คุณรู้หรือไม่ ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2471 เป็นวันที่ประเทศไทยได้มีการถ่ายทอดวิทยุการกระจายเสียงเกิดขึ้นครั้งแรก วันนี้เราจึงอยากมาชวนให้ทุกคนนึกย้อนกลับไปถึงเทคโนโลยีที่ช่วยคลายความเหงาของเราในยุคแรก ๆ นั่นก็คือ รายการวิทยุ และนี่คือ

5 รายการวิทยุไทย ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ และเป็นต้นกำเนิดสำคัญ ๆ ของวงการบันเทิงบ้านเราในยุคนี้ก็ว่าได้

1.ครอบจักรวาล

ครอบจักรวาลเป็นรายการวิทยุชื่อดังที่จัดโดย หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นทั้งศิลปิน นักแสดง นักร้อง นักเขียน นักจัดรายการคลื่นวิทยุ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการแนะนำและจัดระดับความอร่อยของร้านอาหาร ในชื่อ “เชลล์ชวนชิม” สัญลักษณ์ชามลายผักกาด เป็นหนึ่งในไม่กี่รายการทอล์คโชว์ที่ประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจ เน้นการเล่าเรื่อง ไม่ใช่การพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นประวัติของบุคคลสำคัญ ความเป็นมาของสถานที่ต่าง ๆ การท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ รวมไปถึงการแนะนำอาหารจากที่ต่าง ๆ ทำให้รายการมีความน่าสนใจ เรื่องเล่าที่หลากหลายและทั่วทิศทางขนาดนี้ สมแล้วที่ชื่อรายการครอบจักรวาล โดยเสน่ห์ของรายการนี้คือการเล่าเรื่องที่มาจากประสบการณ์ของ มรว.ถนัดศรีเอง การันตีความรอบรู้จากรางวัลมากมาย ได้แก่

• รางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขารายการโทรทัศน์ดีเด่น พ.ศ. 2539
• รางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ. 2551
• รางวัลนราธิป "นักเขียนอาวุโส" พ.ศ. 2551
• รางวัลเกียรติยศคนทีวี ในงานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 25 ประจำปี พ.ศ. 2551

แม้ว่า หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ผลงานจากประสบการณ์ที่ทำให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วมจากการฟังเรื่องเล่ายังคงอยู่ในใจเราเสมอ ให้ทั้งสาระความรู้ ความสนุกและอบอุ่นใจไปพร้อม ๆ กันขณะฟังรายการวิทยุนี้ รายการครอบจักรวาลออกอากาศครั้งแรกที่สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก 94.0 FM และได้ย้ายไปจัดที่ 102 FM ในเช้าวันอาทิตย์เวลา 8.00 – 8.30 น.

2.The Shock

แน่นอนว่าระหว่างทางขับรถมีรายการวิทยุมากมายให้เราฟัง แต่ถ้าจะต้องขับรถในตอนกลางคืนล่ะก็.. อะไรที่จะทำให้ตื่นตัวและไม่ง่วงระหว่างที่ขับรถ หลายคนอาจฟังเพลง หลายคนอาจฟังข่าว แต่บางคนกลับชอบเรื่องลี้ลับสยองขวัญในตอนกลางคืน รายการฮิตและเป็นที่พูดถึงในเรื่องของการเล่าเรื่องผีนั่นก็คือ The Shock เรื่องราวขนหัวลุกที่ทำให้ผู้ฟังลุ้นตามกับเรื่องเล่าของผู้ฟังทางบ้านในแต่ละคืน รายการนี้ออกอากาศครั้งแรกในปี พ.ศ.2535 ในชื่อรายการ Smile Shock และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น The Shock ในพ.ศ.2540 ดำเนินรายการโดย “ป๋อง กพล ทองพลับ”  ร่วมกับ “เก่ง ยิ่งยศ, ป๋าอ๊อด อภิเดช, ตั้น อินดี้ และ ตั้ม รถขนไม้” ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงจะฟังแล้วกลัว แต่ก็ยังอยากฟัง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะหาความตื่นเต้นแบบนี้ได้ในชีวิตประจำวัน การฟังเรื่องสยองขวัญเลยเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ชีวิตมีความตื่นเต้นคลายเครียดลงได้บ้าง เรื่องราวสุดหลอนที่ไม่ซ้ำซากจำเจ จากผู้ฟังที่โทรเข้ามาเล่าประสบการณ์เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ที่บ้างเจอกับตัว และบ้างก็ว่าได้ยินต่อ ๆ กันมา บางสายเล่าได้อรรถรสจนเราขนลุกและลุ้นตามเรื่องราว รับรองได้เลยว่า บางเรื่องฟังแล้วต้องมีนอนไม่หลับกันบ้าง ในปัจจุบันรายการ The Shock ก็ยังจัดอยู่ ถ้าใครอยากฟังประสบการณ์เรื่องราวหลอน ๆ อย่าลืมไปฟังกันได้ที่รายการ The Shock Radio คลื่น 101 FM ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 0.00 – 3.00 น.

