับมาที่เดิมในวันรุ่งขึ้น โชคดีที่มีโด่งที่เพิ่งมาส่งครอบครัวมารอที่หัวหินเช่นกันนั่งกลับไปด้วยกัน ทำให้ระยะเวลาสองชั่วโมงเศษ ๆ ในรถตู้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

1609743_10202749681040897_912562024_n

เนื่องจากเป็นรายการปั่นสนุก ๆ ผมจึงเลือกใช้จักรยานเหล็ก ปั่นสบาย สไตล์วินเทจของผมเข้าร่วม ในขณะเดียวกันก็ถือโอกาสชักชวนเพื่อนร่วมทีม หน้าเก่า หน้าใหม่เข้ามาร่วมสนุกกันในทริปประเพณีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะไปร่วมกัน ช่วยเหลือกัน และเข้าเส้นชัยด้วยกัน สร้างโอกาสให้หลาย ๆ คนที่อาจจะไม่เคยคิดว่าระยะทาง 180+ นั้นเป็นไปได้สำหรับเขา ได้มาท้าทาย ลองกำลังความสามารถ โดยที่มีเพื่อนร่วมทีมคอยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือ เป็นที่น่ายินดีทีมเรามีคนตัดสินใจเข้าร่วมถึง 8 คน ทั้งหมดไม่เคยมีใครปั่นเกิน 100 km มาก่อนเลยสักคน มีเพียงผมที่ผ่าน 145+ และ Festive500 มาหมาด ๆ มาทำหน้าที่เป็นเหมือนเสาหลักในการปั่นครั้งนี้ให้กับทีม ในฐานะที่รู้ตัวว่าปั่นถึงแน่ ๆ และเป็นครั้งแรกที่ผมปั่นจักรยานโดยมีผู้จัดการทีมขับรถตามสนับสนุนตลอดทาง แจ๊ค แม้ว่าจะเบี้ยวการปั่น แต่ก็มาอาสาทำหน้าที่นี้ให้กับทีม ข้อกังวลเกี่ยวกับอาหารและน้ำ ปัญหาระหว่างทางทั้งสิ้นของทีมเราเป็นอันหมดห่วง

1538805_10202750336617286_1216365631_n

เช้าวันงาน การลงทะเบียนเป็นไปอย่างยุ่งเหยิง เนื่องจากมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นทีม ๆ บรรยากาศจึงไม่เหมือนว่าเรามาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือเป็นงานประเพณีใด ๆ ร่วมกันเพียงแต่เป็นการรวมตัวของทีมจักรยานหลาย ๆ ทีมเท่านั้น กำหนดการดูมั่ว ๆ เล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้ทีมของเรารวมตัวกันเพื่อปล่อยตัวไม่ทัน เราต้องมาหาที่รวมตัวกันอีกครั้งหลังจากขบวนได้เริ่มเดินทางออกไปแล้ว เมื่อทีมเราพร้อมและปั่นออกไปด้วยกัน ในช่วงต้นนั้นต้องปั่นผ่านถนนกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความสับสน ขบวนใหญ่เลยออกไปนานแล้ว ทำให้จักรยานแต่ละคันต้องพยายามเอาตัวรอดบนท้องถนนอันโหดร้าย ทีมเราแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนในที่สุดผมมารอที่เส้นไฮเวย์ก่อนออกนอกเมือง พบกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนแล้วตัดสินใจรอคนอื่น ๆ ณ จุดนั้น จนกระทั่งผู้จัดงานมาไล่ บอกว่าเราเป็นสามคันสุดท้ายของงานเสียแล้ว ด้วยความงุนงงว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ หายไปไหน เราจำเป็นต้องปั่นออกไป การปั่นกันไปสามคน แม้ว่าจะมีคันอื่น ๆ ประปรายให้พานพบตามรายทาง บนถนนเส้นใหญ่ มีทางเข้าออกทางขนานเป็นระยะ ๆ นั้น น่ากลัว น่าสยองขวัญเป็นอย่างมาก มีอันตรายสูง แม้ว่าในวันนั้นไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง แต่เส้นทางเช่นนี้ ไม่ใช่ bicycle friendly เลยแม้แต่น้อย ผมอดคิดเสียดายไม่ได้ที่หลุดกลุ่มนำตั้งแต่เริ่มงาน ซึ่งในวันนี้ทั้งวันผมรู้แล้วว่าผมคงไม่มีโอกาสสัมผัสกับคำว่าทริปประเพณี

