เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT)
รูปภาพ : https://www.techtalkthai.com/7-steps-to-digital-success-by-redhat/
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT)
เทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับการเก็บวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลสารสนเทศ ทำให้ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) นั้นมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่างๆ และเป็นการประยุกต์ นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ และก่อให้เกิดประโยชน์ ในทางปฏิบัติ แก่มวลมนุษย์กล่าวคือเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการนำเอาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Technology related to data collection, analysis and information processing makes information technology more useful and can be used in a variety of ways. human development to help with work or solve problems and is the application apply scientific knowledge And bring practical benefits to mankind, that is, information technology is the introduction of knowledge. Science is used to invent things for maximum benefit.
เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital literacy)
เทคโนโลยีดิจิทัล Digital literacy หรือทักษะความเข้าใจและใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นทักษะด้านดิจิทัลพื้นฐานที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการปฏิบัติงาน การสื่อสาร และการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นในลักษณะ “ทำน้อย ได้มาก” หรือ “Work less but get more impact” และช่วยสร้างคุณค่า (Value Co-creation) และความคุ้มค่าในการดำเนินงาน (Economy of Scale) เพื่อการก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือช่วยให้บุคลากร สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้ได้รับโอกาสการทำงานที่ดีและเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ (Learn and Growth) ด้วย
ทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT)
หมายถึง ทักษะในการนำเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเลต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และสื่อออนไลน์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการทำงานร่วมกัน หรือใช้เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน หรือระบบงานในองค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
ทักษะความสามารถสำหรับการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ ใช้ (Use) เข้าใจ (Understand) สร้าง (Create) และ เข้าถึง (Access) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้
- ใช้ (Use) หมายถึง ความคล่องแคล่วทางเทคนิคที่จำเป็นในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทักษะและความสามารถที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ใช้” ครอบคลุมตั้งแต่เทคนิคขั้นพื้นฐาน คือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมประมวลผลคำ (Word processor) เว็บเบราว์เซอร์ (Web browser) อีเมล และเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ สู่เทคนิคขั้นสูงขึ้นสำหรับการเข้าถึงและการใช้ความรู้
- เข้าใจ (Understand) คือ เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ ชุดของทักษะที่จะช่วยผู้เรียนเข้าใจบริบทและประเมินสื่อดิจิทัล เพื่อให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับอะไรที่ทำและพบบนโลกออนไลน์ จัดว่าเป็นทักษะที่สำคัญและที่จำเป็นที่จะต้องเริ่มสอนเด็กให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเค้าเข้าสู่โลกออนไลน์ เข้าใจยังรวมถึงการตระหนักว่าเทคโนโลยีดิจิทัล
- สร้าง (Create) คือ ความสามารถในการผลิตเนื้อหาและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือสื่อดิจิทัลที่หลากหลาย การสร้างด้วยสื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นมากกว่าแค่การรู้วิธีการใช้โปรแกรมประมวลผลคำหรือการเขียนอีเมล
- เข้าถึง (Access) คือ การเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ และข้อมูลข่าวสาร เป็นฐานรากในการพัฒนาการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้เรียนจำเป็นต้องเข้าใจอินเทอร์เน็ตและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยช่องทางต่าง ๆ
เทคโนโลยีดิจิทัล ทักษะดังกล่าวครอบคลุมความสามารถ 4 มิติ
- 1. การใช้ (Use)
- 2. เข้าใจ (Understand)
- 3.การสร้าง (create)
- 4.เข้าถึง (Access) เทคโนโลยี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทักษะความเข้าใจและการใช้งาน เทคโนโลยีดิจิทัล และ เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology : IT) แบ่งเป็น 9 ประการดังนี้
