ไทยากิขนมรูปปลา ต้นตำรับจากญี่ปุ่น

ไทยากิ เป็นชื่อของขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของขนมไทยากิคือจะเป็นแป้งที่สอดไส้ด้วยถั่วกวน หรือครีมรสชาติต่างๆ ซึ่งเนื้อแป้งก็จะเหมือนแป้งเค้กนั่นเอง ส่วนไส้ต่างๆนั้น ก็จะเน้นไปที่ไส้ที่มีรสหวาน โดยมากจะสอดไส้ถั่วแดงอาซูกิ บ้างก็สอดไส้คัสตาร์ด, ช็อกโกแลต, ชีส หรือมันฝรั่งหวาน

ช่วงนี้กระแสขนมไทยากิกำลังมาแรงกันเลยทีเดียว โดยปกติแล้วดั้งเดิมเลย แป้งไทยากิก็จะมีรสสัมผัสคล้ายๆ กับแป้งขนมเค้ก แต่ในภายหลังมานี้ก็เริ่มมีการนำเอาแป้งพายชั้นมาสอดไส้ถั่วกวนชนิดต่างๆ แล้วเอามาโรยด้วยน้ำตาล ก็อร่อยไปอีกแบบเลย

และที่โดงดังเลยก็คือร้านที่ชื่อว่า ครัวซองต์ ไทยากิ ซึ่งเป็นแบรนด์ดังมาจากประเทศญี่ปุ่น และมาขยายสาขาจำนวนมากที่ประเทศไทยนั่นเอง ทางร้านครัวซองต์ไทยากิ โดดเด่นตรงที่ ขนมไทยากิ มาจากการใช้แป้งครัวซองต์ประกบสอดไส้โรยน้ำตาล แล้วเขาอบในเตาไทยากิจนเหลืองกรอบสวยงาม เวลาทานจะทานร้อนๆ หรือทานเย็นๆ ก็ยังคงความกรอบอยู่ได้นาน และมีรสสัมผัสของความกรอบที่มาจากน้ำตาลโรยหน้า ทานกี่ครั้งก็ยังคงประทับใจทุกครั้งเลยจ้า

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูร้านขนมไทยากิร้านดังในประเทศญี่ปุ่นกันะ ขอบอกว่าไทยากิดั้งเดิมของทางญี่ปุ่นเนี่ย น่าทานมากๆเลย

ร้าน นิปปอน อิจิ ไทยากิ ร้านนี้มีสาขามากกว่า 40 สาขาเลยนะ จุดเด่นของร้านนี้ที่ทำให้ขยายสาขาได้มากมายเลยคือ ไส้ถั่วแดง ที่เป็นสูตรลับพิเศษที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนเขานั่นเองงง ส่วนตัวเนื้อแป้งทางร้านภูมิใจนำเสนอสุดๆว่า แป้งเขาบางกรอบมาก บางจนเห็นว่าข้างในเป็นไส้อะไรเลยหละ

ร้านไทคิจิ ร้านนี้ถึงแม้ว่าสาขาจะยังไม่มาก แต่ทำให้รู้สึกว่า ยิ่งหาทานยาก ยิ่งน่าหลงไหลเลยทีเดียว ทีเด็ดร้านนี้ ก็ไม่แพ้ที่อื่นๆเหมือนกันเลยนะ ไส้ถั่วแดงที่คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดีจากฮอกไกโด หอมหวานลงตัวเข้มข้น สอดไส้มาอยู่ในตัวแป้งที่บางกรอบ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และร้านนี้ยังมุ่งเน้นไปที่บริการที่มากจากใจ ที่ต้องการส่งมอบขนมพร้อมรอยยิ้มและจะทำให้ลูกค้าตอบกลับมาว่า “อร่อยมาก”

ร้าน คุริโคอัน ร้านนี้มีสาขาเยอะมาก จุดเด่นเลยก็คือ ไส้ขนมมีเยอะมากๆ ทั้งไส้คาวและไส้หวานเลย และมีรูปทรงขนมที่แปลกใหม่มากขึ้น เช่น รูปทรงรถไฟชินคันเซ็น ปราสามโอดาวาระ เอโบชิ มาโรยากิ และอีกหลายๆรูปแบบเลย ทางร้านมีลวดลายใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ ทำให้ลูกค้าติดใจและแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว ส่วนทีเด็ดของทางร้านนี้ก็คือ เชฟที่คิดค้นสูตรเขาคัดสรรวัตถุดิบถั่วแดงมาจากฮอกไกโด เป็นถั่วแดงอย่างดีเลยและที่สำคัญ ไม่หวานมากด้วย และทีเด็ดอีกอย่างคือ แป้งบางกรอบนั่งเอง ใครได้ทานก็ต้องติดใจแน่ๆ