1551711_10202751146477532_1379563616_n

ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย การรวมกลุ่มกับทีมแปดคน ปั่นเป็นระยะทาง 180+ ผ่านเพื่อนนักจักรยานหลักพันคน แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของทริปประเพณี ชีวิต 6-8 ชม. บนถนนร่วมกัน จะสร้างความประทับใจ ความผูกพันธ์ุได้อย่างไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่าใครได้ปั่นดูดใครเป็นระยะทางเกิน 100+ คนเหล่านั้นจะกลายเป็นเพื่อนกันจวบชั่วกัลปวสาน งานนี้คงไม่ครบร้อย แต่ก็ยาวนานเพียงพอที่จะเป็นเพื่อนกันไปได้ทั้งชีวิตเลยทีเดียว จากจุดเริ่มต้นที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ไปถึงวัดเกตุม ระยะทางร่วม 70 กม. ผ่านถนนหนทางอันโหดร้าย ผมไม่คิดว่าจะสร้างความประทับใจให้กับใครได้มาก โดยเฉพาะกลุ่มมือใหม่ที่หลุดจากกลุ่มนำอย่างทีมผม นักปั่นล้าหลังสามคนมีรวมตัวกับทีมที่เหลือที่เข้ามาถึงก่อน (ได้ยังไงไม่รู้) ที่จุดพัก เข้าห้องน้ำ โพส IG FB กินน้ำ กินแตงโม แล้วก็ตัดสินใจปล่อยหัวแถวล่วงหน้าไปเหมือนเคย แล้วเราคุยกันว่าเดี๋ยวเราจะเกาะกันไป 8 คัน แล้วเราก็เริ่มปั่นออกพร้อม ๆ กันอีกครั้ง

1510816_10202750384938494_210816624_n

ผมปั่นนำบ้างตามบ้างกับเพื่อนร่วมทีมขาแรง พยายามกำหนด pace ให้ได้ประมาณ 27-30 km/hr ผมเพิ่งมาตระหนักในวันนี้ว่าจริง ๆ แล้วการปั่นนำทีมนั้นมีความยุ่งยากกว่าที่คาดไว้เยอะมาก โดยปกติแล้วผมปั่นกับคนอื่น ผมก็เพียงแต่หมกอยู่ในกลุ่ม ไม่เคยต้องมีการตัดสินใจอะไร แค่พยายามปั่นตามให้ทัน ไม่หลุดจากกลุ่มก็เท่านั้น แต่ในวันนั้น เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่เผลอ ขาแรงของทีมก็เหลือกันอยู่เพียงสามคัน คันอื่น ๆ อันตรธานหายไป เราปั่นชะลอเท่าไรก็ไม่เจอเสียที จนกระทั่งเราเจอกับตุ๊ที่มากับ TT bike แต่ไม่เคยใช้ แอโร่บาร์  เราปั่นไปด้วยกันสักพัก ในขณะที่เาชะลอเพื่อคอยคนในทีมตุ๊เหมือนจะไม่ค่อยอยากลดความเร็วเราก็ปล่อยเขาไป แต่เนื่องจากเราไม่เจอใครเสียทีผมจึงขอให้ขาแรงที่สุดของทีม ปั่น Look ลงไปหาเพื่อนร่วมทีมแล้วให้ช่วยลากขึ้นมา หมอเก่งหายไปเป็นเวลานาน แล้วกลับมาบอกว่าห่างกันใกลมาก ลากขึ้นมาไม่ไหว ผมกับจ๊อบยังคงอยากที่จะรอพรรคพวกอยู่เพราะปั่นกันสองสามคนนั้นไม่ค่อยสนุกเท่าไรนัก ส่วนหมอเก่งที่มีเวลาปั่นสั้น ๆ ได้เพียง 100km ขอตัวปั่นขึ้นหน้าไปเพื่อจะได้สนุกกับการปั่นครั้งนี้อย่างที่หวัง

