“อาหารเยอรมัน” (German Cuisine) เป็นอีกหนึ่งสัญชาติอาหารประจำประเทศ พื้นบ้าน มีอะไรบ้าง ที่ได้รับความนิยม และ เป็นที่รู้จักในระดับสากล แม้ว่านักท่องเที่ยวหลายคนจะมองว่าอาหารเยอรมันนั้น ไม่มีอะไรมาก นอกจาก ไส้กรอก (Sausage) มันฝรั่ง (Potato) และ เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) แต่ในความเป็นจริง หากมองลึกลงไป อาหารเยอรมันค่อนข้างมีความหลากหลายเมื่อเทียบกับอาหารจากประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ทั้งนี้เนื่องจากเมนูอาหารเยอรมัน ได้รับอิทธิพลมาจากหลายพื้นที่ สืบเนื่องมาจากการตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส และ ออสเตรียในอดีต
นอกจากนี้ อาหารเยอรมันแต่ละภูมิภาคยังมีความแตกต่าง และ มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น อาหารเยอรมันทางตอนใต้ที่เมืองบาวาเรีย (Bavaria) จะมีรสชาติ และ หน้าตาอาหารที่คล้ายกับอาหารสวิตเซอร์แลนด์ และ ออสเตรีย ในขณะที่อาหารเยอรมันของเมืองทางตอนเหนือ จะคล้ายกับอาหารแถบสแกนดิเนเวีย นั่นเอง
เชื่อว่าสำหรับนักท่องเที่ยวหลายคนเมื่อพูดถึงอาหารเยอรมันแล้ว คงจะนึกถึงเบียร์คราฟต์ ไส้กรอกเยอรมัน หรือไม่ขาหมูกันใช่ไหมคะ แต่หากได้ไปเที่ยวเยอรมันทั้งที จะไปกินแค่เมนูเหล่านั้นคงจะเหมือนไปไม่ถึง วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย จึงได้รวบรวม 10 เมนูอาหารประเทศเยอรมันแสนอร่อยที่ได้รับความนิยมจากชาวเยอรมันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเยอรมันพื้นบ้าน หรือ อาหารเยอรมันประจำชาติ นอกจากนี้บทความนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินอาหารเยอรมัน และ ความเป็นมาของอาหารเยอรมัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
อาหารประจำชาติเยอรมัน
อาหารประจำชาติเยอรมัน ไม่ได้ถูกระบุไว้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เนื่องจากอาหารเยอรมันในปัจจุบัน พึ่งถูกพัฒนาขึ้นไม่นาน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่ประเทศเยอรมันได้เป็นอิสระ ซึ่งอาหารเยอรมันที่เราเห็ฯกันในปัจจุบันนั้น ได้รับอิทธิพลประเพณีและวัฒนธรรมจากประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งแต่ละพื้นที่ยังมีเมนูที่ได้รับความนิยมต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศเยอรมัน จะไม่มีอาหารประจำชาติ แต่กลับมีเมนูอาหารที่ได้รับความนิยม และ มักจะพบเจอในทุกร้านอาหารเยอรมัน เช่น ไส้กรอกเยอรมัน (Würste), กะหล่ำปลีดอง (Sauerkraut), ขนมปังเพรทเซล (Brez’n) และ สตูว์ดั้งเดิม (Eintopf) เป็นต้น
วัฒนธรรมการกินอาหารเยอรมันของชาวเยอรมัน