3.Hot Wave

Hot Wave คลื่นวิทยุสุดแนวของวัยรุ่น ในเครือบริษัทเอไทม์ ที่มีประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารอย่าง “พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ปิดตัวลงไปเมื่อปี พ.ศ. 2555 ในช่วงนั้นคลื่น Hot Wave ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากมีการจัดประกวด Hotwave Music Awards ที่เป็นการแข่งขันวงดนตรีในระดับมัธยมศึกษา โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2539 การประกวดนี้เป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้แสดงออกถึงความสามารถทางด้านดนตรี มีศิลปินชื่อดังจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จมาจากการประกวดรายการนี้ ไม่ว่าจะเป็น วงละอ่อน (ปัจจุบันคือวงบอดี้แสลม) วง Dream Project (มีนักร้องนำเป็นลุลา) วง Lucifer (ปัจจุบันคือวงแคลช) วงอะลุ่มอล่วย Band (ปัจจุบันคือวง Slot Machine) ถือได้ว่า Hot Wave เป็นรายการที่สร้างอนาคตและต่อยอดความฝันให้ใครหลายคน แต่น่าเสียดายที่หลังจากคลื่นวิทยุนี้ปิดตัวลงก็ได้ยกเลิกการประกวดนี้ไปด้วย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันได้มีการกลับมาประกวดอีกครั้ง แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว และได้มาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์แทน

4.FAT RADIO

สำหรับวัยรุ่นสายอินดี้คงพลาดไม่ได้กับรายการ Fat Radio เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2543 ดำเนินรายการโดย “น้าโด๋ว หรือ มรกต โกมลบุตร” โดยเปิดเพลงที่อยู่นอกกระแส เพลงจากศิลปินที่ไม่ได้อยู่ในค่ายเพลงใหญ่ ๆ จนทำให้ถูกขนานนามว่า “คลื่นเด็กแนว” กลุ่มเป้าหมายหลักของคลื่นนี้ก็คือกลุ่มวัยรุ่น ที่มักจะเสาะหาเพลงแบบที่ตอบสนองความรู้สึกของตัวเอง เป้าหมายของการสร้างรายการนี้ขึ้นมา ก็เพราะ “ป๋าเต๊ด ยุทธนา บุญอ้อม” และ “เฮนรี่ จ๋อง หรือ พงศ์นรินทร์ อุลิศ” ต้องการความแตกต่างและแปลกใหม่จากสิ่งที่มีอยู่ เลยตั้งใจที่จะเปิดเพลงทุกเพลงที่ชอบโดยไม่สนใจว่าใครเป็นคนร้อง และผลจากการให้ความสำคัญกับเพลงที่ไม่ได้มีความนิยม แต่ให้ความสำคัญไปที่คุณภาพและความสามารถของศิลปินที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเมื่อเทียบกับศิลปินในค่ายใหญ่ๆ ทำให้เกิด Fat Festival ต้นกำเนิด Music Festival ครั้งแรก ๆ ในประเทศไทยขึ้นมา ซึ่งเป็นเวทีที่ให้ศิลปินหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงความสามารถออกสู่สาธารณะ Fat Radio จัดอยู่ที่ 104.5 FM ภายหลังได้เปลี่ยนมาจัดที่ 98 FM แทน หลังจากจัดรายการมา 13 ปีเต็มก็ได้ปิดตัวลงไปเนื่องจากความนิยมไม่เท่าเดิม แต่ได้กลับมาเปิดอีกครั้งทางออนไลน์และได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น Cat Radio ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นชื่อของงาน Music Festival ที่ยังคงได้รับความนิยมของเหล่าเด็กแนวในยุคนี้