1490919_272853526202462_1428840912_o

ในที่สุดผมกับจ๊อบจึงตัดสินใจเข้าข้างทางเพื่อรอ เพราะปั่นไปเช่นนี้อาจจะไม่มีวันได้เจอกัน หลังจอดได้ไม่นานผมก็เจอตุ๊ปั่นผ่านไป เขาไม่เห็นพวกผม และผมเองก็ไม่คิดว่าจะเจอตุ๊อีกครั้งเพราะเขาทิ้งเราไปล่วงหน้านานมากแล้ว สงสัยว่า ดร.ตุ๊แอบเข้าปลดทุกข์ที่ปั้มใดปั้มหนึ่ง ผมโทรศัพท์หาผู้จัดการทีม ก็พบว่าเพื่อนร่วมทีมเริ่มหมดสภาพ และกำลังช่วยเหลือกันอยู่ น้องแววดาวผู้ไม่เคยปั่นเกิน 50km  ขอยอมแพ้ที่ระยะประมาณ 100km มีจอนปั่นเป็นพี่เลี้ยงให้ตลอดระยะ 30km สุดท้าย ส่วนโด่งที่ไม่เคยปั่นเกิน 60km ก็เริ่มหมดสภาพ อำนวยปั่นเป็นพื่เลี้ยงเพื่อมาพบกับรถสนับสนุน ผมจึงรอให้นักปั่นทั้งสี่จัดการตัวเองให้เรียบร้อย สองคันขึ้นรถ และอีกสองคันปั่นมาเจอกับเราที่ข้างทางแล้วเริ่มออกเดินทางไปด้วยกันอีกครั้ง ประสบการณ์ของทีมเริ่มสูงขึ้นและจำนวน 4 คันเป็นตัวเลขที่บริหารค่อนข้างง่าย รวมไปถึงเส้นทางที่เริ่มออกนอกเมืองแล้ว การปั่นไม่น่ากลัวเหมือนช่วงแรก เราสามารถที่จะคุยกันดูแลกัน และกำหนด pace ที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น ความสนุกของการปั่นทีมได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากเราปั่นออกจากกรุงเทพมาร่วม 100 km

