สาวๆ ที่รักสวยรักงาม ก้าวติดเทรนด์แฟชั่นไม่มีถอย คงไม่รู้หรอกว่าเครื่องประดับสวยๆ ที่ช่วยให้คุณเป็นสาวสวยยิ่งขึ้นหรือเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันตามแฟชั่นนิยม อาจลอบทำร้ายผิวคุณได้อย่างนึกไม่ถึง เช่น ต่างหู สร้อยคอ กรอบเลี่ยมพระ แหวน สร้อยข้อมือข้อแขน และกำไลข้อมือ เป็นต้น ไม่เพียงเครื่องประดับเหล่านี้ ยังมีสิ่งอื่นๆ ใกล้ตัวที่คุณอาจนึกไม่ถึง เช่น กระดุมกางเกงยีนส์ ซิป เข็มขัด ตะขอชุด ชั้นใน ที่ดัดขนตา สายนาฬิกา อาการแพ้ก็คือ ผิวเป็นผื่นแดงและคัน เป็นๆ หายๆ เรื้อรัง
รู้มั้ยว่าศัตรูตัวสำคัญที่ทำร้ายผิวคุณได้คือ นิกเกิล ซึ่งมองๆ ดูแล้วไม่น่ามีพิษสงเสียเลย ก็แค่โลหะธรรมดาที่ปะปนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราโดยไม่ได้นึกถึง เช่น หม้อหุงต้ม ลูกบิด ประตู เหรียญสตางค์เหรียญบาท แม้แต่ในอาหารและในน้ำก๊อกก็อาจมีสารนิ้กเกิลปะปนอยู่ด้วย และบางคนก็อาจจะแพ้ทองคำได้เหมือนกัน
รู้จักนิ้กเกิ้ล
ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาด้วยอาการผื่นแพ้สัมผัสมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโรคที่พบมากที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้น ผื่นผิวหนังอักเสบจากการแพ้เครื่องประดับ ซึ่งเครื่องประดับที่พบว่ามีการแพ้ได้บ่อย คือ นิกเกิล, โครเมียม, ปรอท, ทองแดง แต่ตัวเอกที่มีบทบาทเด่นกว่าใครเห็นจะเป็นโลหะนิกเกิล (Nickel) ซึ่งพบว่าเป็นสาเหตุของการแพ้มากที่สุด
นิกเกิลถูกนำมาใช้ผสมอยู่ในเครื่องประดับหลายชนิด เพื่อเพิ่มความแข็งและให้ลักษณะมันวาวกับเครื่องประดับนั้นๆ เช่น แหวน ต่างหูนาฬิกา สร้อยคอ หน้าปัดโทรศัพท์มือถือ ยาทาเล็บ ซิป โครงเสื้อยกทรงหัวเข็มขัดกระดุมที่เป็นโลหะ กรอบแว่นตา ที่ดัดขนตา เป็นต้น ซึ่งการแพ้เครื่องประดับดังกล่าวจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจมาจากผู้หญิงนิยมใส่เครื่องประดับมากกว่าผู้ชาย และผู้หญิงมักมีผิวที่บอบบางกว่านั่นเอง
ส่วนมากอาการของผู้ป่วยที่เกิดการแพ้เครื่องประดับประเภทนิกเกิล โลหะต่างๆ นั้นจะเกิดอาการแพ้แบบ Cell Mediated Immune Response คือ เมื่อสัมผัสสารนั้นที่ผิวหนังจะเกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ขึ้น การสัมผัสสารในครั้งแรกอาจจะยังไม่มีอาการ แต่เมื่อสัมผัสซ้ำอีกระบบภูมิต้านทานที่ถูกกระตุ้นแล้วจะทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัสแบบ Eczema ได้ ซึ่งระยะกระตุ้น คือ ระยะตั้งแต่ได้รับสารก่อภูมิแพ้ครั้งแรก จนกระทั่งถูกกระตุ้นเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 7-10 วันและระยะเกิดปฏิกิริยา คือ ระยะที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้อีกครั้ง จนกระทั่งเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง มีระยะเวลาประมาณ 48-72 ชม.
