กลุ่มสารฆ่าแมลงและไรตามกลไกการออกฤทธิ์
กลุ่มสารฆ่าแมลงและไรตามกลไกการออกฤทธิ์
1. สารกลุ่มยับยั้งเอนไซม์อะเซททิลโคลินเอสเทอเรส สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยเป็นตัวยับยั้งการทำงาน (inhibitor) ของเอนไซม์อะเซทิลโคลินเอสเทอเรส ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสารสื่อประสาทชนิด acetyl choline ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดกระแสประสาทที่บริเวณปลายประสาท (synapse)จากเซลประสาทหนึ่งไปสู่อีกเซลประสาทหนึ่งในระบบประสาทส่วนกลางของแมลง (central nervoussystem, CNS) การยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะเซทิลโคลินเอสเทอเรสทำให้มีการคั่งของสารสื่อประสาท acetyl choline ที่บริเวณปลายประสาทในปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดการถ่ายทอดกระแสประสาทไม่หยุดและเกิดมากเกินไป (hyperexcitation) จนทำให้แมลงตาย
- 1A สารคาร์บาเมท (Carbamates)Alanycarb, Aldicarb, Bendiocarb, Benfuracarb,Butocarboxim, Butoxycarboxim, Carbaryl,
Carbofuran, Carbosulfan, Ethiofencarb,Fenobucarb, Formetanate, Furathiocarb,Isoprocarb, Methiocarb, Methomyl,Metolcarb, Oxamyl, Pirimicarb, Propoxur,Thiodicarb, Thiofanox, Triazamate,Trimethacarb, XMC, Xylylcarb
- 1B สารออร์แกนโนฟอสเฟต(Organophosphates)Acephate, Azamethiphos, Azinphos-ethyl,Azinphosmethyl, Cadusafos, Chlorethoxyfos,Chlorfenvinphos, Chlormephos, Chlorpyrifos,Chlorpyrifos-methyl, Coumaphos, Cyanophos,Demeton-S-methyl,Diazinon, Dichlorvos/DDVP, Dicrotophos, Dimethoate,Dimethylvinphos, Disulfoton, EPN, Ethion,Ethoprophos, Famphur, Fenamiphos,Fenitrothion, Fenthion, Fosthiazate,Heptenophos, Imicyafos, Isofenphos,Isopropyl O(methoxyaminothio-phosphoryl)salicylate, Isoxathion, Malathion, Mecarbam,Methamidophos, Methidathion, Mevinphos,Monocrotophos, Naled, Omethoate,Oxydemeton-methyl, Parathion, Parathionmethyl,Phenthoate, Phorate, Phosalone,Phosmet, Phosphamidon, Phoxim,Pirimiphosmethyl,Profenofos, Propetamphos,Prothiofos, Pyraclofos, Pyridaphenthion,Quinalphos, Sulfotep, Tebupirimfos,Temephos, Terbufos, Tetrachlorvinphos,Thiometon, Triazophos, Trichlorfon,Vamidothion
2. สารกลุ่มที่หยุดการทำงานของช่องคลอไรด์ที่ทำงานโดยกรดแกมมา อะมิโนบิวไทริค (GABA) สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยไปขัดขวาง (block) การทำงานของช่องคลอไรด์ที่ทำงานโดยกรดแกมมาอะมิโนบิวไทริค(GABA-gated chloride channel) ทำให้ไม่สามารถลดระดับการส่งกระแสประสาทได้ นอกจากนี้สารกลุ่มนี้บางชนิดยังสามารถขัดขวางการทำงานของช่องคลอไรด์ที่ทำงานโดยกลูตาเมท (Glutamate-gatedchloride channel) ได้ด้วย เช่นสารฟิโปรนิล ซึ่งจะทำให้ chloride ion ไม่สามารถไหลเข้าไปภายในเซลประสาทเพื่อลดระดับกระแสประสาท (potential) ทำให้มีการส่งกระแสประสาทมากผิดปกติ(hyperexitation)
- 2A สารไซโคลไดอีน (Cyclodiene)Chlordane, Endosulfan
– 2B สารฟีนีลไพราโซล(Phenylpyrazoles)Ethiprole, Fipronil
3. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานของช่องโซเดียม สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยจะไปปรับ (modulator) ของ voltagegatedsodium channel ที่บริเวณผิว axon ของเซลประสาท ทำให้การปิดของ voltage-gated sodiumchannel ช้ากว่าปกติ ทำให้ช่วงการถ่ายทอดกระแสประสาทเกิดยาวนาน (hyperexitation) สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วมาก ทำให้แมลงตายทันทีเมื่อแมลงได้รับสารโดยเรียกอาการตายทันทีว่า“knockdown”
-3 A สารไพรีทริน (Pyrethrins) และไพรีทรอยด์ (Pyrethroids)Acrinathrin, Allethrin, d-cis-trans Allethrin, dtransAllethrin, Bifenthrin, Bioallethrin,Bioallethrin S-cyclopentenyl isomer ,Bioresmethrin, Cycloprothrin, Cyfluthrin, beta-Cyfluthrin,Cyhalothrin, lambda-Cyhalothrin,gamma-Cyhalothrin, Cypermethrin,alpha-Cypermethrin, beta-Cypermethrin,thetacypermethrin, zeta-Cypermethrin,Cyphenothrin , (1R)-trans- isomers],Deltamethrin, Empenthrin (EZ)-(1R)- isomers],Esfenvalerate, Etofenprox, Fenpropathrin,Fenvalerate, Flucythrinate, Flumethrin, tau-Fluvalinate, Halfenprox, Imiprothrin,Kadethrin,Permethrin, Phenothrin [(1R)-transisomer],Prallethrin, Pyrethrins (pyrethrum),Resmethrin, Silafluofen, Tefluthrin,Tetramethrin, Tetramethrin [(1R)-isomers],Tralomethrin, Transfluthrin,
- 3B สารดีดีที (DDT) และเมท็อกซีคลอร์(Methoxychlor)DDT, Methoxychlor
4. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานของตัวรับสารอะเซติลโคลีนชนิดนิโคตินิกโดยการจับแบบแข่งขัน สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทคล้ายกับสารนิโคตินที่พบในใบยาสูบ โดยสารจะเลียนแบบ (agonist) การทำงานของสารสื่อประสาท acetylcholine สารกลุ่มนี้จะไปแข่งขัน (แย่งกัน) กับสารอะเซติลโคลีนในการจับที่ตัวรับสารอะเซติลโคลีนชนิดนิโคตินิก (nicotinicacetylcholine receptor, nAChR) ที่ผิวของปลายเซลประสาทบริเวณ synapse แล้วกระตุ้นให้ nAChRsทำงานในการส่งกระแสประสาทที่มากผิดปกติ(overstimulation) ในระยะแรก ส่วนระยะต่อมาเมื่อสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้จับที่ตัวรับสารอะเซติลโคลีนชนิดนิโคตินิกนานๆ จะทำให้ตัวรับเปลี่ยนรูปทรงไปเป็นรูปทรงที่ไม่สามารถทำงานได้ (desensitized) หรือnAChD สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้มีพิษสูงมากต่อผึ้ง จึงไม่ควรใช้ในพืชช่วงที่พืชกำลังออกดอกและมีผึ้งมาช่วยผสมเกสร
-4A สารนีโอนิโคตินอยด์(Neonicotinoids)Acetamiprid, Clothianidin, Dinotefuran,Imidacloprid, Nitenpyram, Thiacloprid,
Thiamethoxam
– 4B Nicotine
– 4C Sulfoximines
– 4D สารบูทีโนไลด์ (Butenolides) Flupyradifurone
– 4E สารเมโสไอโอนิกส์ (Mesoionics) Triflumezopyrim
5. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานของตัวรับสารอะเซติลโคลินชนิดนิโคตินิกโดยการจับที่ตำแหน่งแอลโลสเตอริกที่ตำแหน่งที่ 1 สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะไปจับที่ตัวรับสารอะเซติลโคลินชนิดนิโคตินิก (nicotinic acetylcholine receptors,nAChRs) ที่ตำแหน่งแอลโลสเตอริกที่ตำแหน่งที่ 1 ที่ผิวของปลายเซลประสาทบริเวณ synapse ซึ่งจะแตกต่างจากสารกลุ่ม 32 โดยสารฆ่าแมลงในกลุ่ม 5 จะไปจับที่ nAChRs ในตำแหน่ง macrocycliclactone site ซึ่งอยู่ห่างจากตำแหน่งที่สารฆ่าแมลงที่อยู่ในกลุ่ม 4 จับ (สารฆ่ากลุ่ม 4 จับที่ nAChRs ในตำแหน่งที่ acetylcholine จับ) การจับของสารฆ่าแมลงในกลุ่ม 5 จะกระตุ้นให้ nAChRs ทำงานในการส่งกระแสประสาทมากผิดปกติ (hyperexcitation) คล้ายๆ กับสารฆ่าแมลงที่อยู่ในกลุ่ม 4 ได้แก่ Spinetoram, Spinosad
6. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานของช่องคลอไรด์ที่ทำงานโดยกลูตาเมตโดยการจับที่ตำแหน่งแอลโลสเตอริก สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยจะไปยับยั้งการนำกระแสประสาทระหว่างเซลประสาทและเซลกล้ามเนื้อ โดยสารกลุ่มอะเวอเมคตินจะไปกระตุ้นการจับของ glutamate ที่ Glutamate-gated chloridechannels (GluCls) บริเวณปลายเซลประสาทที่เชื่อมต่อกับเซลกล้ามเนื้อ ทำให้คลอไรด์ไอออนจำนวนมากไหลผ่านช่องคลอไรด์เข้าไปในเซลประสาท จึงเกิดการยับยั้งกระแสประสาท หรือเกิดhyperpolarization ขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อแมลงเป็นอัมพาต ได้แก่ Abamectin, Emamectin benzoate, Lepimectin, Milbemectin
7. สารกลุ่มเลียนแบบฮอร์โมนจูวีไนล์ สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ขัดขวางกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแมลง (metamorphosis) จากตัวอ่อน (larval stage)ไปเป็นตัวเต็มวัย (adult stage) โดยสารกลุ่มนี้จะไปเลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนจูวีไนล์ (Juvenilehormone, JH) โดย การเข้าไปจับที่ juvenilehormone receptor ทำให้เกิดการยับยั้งการแสดงออกของยีน (gene expression) ต่างๆ ที่จำเป็นในขบวนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแมลง(metamorphosis) ส่งผลให้แมลงมีการลอกคราบที่ไม่สมบูรณ์ สภาพเป็นตัวอ่อนผิดปกติ และไม่สามารถเจริญเป็นตัวเต็มวัยได้ นอกจากนี้สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังมีผลในการฆ่าไข่ของแมลง (ovicidal effect) อีกด้วย
- 7A สารจูวีไนล์ฮอร์โมนอานาล็อก(Juvenile hormone analoguesHydroprene, Kinoprene, Methoprene
- 7B Fenoxycarb
- 7C Pyriproxyfen
8. สารกลุ่มที่ยับยั้งกลไกการทำงานของร่างกายแบบไม่เฉพาะเจาะจง (ยับยั้งหลายจุด) สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้เป็นสารที่ว่องไวในการทำปฏิกิริยา สารจะไปจับที่โปรตีนต่างๆในร่างกายแมลงแล้วเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความจำเพาะเจาะจงของโปรตีนนั้นๆ ทำให้โปรตีนในอวัยวะต่างๆ มีโครงสร้างผิดปกติและไม่สามารถทำงานตามหน้าที่ได้ สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้จึงมีผลในการยับยั้งกลไกการทำงานของร่างกายอย่างไม่จำเพาะเจาะจงได้ในหลายๆ จุด
- 8A แอลคิล เฮไลด์ (Alkyl halides)Methyl bromide
– 8B คลอโรพิคริน (Chlorpicrin)
– 8C ฟลูออไรด์ (Fluorides) Cryolite (Sodium aluminum fluoride), Sulfuryl fluoride
– 8D โบเรต (Borates) Borax, Boric acid, Disodium octaborate, Sodium borate, Sodium metaborate
– 8E ตาตา อีมีติกTatar emetic
– 8F สารที่ทำให้เกิดเมธิลไอโซไธโอไซยาเนท (Methyl isothiocyanate generators) Dazomet, Metam
9. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานของช่อง TRPV ที่ Chordotonal organ สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ไปปรับการทำงานของช่อง Transient receptor potential vanilloid (TRPVchannel) ใ น chordotonal organ ซึ่ งchordotonal organ เป็นอวัยวะรับความรู้สึกที่มีกระจายทั่วร่างกายแมลง มีหน้าที่สำคัญในการรับความรู้สึกต่างๆ เช่น การสัมผัสและประสานงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ ในแมลงพวกมวน (Homoptera) การทำงานของ chordotonal organ จะช่วยให้แมลงเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของปากในการดูดกินน้ำเลี้ยงพืชอย่างเป็นปกติ สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายของแมลงจะไปรบกวนการทำงานของ chordotonalorgan จึงทำให้แมลงไม่สามารถดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชได้ เกิดการหยุดดูดกินพืชอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันมักใช้สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ในการป้องกันกำจัด เพลี้ยจักจั่นเพลี้ยอ่อน และแมลงหวี่ขาว สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้มีพิษน้อยต่อแมลงที่มีประโยชน์
- 9B สารอนุพันธ์ของไพริดีน อะโซเมธีน (Pyridine azomethine) Pymetrozine, Pyrifluquinazon
- 9D สารไพโรพีน (Pyropenes)Afidopyropen
10. สารกลุ่มที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของไรโดยไปจับที่เอนไซม์ chitin synthase (CHS1) สารกลุ่มนี้ยับยั้งการเจริญเติบโตของไรศัตรูพืช โดยสารจะไปจับที่เอนไซม์ chitinsynthase (CHS1) ทำให้ยับยั้งการสังเคราะห์สารไคติน (chitin) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผนังลำตัวของไร สารชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการฆ่าไข่ และตัวอ่อนไร ได้ดี แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าตัวเต็มวัยไร
– 10A Hexythiazox, Clofentezin, Diflovidazin
– 10B Etoxazole
11. สารกลุ่มจุลินทรีย์ที่ทำลายผนังเนื้อเยื่อลำไส้ส่วนกลางของแมลง สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ที่ลำไส้ส่วนกลางของแมลง โดยเชื้อบาซิลลัส ทูริงเจนซิสซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมบวกที่สามารถสร้างผลึกโปรตีนสารพิษในตัว เมื่อแมลงกินผลึกโปรตีนของเชื้อชนิดนี้ผลึกก็จะละลายภายใต้สภาพด่างของทางเดินอาหารของแมลง และปลดปล่อยสารพิษ (Cry toxins)ออกมา สารพิษที่ถูกปลดปล่อยออกมาตอนแรกยังอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นพิษ (protoxin) ต่อมาน้ำย่อยภายในทางเดินอาหารของแมลงจะย่อยสารพิษที่อยู่ในสภาพที่ไม่เป็นพิษจนกลายเป็นสารที่เป็นพิษ (toxin) ต่อแมลง สารพิษนี้จะไปจับกับcadherin ที่บริเวณผิวของทางเดินอาหารส่วนกลาง ทำให้เกิดการสร้างรู (pores)ที่ผนังทางเดินอาหารของแมลง ทำให้เกิดการสูญเสียสมดุลของร่างกาย เช่น สมดุลของไอออนต่างๆ แมลงเกิดอาการป่วยและติดเชื้อในกระแสโลหิตตาย(septicemia)
- 11A บาซิลลัส ทูรินเยนสิส (Bacillus thuriniensis) และโปรตีนสารพิษที่สร้างขึ้นมาของ Bacillus thuringiensis subsp. israelensis Bacillus thuringiensis subsp. aizawai Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki Bacillus thuringiensis subsp. Tenebrionis
- 11B บาซิลลัส สเฟียริคัส (Bacillus sphaericus) และโปรตีนสารพิษที่สร้างขึ้นมา
