เพชรพลอย อัญมณีล้ำค่าที่เปล่งประกายความงามมาช้านาน และได้รับความนิยมในการนำมาทำเครื่องประดับต่าง ๆ เพื่อสวมใส่ ซึ่งบ่งบอกถึงฐานะ อำนาจ และยศฐานบรรดาศักดิ์ นอกจากความสวยสง่างามยามสวมใส่แล้ว ยังมีความหมายของเพชรพลอยสีต่าง ๆ ที่ประดับประดาอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มของมณีนพเก้าซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของดาวนพเคราะห์ที่หมายถึงความมีสิริมงคล หากใครมีไว้ในครอบครองย่อมส่งผลให้เกิดความรุ่งเรืองดีงามด้วยประการทั้งปวง
มณีนพเก้า หรือ มณีนพรัตน์ หมายถึงเพชรพลอยทั้ง 9 ชนิด หรือที่คนไทยในสมัยก่อนเรียกขานกันว่า แก้วเก้าประการ ซึ่งเชื่อว่ามีอำนาจช่วยส่งให้ผู้เจ้าของที่ครอบครองได้รับความเป็นมงคลอย่างสูง ตามความหมายของมณีแต่ละอย่าง
- - เพชร หรือ แก้ววิเชียร มีสีขาวส่องประกายแวววาว มีความสิริมงคล คือ เป็นผู้มีชัยแก่ศัตรู เป็นผู้ยิ่งใหญ่ และร่ำรวย
- - มณี หรือ ทับทิม เป็นพลอยสีแดง มีความสิริมงคล คือ ความสำเร็จ ความมีลาภยศ อายุยืนยาว
- - มรกต หรือ แก้วอินทนิล เป็นพลอยสีเขียว มีความสิริมงคล ความศรัทธา ความกล้าหาญ และด้านป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง
- - บุษราคม เป็นพลอยสีเหลืองทอง มีความสิริมงคล คือ ความมีเสน่ห์ และเป็นที่รัก
- - โกเมน เป็นพลอยสีแดงเข้ม มีความสิริมงคล คือ ด้านสุขภาพดี และอายุที่ยืนนาน
- - นิลกาฬ หรือ ไพลิน มีความสิริมงคล คือ ด้านความรัก ความเมตตากรุณา และมีความร่ำรวย
- - มุกดาหาร หินสีขาวใสสีน้ำนม มีความสิริมงคล คือ ความหมายด้านความบริสุทธิ์ ความร่มเย็น และมีชัยชนะแก่ศัตรู
- - เพทาย พลอยสีแดงสลัว มีความสิริมงคล คือ ความร่ำรวย มีชัยชนะด้านคดีความต่าง ๆ
- - ไพฑูรย์ หรือ ตาแมว มีความสิริมงคล คือ เทวดาคุ้มครอง และด้านการป้องกันฟืนไฟ
ซึ่งคนไทยได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อเกี่ยวกับพลังอำนาจของเพชรพลอยอัญมณีทั้ง 9 นี้มาจากอินเดีย แต่ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มเข้ามามีอิทธิพลตั้งแต่เมื่อไหร่ อินเดียนับเป็นประเทศที่ผูกพันและมีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีและมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ต่าง ๆ อันยาวนาน รวมถึงมีการนำไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับพลังแห่งดวงดาว และระบบสุริยะจักรวาล อีกทั้งทวยเทพประจำแต่ละดวงดาว ซึ่งมีพลังอำนาจ คุณวิเศษ ที่ส่งผลให้เกิดความรุ่งเรือง ความเจริญ และความเป็นสิริมงคลทั้งปวงมายังผู้เป็นเจ้าของที่สวมใส่อีกด้วย
ด้วยความสดสวยส่องประกายจรัส และความเชื่อในพลังแห่งอัญมณีและเพชรพลอยนี้เอง ในสมัยโบราณ จึงนิยมนำเอามณีนพเก้า หรือ มณีนพรัตน์ มาทำเป็นแหวน หรือเครื่องประดับ เพื่อป้องกันภยันตราย ความชั่วร้ายและสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ให้ออกไปไม่มากล้ำกลาย และยังเชื่อกันว่าจะให้ผลด้านดี มีชัยชนะ ทำสิ่งใดก็สำเร็จดั่งใจหมาย
และนอกจากนี้ความเชื่อเกี่ยวกับเพชรพลอยนั้น ไม่ได้มีแค่ชาวไทยหรืออินเดียเท่านั้น แต่ในชนชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชาวอียิปต์โบราณ ชาวจีน ชาวตะวันตก หรือแม้แต่ชาวเผ่าต่าง ๆ ก็ยังมีความเชื่อในพลังแห่งอัญมณีชนิดอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน อาทิ ชาวจีน เชื่อว่าหยกเป็นหินนำโชค เป็นของที่สวรรค์ประทานมาให้ ทำให้เจริญ รุ่งเรือง ช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงให้ทุเลาเบาบาง มีอายุที่ยืนยาว และ แคล้วคลาดภยันตราย ถือเป็นอัญมณีที่มีคุณค่าสูงสุด และเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของคุณธรรมทั้ง 5 ประการ
ส่วนชาวตะวันตกก็เชื่อว่า โอปอล เป็นหินแห่งโชคลาง สามารถบอกเหตุล่วงหน้าให้ได้รู้ว่าจะเกิดเหตุดีหรือร้าย และนอกจากนี้โอปอลยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง จะนำความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนามายังผู้สวมใส่
สำหรับมณีนพเก้าและเพชรพลอยอัญมณีต่าง ๆ นั้น จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเพื่อความสวยงามเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงพลังแห่งความเชื่อที่ส่งผลมายังเจ้าของผู้ครอบครอง ซึ่งเพชรสีขาวเจิดจรัส เลอค่า น่าค้นหา ก็เป็นหนึ่งในมณีนพเก้าอีกด้วย