ในอดีตอาหารประเทศเยอรมัน (German Cuisine) ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นอาหารที่มีรสชาติตามวัถุดิบ โดยไม่มีเครื่องปรุงที่หลากหลาย และ เป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพนัก ซึ่งชาวต่างชาติได้ให้คำจำกัดความอาหารเยอรมันว่าเป็นอาหารที่ “Bland and Unhealthy”
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันชาวเยอรมันได้หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยในปีค.ศ 1980 ชาวเยอรมันส่วนใหญ่ได้เข้าร่วมรณรงค์ “Biobewegung” หรือ (organic) food movement ซึ่งเป็นการรณรงค์ในการปลูก เพาะพันธุ์ และ เลี้ยงวัตถุดิบ โดยปราศจากยาฆ่าแมลง และ สารเคมีที่เป็นอันตราย
-
อาหารเยอรมัน มื้อเช้า (Breakfast in Germany)
อาหารเช้าภาษาเยอรมัน คือ “Frühstück” ซึ่งสามารถแปลได้อย่างตรงตัวว่า “First Bite” หรือ “คำแรก” ชาวเยอรมันส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับมื้อเช้า และจะกินมื้อเช้าในเวลา 7:30 – 8:00 น. โดยเมนูอาหารเยอรมันสำหรับมื้อเช้าที่ได้รับความนิยมกันในทุกบ้าน จะเป็นอาหารจำพวก Brötchen (bread) หรือ ขนมปัง ซึ่งทานคู่กับแยมผลไม้ เนย แฮม หรือ ชีส แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
ได้แก่
-
อาหารเยอรมัน มื้อเที่ยง (Lunch in Germany)
อาหารเยอรมันในมื้อเที่ยง จะเป็นอาหารที่อุ่น ไม่เยอะมาก แต่อิ่มท้อง ซึ่งเมนูในมื้อนี้ มักจะมีส่วนผสมของเนื้อ เป็นหลัก และเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงยอดนิยมของอาหารเยอรมันอย่าง มันฝรั่ง และ กะหล่ำปลีดอง เป็นต้น โดยเมนูอาหารเยอรมัน ที่นิยมทานในมื้อเที่ยง ได้แก่ ลูกบอลมันฝรั่ง (Knödel), เคเซอชเป็ทซ์เลอ (Käsespätzle) และ แซนด์วิช เป็นต้น
-
อาหารเยอรมัน มื้อเย็น (Dinner in Germany)
อาหารเยอรมันมื้อเย็น มีชื่อเป็นภาษาเยอรมันว่า “ Abendbrot” ที่สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “Evening Bread” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของขนมปังที่มีต่อมื้ออาหารของคนเยอรมัน โดยอาหารเยอรมันในมื้อเย็นที่ได้รับความนิยมจะเป็นอาหารที่ทำสดใหม่ๆ มีความอุ่น และ สบายท้อง เช่น ขนมปังเนื้อทอด (Schnitzel), หรือ ไส้กรอกเยอรมันย่าง เสิร์ฟพร้อมกับ กะหล่ำปลีดอง (Sauerkraut) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บางบ้านอาจจะทานอาหารจำพวกแซนด์วิช เป็นมื้อเย็น ทั้งนี้เนื่องจากคนเยอรมันบางส่วนมีความคิดว่า ถ้าหากรับประทานทานอาหารมื้อใหญ่สองมื้อต่อวัน จะค่อนข้างฟุ่มเฟือย และ ไม่จำเป็น
สำหรับเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในประเทศเยอรมัน แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเบียร์ ซึ่งคนเยอรมัน ดื่มเบียร์แทนน้ำก็ว่าได้ วัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของพวกเขา สามารถดื่มได้ทั้งวัน ซึ่งที่เยอรมันมีเบียร์มากกว่า 5,500 แบรนด์ และ มีโรงงานผลิตมากกว่า 1,300 แห่งอีกด้วย ซึ่งชาวเยอรมัน จะมีชนิกของเบียร์ สำหรับช่วงเวลา เช่น ตอนกลางวัน ชาวเยอรมันจะนิยมดื่มเบียร์ประเภท “Hefeweizen” หรือ เบียร์กลิ่นผลไม้เขตร้อน นั่นเอง