แพ้เครื่องประดับที่ทำจากนิ้กเกิล
สารเคมีอย่างนิกเกิล มักทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบได้เมื่อมีการสัมผัส โดย 1 ใน 5 ของผู้หญิงมักแพ้สารที่ว่านี้ และผื่นแพ้จากนิกเกิลมักเกิดบริเวณที่สัมผัสกับเครื่องประดับ เช่น ที่ติ่งหู คอ ข้อมือหรือหน้าอก จะมีอาการเป็นผื่นแดง และอาจเป็นสะเก็ดที่หนังตาบน เนื่องจากสารนิกเกิลติดมือที่ชื่นเหงื่อแล้วไปถูกหนังตา บางคนอาจเป็นผื่นลามไปทั่วตัว หรืออาจเป็นแค่เฉพาะที่ก็ได้
นพ. นิยม ตันติคุณ แพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งกล่าวว่า "มีผู้ป่วยเป็นโรคผิวหนังที่มีอาการผื่นแดงและคันอันเกิดจากการสวมใส่เครื่องประดับที่ทำมาจากนิกเกิลมากขึ้น คุณหมอแนะนำว่า "หลังการเจาะหูควรรอให้แผลแห้งสัก 3 สัปดาห์ จึงใส่เครื่องประดับตามแฟชั่นได้ มิเช่นนั้นรอยแผลที่เกิดจากการเจาะหูจะเกิดการอักเสบขึ้นได้ และหลังจากเจาะหูใหม่ๆ คุณควรจะเลือกตุ้มหูที่ปราศจากสารนิกเกิลจะดีที่สุด"
แพ้เครื่องประดับที่ทำจากทอง
นอกจากนิกเกิลจะก่อให้เกิดการแพ้ได้แล้ว เครื่องประดับอื่นๆ ก็ทำให้ผิวหนังมีปัญหาได้เหมือนกัน เช่น ทอง เงิน ทองแดง เพราะการนำทองมาทำเครื่องประดับนั้นจำเป็นต้องผสมกับโลหะที่จะทำให้ทองแข็งตัว หากเป็นทองบริสุทธิ์ ก็มีความอ่อนเกินกว่าที่จะนำมาทำเป็นตัวเรือนหุ้มเพชรพลอยได้ แต่ถ้านำนิกเกิลมาเป็นส่วนผสมก็สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังได้เหมือนกัน (นิกเกิลมีราคาถูกและทำให้เครื่องประดับไม่ดำ ) แต่ถ้าหากเป็นทองที่มีคุณภาพดี ก็จะมีส่วนผสมของนิกเกิลเป็นจำนวนไม่มาก หรือบางคนก็อาจมีอาการแพ้ทองได้เหมือนกัน
นอกจากนี้สภาวะสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันก็ทำให้เกิดผิวแพ้ง่ายได้เช่นกัน อาทิ ภาวะโลกร้อน มลภาวะต่างๆ และการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวหรือครีมหน้าขาวที่มีส่วนผสมไม่ได้มาตรฐาน จากสถิติของแพนคลินิกสาขาชลบุรี มีผู้ป่วยมารักษาด้วยอาการผื่นแพ้สารสัมผัสเครื่องประดับประมาณ 5-10% ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับปัญหาผิวด้านอื่นๆ
วิธีการป้องกันดูแลผิวไม่ให้เกิดการแพ้ง่าย เกี่ยวกับเครื่องประดับ
1. หลีกเลียงการสวมเครื่องประดับ ในวันที่ต้องทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก หรืออากาศร้อนๆ เพราะเหงื่อจะทำให้สารนิกเกิลละลายออกมาได้มากขึ้น
2. เลือกเครื่องประดับที่ทำจากโลหะชนิดอื่นเพื่อลดความเสี่ยงเช่น ทอง, เงิน, พลาสติก, ทองเหลือง หรือเครื่องประดับที่มีป้าย Nickel free
3. หลีกเลี่ยงการสวมใส่เครื่องประดับที่มีความเสี่ยงในการแพ้เพราะเครื่องประดับบางชนิดอาจไม่มีอาการแพ้ในช่วงแรก แต่เมื่อใช้ไปสักพักเมื่อสารที่ชุบลอกออกก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้
4. ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอย, กุ้ง, ถั่ว, กะหล่ำปลี, ต้นหอม,ผักกาด, นมถั่วเหลือง, ข้าวฟ่าง, ข้าวโอ๊ต, และขนมปังที่ทำจากข้าวชนิดดังกล่าว ผลไม้ เช่น ราสเบอรี่, สับปะรด, ลูกพรุน, อัลมอนด์,ช็อกโกแลต เป็นต้น
5. หากต้องใช้เครื่องประดับที่มีความเสี่ยงในการแพ้ ให้ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ Nickel block เพื่อให้ผิวสามารถทนต่อการสัมผัสสารนิกเกิลได้นานขึ้น
ทั้งนี้ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายไม่ว่าจะเนื่องมาจากสาเหตุพันธุกรรมหรือการแพ้นิกเกิล, โครเมียม, ปรอท, ทองแดงที่อยู่ในเครื่องประดับ จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม สารกันบูด ซึ่งจะเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายและให้ความปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวหนังมีความทนทานต่อการสัมผัสสารนิกเกิลอย่างยาวนาน หรือการทำทรีทเม้นท์ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย โดยใช้คุณสมบัติเด่นด้วยสารสกัดจากสาหร่ายทะเลน้ำลึกมาช่วยในการรักษาผิวอักเสบ ช่วยพื้นฟู บำรุงผิวให้แข็งแรง ขาวสดใสขึ้น ใครที่มีปัญหาเรื่องนี้สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้โดยตรง เพื่อความสวยใสและปลอดภัยของผิวคุณ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Jewerly-perfect, Pan Clinic
Powered by eardots
CONTACT US
หน้าที่เข้าชม | 1,027,839 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 583,352 ครั้ง |
เปิดร้าน | 18 ก.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 พ.ค. 2567 |