1496616_10202750631944669_1685217544_n

เราเข้าจุดพักทานอาหารกลางวัน ณ เวลาที่กลุ่มนำจะเริ่มออกตัวสำหรับภาคบ่ายพอดี อาหารที่เตรียมไว้สำหรับงานประเพณี เหลือไม่พอถึงทีมเรา นั่นเป็นคำบอกเล่าของดร.ตุ๊ที่เข้าถึงจุดก่อนเราสี่คนพักใหญ่ เราจึงเลือกออกมาทานร้านข้าวแกงริมทางแล้วปล่อยเวลาทริปนี้ให้กลายเป็นทริปของทีมเราไปโดยสมัครใจ ผมไม่ได้ซื้อข้าวแกงมาทานเหมือนคนอื่น เนื่องจากกูเม่ท์แซนวิชที่จ๊อบเตรียมมาให้ตั้งแต่เช้ายังเหลือเป็นจำนวนมาก ผมจึงจัดไปสองชุดเศษ  อิ่มเต็มที่ ตบด้วยน้ำมะพร้าว electrolyte drink ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการกีฬาคนอึด ผู้จัดการทีมเราทันสมัยเสียจริง ๆ เมื่อทุกคนอิ่มแปร้ เข้าห้องน้ำห้องท่ากันไปแล้ว การวางแผนปั่นเฟสบ่ายจึงเริ่มขึ้นด้วยจุดพักเบรคที่ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ที่ผู้จัดการแนะนำ เราออกปั่นไปด้วยพลังงานเต็มกระเพาะ เราจึงมีช่วงดูดขบวนรถด่วนที่วิ่งผ่านมาเป็นพัก ๆ มีทีมแตกบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบไม่ต้องกังวล เพราะเหลือแต่ขาแรง ประสบการณ์สูง และที่สำคัญอย่างน้อย ๆ เราจะมีกันสองคนเพื่อคอยช่วยเหลือกัน ยกเว้นในช่วงเดียวที่จ๊อบหลุดลงไปเนื่องจากติดทีมอื่น นอกนั้นถ้าแตกก็แตกเป็นสองสอง ซึ่งใช้เวลาไม่นานมากนักก็กลับมารวมทีมสี่คนได้อีก ส่วน ดร.ตุ๊รายนั้นยังนิยมปั่นเดี่ยวอยู่ ก่อนถึงพักเบรคกาแฟ ก็มีเหตุการณ์เปลี่ยนยางเล็กน้อยพอได้มีประสบการณ์สนุก ๆ อำนวยยางระเบิดแล้วเราก็ลงเปลี่ยนยางด้วยกันทั้งสี่คนก่อนเข้าพักเบรคเพียงไม่ถึงหนึ่งกิโล

1549457_10151899497045949_102823912_n

เราเบรคกันค่อนข้างนาน เนื่องจากร้านกาแฟค่อนข้างบรรยากาศดี และร่มรื่น ต่างจากสภาพอากาศที่เราปั่นมาแล้วค่อนวัน เรากินกาแฟ เข้าห้องน้ำ ถ่ายภาพกันจนหนำใจ แล้วจึงออกไปปั่นอีกครั้งโดยมีเป้าหมายที่ร้านกาแฟอีกแล้ว ประมาณ 30km ก่อนเข้าหัวหิน ซึ่งเราตกลงกันว่าโด่งจะปลดจักรยานลงมาปั่นร่วมกับเราเพื่อให้ได้ระยะ 100+ ในวันนี้ ผมก็หวัง ๆ ลุ้น ๆ ว่าน้องแววดาวเมื่อเห็นโด่งแล้วน่าจะกัดฟันลองกันสักตั้ง ในช่วงสั้น ๆ ก่อนเข้าเบรคสุดท้ายประจำวัน ดร.ตุ๊ยอมที่จะปั่นร่วมกับทีม เราเป็นขบวน 5 คันที่ทำให้การปั่นสนุกและง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก เราสามารถผลัดกันนำ ผลัดกันตามได้ค่อนข้างง่าย ผมเองที่นำมาค่อนข้างมากตลอดทั้งวัน เริ่มสามารถทิ้งตัวลงมาห้อยด้านหลังโดยที่เพื่อนร่วมทีมเริ่มเข้าใจหน้าที่ของตัวเอง แต่ที่ยังต้องหัดกันอยู่คือ พอใครนำแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยกล้าทิ้งตัวกลับลงมาให้คนอื่นนำ หรือถ้าทิ้งลงมาก็ไม่ลงมาต่อหลังขบวนทำให้ต้องกลับไปนำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้นำเอาศักยภาพของทีม 5 คันมาให้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด แต่ประสบการณ์มันคงต้องค่อย ๆ สะสมกันไป แม้กระทั่งขาแรงอย่างอำนวยก็ยังมีแผ่ว และเข้าใจถึงการดูดอย่างแท้จริงในวันนี้เอง