” ร้านขนมไทยากิแทบจะทุกร้าน จะเน้นจุดขายตรงที่รสชาติของไส้ขนม ที่เป็นสิ่งที่ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกเลย
อันดับถัดมาคือตัวเนื้อแป้งไทยากิ ที่ห่อหุ้มไส้เอาไว้ซึ่งเวลาทานเข้าไปทั้งแป้งและไส้จะต้องมีความเข้ากันดี
ดังนั้นใครที่กำลังคิดอยากเปิดร้านขนมไทยากิ ต้องไม่ลืมที่จะเน้นจุดนี้กันด้วยนะคะ “

วันนี้เราไม่ได้มาแต่เพียงจะให้เพื่อนๆได้รู้จักขนมไทยากิเท่านั้นนะ เรามาพร้อมแอบเอาเทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้ขนมอบออกมาสวยและได้แป้งที่บางกรอบมาบอกด้วยค่ะ

เทคนิคการทำแป้งให้บางกรอบ

1. ขั้นตอนแรกเลยวันนี้เราต้องมีแป้งมาพร้อมก่อนแล้วนะคะ ถ้าใครยังไม่มี สั่งซื้อผ่านทางช่องทางนี้ได้เลยค่ะ 
2. ขั้นตอนที่ 2 เราต้องมีอุปกรณ์ในการหยอดแป้งที่จะทำให้เราหยอดแป้งได้เร็วขึ้น แบบง่ายๆเลย คือใช้ขวดบีบซอสได้เลยค่ะ
3. เตรียมเปิดไฟเครื่องทำขนมไทยากิรูปปลาให้ร้อนโดยใช้อุณหภูมิต่ำอยู่ที่ 140-150 องศาเซลเซียส เราจะมาเริ่มย่างปลากันค่ะ!!

4. ให้เราเริ่มหยอดแป้งจากบริเวณขอบของพิมพ์ แล้วให้ตัวเนื้อแป้งไหลลงมารวมกันจนเต็มพิมพ์ สำคัญ อย่าใส่แป้งเยอะเกินไปนะคะ ไม่งั้นจะไม่บางกรอบคะ

5.เราจะหยอดแป้งแบบนี้ในพิมพ์ทั้ง 2 ด้านค่ะ

6. เมื่อหยอดแป้งลงในพิมพ์ทั้งสองด้านแล้ว ให้ใส่ไส้ขนมที่เราเตรียมไว้ลงไปที่ด้านใดด้านหนึ่ง

7. สังเกตว่า หากแป้งทั้งสองด้านที่เราหยอดไปนั้นสุกหมดแล้ว ให้เติมแป้งลงไปเพิ่มนิดหน่อยในด้านที่มีไส้ขนมนะคะ เพื่อเป็นตัวเชื่อมแป้งทั้งสองด้านให้ติดกันได้ค่ะ

8. เมื่อเราหยอดไส้ขนมเรียบร้อยแล้ว ให้เราปิดเตาด้านที่ไม่มีไส้ขนมเข้ามาหาด้านที่มีไส้ขนมอยู่

9. พลิกเตาพร้อมกันทั้งสองด้านกลับมา เพื่อให้แป้งไหลเต็มพิมพ์

10. ตั้งเวลา 3-4 นาที และนำขนมออก เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค้าา

เทคนิคนี้ง่ายมากๆเลย สำคัญคือ เราต้องใช้ไฟอ่อน เพื่อไม่ให้แป้งขนมสุกเร็วและสีเข้มมากเกินไปนะคะ เพื่อนๆ ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันได้เลยค่ะ