10 เมนูอาหารแนะนำ ที่ไปเยอรมันต้องไม่พลาด
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าเมนูอาหารเยอรมันมีหลากหลาย และมีรสชาติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภูมิภาคนั้นๆ อย่างไรก็ตามความหลากหลายดังกล่าว กลับอยู่บนรากฐานการเลือกวัตถุดิบ และ เครื่องเทศในการปรุงอาหารที่คล้ายคลึงกัน โดยอาหารเยอรมันส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย เนื้อ (Meats) ไส้กรอก (Bratwurst) มันฝรั่ง (Potato) ผัก ชีส (Daily Product) และ เครื่องเทศ (Herb) โดยเมนูอาหารเยอรมันที่ต้องลองให้ได้หากมีโอกาสได้มาเที่ยวเยอรมัน มีดังนี้
1. Rouladen (รูราเดน)
“Rouladen” หรือ “เนื้อม้วนสไตล์เยอรมัน” เป็นอาหารเยอรมันขึ้นชื่อ ที่หากมาเที่ยวประเทศเยอรมันต้องลอง เพราะหาทานได้ยาก เมนูนี้ ทำมาจากเนื้อวัว ซึ่งนำมาหันแล่บางๆ จากนั้นนำไปพันกับเนื้อแฮม และ ผักชนิดต่างๆ เช่น หัวหอม และ แตงกวาดอง โดนไฮไลท์ของอาหารจานนี้อยู่ที่การนำไปย่างให้สุกกับไวด์แดง เพื่อรสชาติที่หวานหอมอย่างเป็นธรรมชาติ อาหารประเทศเยอรมันเมนูนี้ นิยมเสิร์ฟพร้อมกับกะหล่ำปลีแดง มันฝรั่งบด และ แซนด์วิช นั่นเอง
2. Eintopf (อายทอฟ)
Eintopf คือ อาหารเยอรมันพื้นบ้าน แบบดั้งเดิม ที่ทำได้ง่าย และ ดีต่อสุขภาพ มีลักษณะเป็นซุปเข้มข้น ประกอบไปด้วย เนื้อสัตว์ ผัก และ เห็ดหลากหลายชนิด แต่คนเยอรมันจะนิยมใส่ มันฝรั่ง กะหล่ำปลีทุกชนิด ไส้กรอก เบคอน แป้ง และ ใส่แชมเปญสดลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ ด้วยเหตุนี้คนไทยหลายคนจึงเรียกเมนูดังกล่าวว่า จับฉ่ายเยอรมัน นั่นเอง
อาหารเยอรมันพื้นบ้านจานนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เป็นเมนูที่แม่บ้านชาวเยอรมัน จะทำให้สามีที่ทำชีพชาวนา เพื่อเป็นการเสริมพลัง และ เพื่อให้อิ่มท้อง ซึ่งคำว่า ‘Eintopf’ สามารถแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ‘One Pot’ โดยในหม้อนี้ สามารถใส่วัตถุดิบที่มีในตู้เย็นได้ทุกอย่างนั่นเอง
3. Sauerbraten (ซาเออร์บราเทิน)
อาหารจานนี้ เป็นอาหารเยอรมันที่ชาวเยอรมันนิยมรับประทานในมื้อเย็น มีชื่อเสียงโด่งดัง จนกลายเป็นอาหารประจำชาติเยอรมันเลยทีเดียว แม้หน้าตาของจานนี้จะดูหรูหรา แต่วิธีการทำนั้นค่อนข้างง่าย โดยการนำเนื้อวัว เนื้อม้า เนื้อแกะ หรือ เนื้อกวาง (แล้วแต่ชอบ) ชิ้นโตๆ มาอบจนเปื่อย จากนั้นนำไปหมักกับน้ำส้มสายชู ไวด์ สมุนไพร และ เครื่องเทศเป็นเวลา 3-10 วันเพื่อให้น้ำซอสเข้าไปในเนื้ออย่างชุ่มฉ่ำ ปิดท้ายด้วยการราดซอสเกรวี่ อาหารเยอรมันจากนี้นิยมทานคู่กับกะหล่ำปลีแดง, แพนเค้กมันฝรั่ง (kartoffelpuffer), เกี๊ยวมันฝรั่ง (Knödel) หรือ ชเปทซ์เลอพาสต้า (Spätzle) นั่นเอง