5.Club Friday

Club Friday (ปี พ.ศ.2548) เป็นรายการที่โด่งดังและขึ้นชื่อในเรื่องการโทรเข้าไปปรึกษาปัญหาหัวใจ แต่รู้หรือไม่ว่าความตั้งใจแรกเกิดจากการที่อยากให้ผู้ฟังได้ฟังคนคุยกันเฉย ๆ แต่พอเริ่มมีคนเข้ามาปรึกษาปัญหาความรักมากขึ้น จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของรายการ Club Friday คือการเปิดสายให้ผู้ฟังโทรเข้ามาปรึกษาและเล่าเรื่องความรักทุกคืนวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 21.00 - 23.00 น. โดยมี "ดีเจพี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล” และ “ดีเจพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ให้คำปรึกษาและแนะนำทางออกของปัญหาให้กับผู้ที่โทรเข้ามา ตัวผู้ฟังอาจได้คำแนะนำบางอย่างจากการฟังไปปรับใช้ได้กับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งได้แง่มุมเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้คิดทบทวนเรื่องราวและปัญหาของผู้ฟังเอง รายการนี้เป็นรายการที่ทำให้เปิดกว้าง ได้เห็นหลายแง่มุมในเรื่องของความรัก สิ่งสำคัญที่ทำให้รายการนี้ได้รับความนิยมมากเนื่องจากเมื่อผู้ชมโทรเข้ามาเล่าปัญหาความรัก ทำให้ผู้ฟังอีกหลาย ๆ คนสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของตัวเองได้ แน่นอนว่าเรื่องจริงบางเรื่องหนักหนายิ่งกว่าละคร ในแบบที่เราคาดคิดไม่ถึง บางเรื่องฟังแล้วก็แอบน้ำตาซึม บางเรื่องก็ฟังแล้วรู้สึกโกรธแทน เรียกได้ว่าได้รับหลายอารมณ์จากการฟังรายการนี้เลยทีเดียว จุดเด่นอีกอย่างคือ ทั้งดีเจพี่อ้อยและดีเจพี่ฉอด มักจะมีคำคมเด็ด ๆ ที่ให้แง่คิดในเรื่องของความรัก ปัจจุบันรายการนี้ก็ยังดำเนินอยู่ หากมีปัญหาหัวใจก็สามารถเข้าไปฟัง Club Friday ได้ที่คลื่น Green Wave ที่คลื่น 106.5 FM หรือจะโทรเข้าไปปรึกษาปัญหาบ้างก็ได้นะ

ในสมัยนี้หากจะต้องเดินทางบนท้องถนนและเจอกับปัญหารถติด การใช้ชีวิตบนรถเป็นเวลานานอาจไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อมากถ้าเทียบกับเมื่อก่อน เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีพัฒนาจนเราอยากจะฟังเพลงอะไรก็สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้เลย ไม่ต้องเจอเพลงที่ไม่ถูกใจ แต่สำหรับวิทยุแล้ว ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะเบื่อเมื่อเจอสัญญาณขาด ๆ หาย ๆ บ้าง รำคาญเสียงคนโทรเข้ามาขอเพลงบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวิทยุ บางทีการเปลี่ยนไปฟังวิทยุแทนการฟังเพลงจากในโทรศัพท์ อาจจะช่วยให้เราคลายความคิดถึงในวันเก่า ๆ ได้ อย่าลืมกลับไปย้อนฟังหรือสนับสนุนคลื่นวิทยุเหล่านี้บ้างนะ !

Thai PBS Podcast อีกหนึ่งทางเลือกของการฟังเรื่องราวต่าง ๆ คลิกไปลองฟังได้เลย