เทคนิคการทำไส้ขนมให้ดูญี่ปู้นนน ญี่ปุ่นขึ้นไปอี๊กก 

เราก็แค่จะมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ นะคะ ว่าทำยังไงจะทำให้ไส้ขนมดูเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นอีก ง่ายๆ เลยตอนนี้ไส้ขนมไทยากิ ไม่ได้จบอยู่ที่รูปแบบถั่วกวนอย่างเดียวแล้วนะคะ ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นขายกัน ก็จะเป็นถั่วกวน ผสมกับโมจิ แล้วก็จะมีประเภทของคัสตาร์ดครีม รสชาติต่างๆ เช่น การผสมระหว่าง ถั่วแดงและครีมชาเขียวพร้อมด้วยโมจิ 1 ลูก น่ารักๆ หรือทำเป็นถั่วผสมครีมก็น่าสนใจไม่น้อยเลย แล้วก็จะเป็นประเภทถั่วเชื่อมที่เป็นชิ้นๆ เช่น เกาลัด หรือ อีกแบบคือฟักทอง และที่ขาดไม่ได้คือไส้ของคาว เช่น แกงกะหรี่ เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ คล้ายกับกระหรี่ปั๊บบ้านเราเลยนะ แต่ถ้ามาขายในบ้านเรา ก็อาจจะต้องดูตามความชอบของคนในพื้นที่กันด้วยนะคะ 

ไทยากิไอศกรีม 

ไทยากิไอศกรีม ในบ้านเรานี่น่าจะเรียกว่าหาทานได้ยากพอสมควรเลยทีเดียว ใครอยากจะขายเมนูนี้ เราแนะนำว่าควรต้องเป็นร้านไอศกรีมอยู่แล้ว จะเป็นซอฟเสิร์ฟหรือฮาร์ดเสิร์ฟก็ได้นะ ทำไมต้องเป็นร้านไอศกรีมอยู่แล้วด้วยล้าา ก็เพราะว่า ไทยากิไอศกรีม ปกติแล้วจะเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมซอฟเสิร์ฟนั่นนะสิ ซึ่งเครื่องทำไอศกรีมซอฟเสิร์ฟตัวนึง ราคาแตะแสนกันเลย ถ้าใครมีงบหน่อย เราก็สนับสนุน เพราะยังไม่ค่อยมีใครทำเลยค่ะ

ไทยากิ กับ ไทยากิไอศกรีม ต่างกันอย่างไร? 

– จริงๆ แล้วต่างกันแค่รูปแบบของตัวปลา ปกติไทยากิธรรมดา ปลาเราจะไม่อ้าปาก แต่ถ้าไทยากิไอศกรีม ปลาเราจะอ้าปากได้นั่นเอง ซึ่งไม่ใช่เราจับมันอ้าปากเองนะคะ เตาที่เราใช้ทำไทยากิสองรูปแบบนี้จะต่างกันตรงที่ ไทยากิไอศกรีม จะมีพิมพ์กดบริเวณปากปลา ทำให้เกิดช่องว่างให้เราเติมไอศกรีมได้นั่นเอง

แป้งไทยากิใช้แป้งสูตรเดียวกันได้ไหม?

– เป็นแป้งสูตรเดียวกันเลยค่ะ ใช้ด้วยกันได้เหมือนเดิมเลย

ไทยากิไอศกรีม มีไอศกรีมแล้วต้องมีไส้ข้างในด้วยไหม?

– ยังคงต้องมีไส้เหมือนเดิมนะคะ ถ้าไม่มีไส้ ไม่เรียกไทยากิแล้วน้าา แต่ไทยากิไอศกรีม ไส้ก็จะไปอยู่ตรงกลางตัวปลา ไปจนถึงตรงหางค่ะ ส่วนด้านบนก็เป็นไอศกรีมค่ะ

ถ้าเราไม่มีเตาทำปลาอ้าปาก เราจะทำไทยากิไอศกรีมได้หรือไม่?

– ทำได้เหมือนกันค่ะ เพียงแต่รูปแบบในการเสิร์ฟก็จะแตกต่างกันออกไป ถ้าเรามีเครื่องทำปลาอ้าปาก เราก็เสิร์ฟทั้งตัวปลาได้เลย แต่ถ้าเราไม่มี ก็อาจจะต้องเสิร์ฟในถ้วย ใช้ถ้วยใส่ไอศกรีม แล้วก็เพิ่มปลาเข้าไปค่ะ เพียงแต่รูปแบบความน่าสนใจก็อาจจะได้ไม่เท่าแบบที่เป็นปลาอ้าปากค่ะ

วันนี้เรามีเตาปลามาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นไอเดียในการทำเมนูร้านด้วยนะคะ

แบบแรก รุ่น FY-1101A 

เตาทำขนมไทยากิ แบบไม่มีไอศกรีม เตารุ่นนี้เป็นลายปลาดั้งเดิมเลย พิมพ์ทำขนมได้ครั้งละ 6 ตัว ใช้ระบบไฟฟ้า กำลังไฟ 3000 วัตต์ เสียบกับไฟฟ้าบ้านได้เลย แต่ถ้าใครเปิดร้านและใช้เตาตัวนี้มากกว่า 1 ตัว ก็ต้องเตรียมความพร้อมของกระแสไฟฟ้าให้พอนะคะ อ่อ รุ่นนี้มีแบบใช้แก๊สด้วยนะคะ