4. Bratwurst (บราตวัวร์สต์)
เมื่อมาเที่ยวเยอรมัน แน่นอนว่าอาหารเยอรมันที่ต้องกินให้ได้ หนีไม่พ้น “ไส้กรอกเยอรมัน” ซึ่งจริงๆ แล้ว ประเทศเยอรมัน มีไส้กรอกมากมายถึง 1,500 ชนิด นอกจากนี้ ไส้กรอกยังถือเป็นวัตถุดิบหลักของหลายเมนู ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วชาวเยอรมันบริโภคไส้หรอกกว่า 2.5 ล้านตันต่อปีเลยทีเดียว
ซึ่งประเภทของไส้กรอกที่มีชื่อเสียงที่สุด จนกลายเป็นอาหารประจำชาติเยอรมันในสายตานักท่องเที่ยวนั้น คือ ไส้หรอกชนิด บราตวัวร์สต์ (Bratwurst) มีลักษณะเป็นไส้กรอกขนาดใหญ่ ทำมาจากเนื้อหมู เนื้อวัว และ เนื้อลูกวัว ผสมกันเป็นส่วนผสมหลัก จากนั้น นำไปปรุงรสด้วย จันทน์เทศ ผักชี และ หยี่หร่า และต้มในเบียร์ให้สุก จากนั้นจึงนำไปย่างบนตะแกรงเพื่อเพิ่มความหอมรมควันนั่นเอง โดยไส้กรอก Bratwurst จะนิยมรับประมาณคู่กับกะหล่ำปลีดอง
อีกหนึ่งประเภทไส้กรอกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับ บราตวัวร์สต์ (Bratwurst) เลย ได้แก่ ไวส์ววสท์ (Weisswurst) หรือ ที่สามารถแปลเป็ฯไทยว่าไส้กรอกสีขาว มีหน้าตาแปลกประหลาด ทำมาจากเนื้อลูกวัว เนื้อบด และ แฮม และ ปรุงรสด้วย ผักชีฝรั่ง มะนาว หัวหอม ขิง และ กระวาน วิธีกินจะกินแค่เนื้อข้างใน ไม่กินเนื้อด้านนอก
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
5. Maultaschen (มัลทาชเชน)
Maultaschen หรือ ขนมจีบเยอรมัน เป็นอาหารเยอรมันหน้าตาคล้ายเกี๊ยวน้ำของฝั่งเอเชีย และ เมนู ราวีโอลี่ (ravioli) ของประเทศอิตาลี มีต้นกำเนิดมาจาก สเวเบีย (Swabia) หนึ่งในภูมิภาคของรัฐ บาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในเมนูอาหารเยอรมันที่กินง่าย อุ่นท้อง และ รสชาติอร่อย Maultaschen ทำมาจากแป้งพาสต้า สอดไส้เนื้อรมควัน ผักโขม เกล็ดชนมปัง หัวหอม และ ปรุงรสด้วยสมุนไพร และ เครื่องเทศชนิดต่างๆ โดยทั่วไป Maultaschen จะมีขนาดประมาณ 8-10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถกินในรูปแบบต้ม หรือ จะนำมาผัดกับไข่ ก็อร่อยเช่นกัน
6. Currywurst (คอรีววสท์)
Currywurst เป็นอาหารเยอรมัน สไตล์สตรีทฟู้ด และ เป็นขนมเยอรมันที่ได้รับความนิยม มีต้นกำเนิดมาจากเมืองเบอร์ลิน ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นระยะเวลาร่วมกว่า 69 ปี เป็นอาหารที่ทำงาน แต่มีรสชาติที่อร่อยเป็นอย่างมาก ทำมาจากไส้กรอกต้ม หรือ ทอด จากนั้นราดด้วยซอสมะเขือเทศ และ ผงกะหรี่ มักจะเสิร์ฟควบคู่กับเฟรนซ์ฟราย หรือ ขนมปังก้อนนุ่มๆ นอกจากจะหาได้ง่ายตามถนนคนเดินแล้ว เมนูนี้ยังเป็นเมนู Mainstay ของร้านอาหารเยอรมัน และ ผับ บาร์ ต่างๆ อีกด้วย