1013681_10202758119931864_1646639312_n

เบรคสุดท้ายเข้าเร็วกว่าที่คิด เวลาแห่งความสนุกมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรามาพักเบรคที่ร้านกาแฟน่ารัก ๆ อีกร้านหนึ่ง เราใช้เวลาส่วนมากในการหลอกล่อให้น้องแววดาวยกจักรยานลงมาปั่นเข้าหัวหินเป็นระยะทางสั้น ๆ ด้วยกัน แต่ไม่สำเร็จ  โด่งยกจักรยานลงมาแล้วเปรย ๆ ว่าเหตุการณ์วันนี้ห้อมเพร่งพรายให้เมียรู้เป็นอันขาด ทุก ๆคน ตบปากรับคำ เส้นทางสุดท้ายเราปั่นกันไปอย่างช้า ๆ ปั่นไปคุยไป 180+km ไม่ได้ยาวนานจนเกินเหตุ แม้ว่าผมจะไม่ได้ทดลองปั่นต่อเนื่องเพื่อเป็นการเตรียมสำหรับรายการไอรอนแมน แต่วันนี้ก็เป็นกิจกรรมที่ให้บรรยากาศและความสนุกสนานไปอีกแบบ เราปั่นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นชัยที่ริมทะเล วิวสวยจนได้ภาพสวยเพียงพอที่จะเป็น cover photo ของ FB ของทีม ถ่ายรูปนั่งลุ้นรางวัลกัน ไม่มีใครสนใจที่จะตอบคำถามดร.ตุ๊ “ปั่นถึงแล้วยังไงวะ” แต่ในใบหน้าของแต่ละคนผมรู้ว่าทุกคนมีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจ เย็นวันนั้น 5 คนในทีมนั่งรถกลับกรุงเทพในทันที ส่วนผม โด่ง ตุ๊ ยังใช้เวลาอยู่ในหัวหินอีกหนึ่งคืน เราสังสรรค์กันเล็กน้อย ตามประสาเพื่อนเก่า ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปในวันรุ่งขึ้น ผมยังต้องขับรถอีกสามวันสองคืนก่อนที่จะถึงปัตตานี มานั่งอมยิ้มดูรูปต่าง ๆ ที่ค่อย ๆ ถูก tag เพิ่มลงมาใน FB ของกลุ่มทีละรูป ละรูป หลาย ๆ คนในทีมที่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้คงเข้าใจว่าผมนั่งยิ้มทำไม แม้กระทั่งโด่งที่สัมผัสเสี้ยวหนึ่งของประสบการณ์ แม้ว่าทุกวันนี้ทีมเราจะใช้คำว่า “โด่ง” เพื่อแทนคำว่า DNF อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนั้น แต่ด้วยชั่วโมงบินอย่างโด่ง เคาะให้ได้ 100+ อย่างวันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมเองใช้เวลาซ้อมและแข่งหนึ่งปีที่จะเพิ่มระยะซ้อมและแข่งในช่วง 70 ไปเป็น 100+km จริง ๆ แล้วโด่งทำให้ผมแปลกใจด้วยซ้ำที่ตัดสินใจเข้าปั่น 180+ ด้วยประสบการ์แบบนั้น

1511690_10202752045900017_1697916544_n

ปีหน้า ประเพณีนี้ผมจะเข้าร่วมอีกหรือไม่ คงยังไม่แน่นอนเหมือนกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ การเดินทางร่วมสัปดาห์ กับเป้าหมายที่จะเป็นคนหนึ่งคนในทีมที่ทุกคนรู้ว่าปั่นถึงแน่ ๆ มันจบลงไปแล้ว ในปีหน้าจะมีอย่างน้อย 6-7 คนที่มีประสบการณ์ 180+ และความจำเป็น หน้าที่และสิ่งที่ผมสนใจมันไม่ได้มากเหมือนเดิม ต้องคอยมาลุ้นกันต่อไปครับว่าผมจะกลับไปปั่นอีกหรือไม่ แต่สำหรับปีนี้ ความประทับใจคงต้องบันทึกไว้อย่างถาวรทั้งที่ตรงนี้และภายในใจของผม

ให้ความเห็น