1. การใช้งานคอมพิวเตอร์
2. การใช้งานอินเตอร์เน็ต
3. การใช้งานเพื่อความมั่งคงและปลอดภัย
4. การใช้งานโปรแกรมประมวลคำ
5. การใช้งานโปรแกรมตารางคำนวณ
6. การใช้งานโปรแกรมนำเสนองาน
7. การใช้โปรแกรมสร้างสื่อ เทคโนโลยี
8. การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์
9. การใช้งานดิจิทัลเพื่อความมั่งคงปลอดภัย
เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ปฏิวัติชีวิตของผู้บริโภคและธุรกิจ เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค มีการเติบโตของตลาดออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ การทำธุรกิจทั้งในและระหว่างประเทศ การนำฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยให้บริษัทจัดการและจัดเก็บข้อมูลของตนได้ง่ายขึ้น เทคโนโลยีได้พัฒนาสังคม และเศรษฐกิจให้เติบโต 11 เทคโนโลยีแห่งยุคดิจิทัลมีดังนี้
1. AI หรือ Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ ความสามารถของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เครื่องจักร เครื่องยนต์ที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อประมวลการทำงาน โดยที่ใช้สมองและการทำงานของมนุษย์ในการแปลและเชี่อมโยงการทำงานต่าง ๆ
2. IoT หรือ Internet of Thing อุปกรณ์เทคโนโลยี ทางกายภาพต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ต และเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นมากมายกับสิ่งของในบ้าน หรือโรงงาน
3. Big data ชุดข้อมูลที่มีขนาดหรือประเภทเกินกว่าความสามารถของโครงสร้างฐานข้อมูลแบบเดิม เพื่อดักจับข้อมูล จัดการ และประมวลผล คอมพิวเตอร์จึงสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เดิมไม่สามารถเข้าถึงได้หรือใช้งานไม่ได้
4. Blockchain เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายบนบล็อกเชน ถูกนำไปใช้กับการซื้อขาย cryptocurrencies ทำให้ง่ายต่อการทำธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อแก้ไขปัญหาการค้าทั่วโลก เพื่อลดค่าใช้จ่ายและก่อให้เกิดความโปร่งใสและความปลอดภัยด้านการเงิน ลดความซับซ้อนของกระบวนการที่นานในการรับเลตเตอร์ออฟเครดิต (LoC) ซึ่งเป็นกลไกการชำระเงินที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศ
5. 5G เครือข่ายการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนมือถือรุ่นใหม่ ๆ โดยให้ความเร็วในการดาวน์โหลดประมาณ 1-10 Gbps (4G อยู่ที่ประมาณ 100 Mbps) การเชื่อมต่อทำได้เร็วมากขึ้นทั้งภาพและเสียงบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ
6. 3D printing การผลิตรูปแบบหรือโมเดลต่าง ๆ แบบ 3 มิติ โดยทำได้จากไฟล์ดิจิทัล การพิมพ์แบบ 3 มิติสามารถสร้างวัตถุที่ซับซ้อนโดยใช้วัสดุน้อยกว่าการผลิตแบบดั้งเดิม และสามารถทำได้เอง
7. Robots หุ่นยนต์ที่เป็นเครื่องจักรที่ตั้งโปรแกรมจาก เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ ดำเนินการและโต้ตอบได้ผ่านเซ็นเซอร์ และตอบสนองได้ มีทั้งแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอิสระ อาจเป็นในรูปหุ่นยนต์
8. Drone โดรน หรือ ที่เรียกว่าอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle-UAV) หรือระบบอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aircraft Vehicle-UAS) เป็นหุ่นยนต์เทคโนโลยีสารสนเทศบินได้ซึ่งสามารถควบคุมจากระยะไกล หรือบินได้ด้วยตนเองโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่มีเซ็นเซอร์และ GPS โดรนมักถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารในอดีต ปัจจุบันมีการใช้งานทั่วไปอย่างแพร่หลาย
9. Gene editing การแก้ไขยีนเป็นเครื่องมือทางพันธุวิศวกรรมเพื่อแทรก ลบ หรือแก้ไขยีนในสิ่งมีชีวิต ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มนุษยชาติสามารถรู้ถึงความเจ็บป่วยของตนเอง และป้องกันในเบื้องต้นได้ รวมทั้งตัดต่อพันธุกรรมสัตว์ หรือ พืช รวมทั้งยาปฏิชีวนะชนิดใหม่
10. Nanotechnology เป็นสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการผลิตวัตถุที่ทำให้ของมีขนาดเล็กกว่า 1 ไมโครเมตร นาโนเทคโนโลยีใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ เช่น ยา โพลีเมอร์เชิงพาณิชย์ และสารเคลือบป้องกัน และแน่นอนทำให้ชิปคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กมากและเบา
11. Solar photovoltaic (Solar PV) เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนแสงแดดเป็นไฟฟ้ากระแสตรงโดยใช้เซมิคอนดักเตอร์ภายในเซลล์ PV นอกเหนือจากการเป็นเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนแล้ว Solar PV ยังสามารถใช้ในระบบพลังงานนอกระบบ ซึ่งอาจลดต้นทุนค่าไฟฟ้า การพัฒนาเทคโนโลยีดังที่กล่าวเบื้องต้นยังไปได้ช้าในประเทศที่กำลังพัฒนา และประเทศไทย รวมทั้งประเทศที่ด้อยพัฒนา
แหล่งที่มา :