7. Hasenpfeffer (ฮาส เซน เทฟเฟอร์ )
Hasenpfeffer เป็นอาหารเยอรมันพื้นบ้านที่หาทานได้ค่อนข้างยากในปัจจุบัน มีแค่ในบางร้านอาหารเยอรมันเท่านั้น แต่คุ้มค่ากับความอร่อยเมื่อได้ทาน จานนี้ทำมาจากเนื้อกระต่ายหมักกับไวด์ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู หัวหอม และ ตับ ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมของเลือดกระต่าย และ เลือดหมู ที่เป็นส่วนผสมหลักของการหมัก ซึ่งจะช่วยให้น้ำซอสมีความเข้มข้น อาหารเยอรมันจานนี้นิยมเสิร์ฟคู่กับ Knödel (คเนอเดิล) หรือ ลูกบอลมันฝรั่ง และ กะหล่ำปลีแดง
8. Kartoffelpuffer (คาทอฟฟิเพอเฟอร์)
Kartoffelpuffer คือ แพนเค้กมันฝรั่งของประเทศเยอรมัน มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Hash Brown ของประเทศสหรัฐอเมริกา และ rösti ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเมนูนี้นิยมเสิร์ฟในร้านอาหารเยอรมันเป็นเครื่องเคียง
เมนูอาหารเยอรมันจานนี้ ทำจากมันฝรั่งดิบ แป้ง ไข่ และ หัวหอม แต่ต้องบีบน้ำออกจากตัวมันฝรั่งให้หมดก่อนจะนำไปทอด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้ตัวแพนเค้กคงความกรอบหลังจากนำไปทอดนั่นเอง โดย Kartoffelpuffer จะนิยมเสิร์ฟกับน้ำซอสผลไม้ ที่มีรสชาติ หวานอมเปรี้ยว เพื่อลดความเลี่ยนนั่นเอง
9. Schweinshaxe
Schweinshaxe คือ เมนูขาหมูกรอบ ซึ่งเป็นเมนูที่หากมาเที่ยวประเทศเยอรมันต้องไม่พลาด เมนูนี้ทำจากขาหมู นำไปต้มจนสุก จากนั้นผึ่งแดดให้แห้ง แล้วทอดด้วยความร้อนสูงให้หนังมีความกรอบนอกนุ่มใน โดยอาหารเยอรมันจานนี้นนิยมรับทานอย่างยิ่งในเทศกาล Oktoberfest หรือ งานเทศกาลดื่มเบียร์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะจัดขึ้นที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน ในช่วงเดือน กันยา และ ตุลาคมของทุกปี
10. Germany Beer Craft & Brezel
เมื่อพูดถึงอาหารประจำชาติเยอรมัน หรือ อาหารเยอรมันขึ้นชื่อ คงจะมองข้ามเบียร์คราฟต์เยอรมันไปไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจากประเทศเยอรมัน เป็นประเทศที่ชอบดื่มเบียร์เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าดื่มแทนน้ำเปล่าก็ว่าได้ โดยคนเยอรมันดื่มเบียร์กันโดยเฉลี่ยคนละ 107 ลิตร ทั้งนี้เนื่องจากเบียร์สัญชาติเยอรมันนั้นมีหลากหลายมากกว่า 5,500 แบรนด์ ทั้งเบียร์ แบบ Light และ แบบ Dark ส่งผลให้ครเยอรมันทุกคน ค้นพบยี่ห้อ และ รสชาติเบียร์ในแบบที่ตัวเองชอบได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ วัตถุดิบในการผลิตเบียร์ของประเทศเยอรมันยังมีมาตรฐานสูงกว่าประเทศอื่นๆ โดยทางการเยอรมันได้กำหนดให้ในเบียร์มีแค่ส่วนผสมของ ข้าวบาร์เลย์ ฮ็อป และ น้ำเท่านั้น
ประเภทของเบียร์เยอรมันนั้นมีหลากหลาย ตัวอย่างเช่น