หรือใครที่กำลังเริ่มต้น อยากทดลองทำดูก่อน ก็จะแนะนำเป็นเตารุ่นนี้ค่ะ FY-1103 ตัวนี้จะเล็กลงมาครึ่งหนึ่งค่ะ ทำขนมได้ครั้งละ 3 ตัว ราคาก็ห่างกันครึ่งหนึ่งเหมือนกันค้า สองรุ่นที่ให้ดูเบื้องต้นนี้ ก็จะเป็นรุ่นที่สามารถพลิกกลับด้านได้ เราสามารถใช้เทคนิคแป้งบางกรอบกับเตารุ่นนี้ได้นะคะ 

รุ่นถัดมา จะเป็นรุ่นราคาเบาๆ FY-112 ตัวนี้จะเป็นพิมพ์ปลาตัวเล็ก พลิกลลับด้านไม่ได้ อาจจะต้องพยายามใส่แป้งให้เต็มพิมพ์หน่อยค่ะ รุ่นนี้จะสามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างเดียวนะคะ จะไม่มีระบบแก๊สรองรับค่ะ

รุ่นถัดมา เป็นรุ่น ไทยากิไอศกรีม ก็คือรุ่นที่มีพิมพ์กดช่องปากปลาได้ค่ะ ขนาดเดียวกับรุ่นแรกที่เราแนะนำไปเลย มีทั้ง 3 ตัว และ 6 ตัวเหมือนกันค่ะ มีทั้งแก๊สและไฟฟ้าเหมือนกันค่ะ

แต่ตอนนี้อย่างที่บอกไปนะคะ ว่าเตาไทยากิ ไม่ได้มีแต่รูปปลาแบบเดียวแล้ว เดี๋ยวเรามาดูเพิ่มกันค่ะ ว่าจะมีรูปแบบไหนเพิ่มบ้าง…

เตาไทยากิแบบใช้แก๊สและใช้ไฟฟ้าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

– เตาใช้แก๊สประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า

– เตาใช้แก๊สการสึกหรอของอุปกรณ์ภายในตัวเครื่องมีน้อยกว่า

– เตาใช้ไฟฟ้าควบคุมความร้อนได้ดีกว่า

– เตาใช้ไฟฟ้าควบคุมสีและความสวยงามของขนมได้ดีกว่า

ตอนนี้เรารู้จักกับขนมไทยากิ รู้จักกับเครื่องทำขนมไทยากิกันไปมากพอสมควรแล้ว และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือแป้งทำขนมไทยากินั่นเองง วันนี้เรามีสูตรทำขนมไทยากิมาฝากทุกคนกันด้วยนะ เริ่มกันเลยค่ะ

สูตรทำขนมไทยากิ 

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

1. ถั่วแดงบด 300 กรัม 
2. แป้งเค้ก 150 กรัม
3. เบคกิ้งโซดา 3 กรัม
4. ผงฟู 3 กรัม
5. น้ำตาล 20 กรัม
6. เกลือ 0.5 ช้อนชา
7. ไข่ 1 ฟอง
8. นมสด 100 มิลลิลิตร
9. น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร
10. น้ำมันพืช 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ชามที่ 1 ผสมส่วนที่ 2,3,4 เข้าด้วยกัน
2. ชามที่ 2 ผสมส่วนที่ 5,6,7,8,9,10 เข้าด้วยกัน
3. นำส่วนผสมใน ข้อ 2 เติมลงไปในส่วนผสมข้อ 1
4. คนส่วนผสมให้เข้ากัน สังเกตว่าต้องไม่มีเม็ดแป้งแล้วนะคะ
5. พักแป้งไว้ในตู้เย็น 30 นาที
6. อุ่นเครื่องทำขนมไทยากิให้ร้อน 140-150 องศาเซลเซียส
7. เมื่อพร้อมแล้วให้เพื่อนๆอบขนมไทยากิตามขั้นตอนเทคนิคที่เขียนไว้เบื้องต้นได้เลยค่ะ

วันนี้เราบอกเคล็ดลับกันหมดเปลือกเลยในบทความนี้ ไม่ว่าจะเรื่องเตาทำขนม แป้งทำขนม ขนมที่ว่ารสชาติดีควรต้องเป็นยังไง เพื่อนๆลองนำไปประยุกต์ใช้กันดูนะคะ