-
- Koelsch (เคิลช์) : เป็นประเภทเบียร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดจากประเทศเยอรมัน และเป็นเบียร์ที่ผลิตในเมืองโคโลญน์เท่านั้น นอกจากนี้จะถูกเสิร์ฟในแก้วลักษณะทรงกระบอก หรือ แก้วแบบ ‘Stange’ (ท่อ) นั่นเอง
- Alt (อาลต์) : เป็นเบียร์สายพันธุ์เยอรมันแท้ จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติเยอรมันก็ว่าได้ เบียร์ชนิดนี้ เป็นเบียร์รสชาติเข้ม มีให้เลือกตั้งแต่สีอำพัน ไปจนถึงสีเข้ม นิยมรับประทานกับอาหารเยอรมันได้ทุกเมนู
- Weizen (ไวเซน) : เป็นเบียร์สัญชาติเยอรมัน ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี ซึ่งความพิเศษของเบียร์ประเภทนี้ คือ การผสมเชอร์รี่ และ กล้วย เพื่อเพิ่มกลิ่นเบียร์หอม
- Berliner Weisse (แบร์ลินแนร์ ไวส์เซ) : เป็นประเภทเบียร์ที่เหมาะกับคนคออ่อน เพราะเบียร์ชนิดนี้เป็นเบียร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพียงแค่ 2.8 % เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของราสป์เบอร์รีไซรัปสีแดง ทำให้สามารถทานได้อย่างลื่นคอมากขึ้นอีกด้วย
- Bockbier (บ็อกเบียร์) : เป็นเบียร์เข้ม ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ถึง 6.5 % โดยความพิเศษของเบียร์เยอรมันชนิดนี้ คือ มีส่วนผสมของกรดคาร์บอนิกน้อย จนทำให้เกิดเป็นฟองครีมหนานุ่มอยู่ด้านบนนั่นเอง
ซึ่งเมนูอาหารเยอรมันที่ได้รับความนิยมรับประมาณควบคู่ไปกับเบียร์ชนิดต่างๆ ของเยอรมันนั้น ได้แก่ ขนมปังม้วน หรือ เพรทเซล ( Prezel หรือ ที่ชาวเยอรมันเรียกว่า Brez’n) ซึ่งเป็นเมนูอาหารเยอรมันที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แคว้นบาวาเรีย ทำมาจากแป้ง บิดจนเป็นรูปปม และนำไปอบจนเหนียวนุ่ม โดยคนเยอรมันจะนิยมรับประทานขนมปังเพรทเซล ควบคู่กับเนย จนได้เป็นชื่อเมนูใหม่ “ Butterbrez’n” หรือ ทานคู่กับมัสตาร์ด และ ชีส นั่นเอง
ทั้ง 10 เมนูอาหารเยอรมันนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของอาหารเยอรมันพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง และ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพราะหากถามว่า “อาหารเยอรมัน มีอะไรบ้าง” นั้น บอกได้เลยว่ามีมากกว่า 500 เมนูแน่นอน
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านไหนที่สนใจท่องเที่ยวประเทศเยอรมัน เพื่อเดินทางไปลิ้มรสอาหารเยอรมันถึงถิ่น ทาง Artralux เรามาพร้อมกับบริการจัดโปรแกรมทัวร์เยอรมันแบบส่วนตัว (Incentive Group) และ บริการวางแผนเส้นทางการเดินทางแบบอิสระ (F.I.T) ที่ครอบคลุมทุกรายละเอียดการเดินทางตั้งแต่ บริการยื่นวีซ่า บริการจองตั๋วเครื่องบิน บริการวางแผนการเดินทาง และ อีกมากมาย
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