12. สารกลุ่มที่ยับยั้งเอนไซม์เอทีพี ซินเธส ในไมโตคอนเดรีย สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์กับระบบผลิตพลังงาน โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ATP synthase ใน mitochondria เอนไซม์นี้ทำหน้าที่ในการสังเคราะห์ ATP ซึ่งเป็นสารที่เซลใช้เป็นแหล่งพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้จึงทำให้เซลต่างๆ ของแมลงขาดพลังงาน
– 12A ไดอะเฟนไธยูรอนDiafenthiuron
– 12B ออร์แกนโนติน ไมติไซด์ (Organotin miticides) Azocyclotin, Cyhexatin, Fenbutatin oxide
– 12C โพรพาไกท์ Propagite
– 12D เตตราไดฟอน Tetradifon
13. สารกลุ่มอันคับเพล่อ (uncouplers) ที่รบกวนการเกิดปฏิกิริยาเติมหมู่ฟอสเฟต (การสร้าง ATP) โดยขัดขวางการเกิดความต่างระดับของโปรตอน สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์กับระบบผลิตพลังงาน โดยสารจะเข้าไปรับโปรตอนจากบริเวณกลางๆ ของผนังชีวภาพภายในไมโตคอนเดรีย(inner membrane) ที่มีโปรตอนปริมาณมากๆ และส่งโปรตอนข้ามผนังชีวภาพเข้าไปตรงบริเวณช่องว่าง(matrix) ด้านในสุดของไมโตคอนเดรีย จากนั้นสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ก็จะข้ามผนังชีวภาพกลับเข้ามาอีกเพื่อไปรับโปรตอนจากบริเวณกลางๆ ของผนังชีวภาพภายในไมโตคอนเดรียอีก แล้วส่งโปรตอนเข้าไปภายในบริเวณช่องว่างของไมโตคอนเดรียอีก ทำเช่นนี้ซ้ำกันเรื่อยๆจึงเป็นการขัดขวางการเกิดความต่างระดับของโปรตอนภายในไมโตคอนเดรีย ทำให้ไม่สามารถสังเคราะห์ ATP ได้ แมลงจึงขาดพลังงานและตายในที่สุด ได้แก่ Chlorfenapyr, DNOC, Sulfluramid
14. สารกลุ่มที่ขวางช่องของตัวรับสารอะเซติลโคลินชนิดนิโคตินิก สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์กับระบบประสาทสารกลุ่มนี้ได้แก่ สารพวก
thiocarbamate หรือ สารเนรีสท็อกซิน อานาล็อก (nereistoxin analogues) เช่น bensultap, cartap hydrochloride, thiocyclam, thiosultap-sodium สารกลุ่มนี้เป็น proinsecticides ทั้งหมด หมายความ ว่าสารกลุ่มนี้ไม่มีพิษต่อแมลงโดยทันที แต่เมื่อแมลงได้รับสารกลุ่มนี้เข้าสู่ร่างกาย สารจะถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีจนกลายเป็นสารอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เนรีสท็อกซิน (nereistoxin) ซึ่งจะมีพิษสูงต่อแมลงโดยจะไปขวาง (block) ที่ช่องทางผ่านของไอออนของตัวรับสารอะเซติลโคลินชนิดนิโคตินิก(nicotinic acetylcholine receptors) ท ำ ใ ห ้ไ ม่สามารถส่งกระแสประสาทได้ และเป็นอัมพาต เช่น Bensultap, Cartap hydrochloride, Thiocyclam, Thiosultap-sodium
15. สารกลุ่มที่ยับยั้งการสังเคราะห์ไคตินโดยไปจับที่เอนไซม์ chitin synthase (CHS1) สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโต สารกลุ่มนี้ได้แก่ สารกลุ่มเบนโซอิลยูเรีย ซึ่งเป็นสารอนุพันธ์ของยูเรีย (H2NCONH2)มีคุณสมบัติในการควบคุมการเจริญเติบโตของแมลงในระยะหนอนผีเสื้อ โดยสารจะไปจับกับเอนไซม์ chitinsynthase (CHS1) ทำให้ยับยั้งการสังเคราะห์สารไคติน (chitin) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผนังลำตัวของหนอนผีเสื้อ เมื่อแมลงไม่มีสารไคตินที่ผนังลำตัวจึงทำให้แมลงตายในขั้นตอนการลอกคราบเนื่องจาก ผนังลำตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่จะไม่แข็งแรงเปราะบางผิดปกติปริแตกง่าย ทำให้น้ำระเหยออกจากลำตัวแมลงได้ง่ายภายหลังการลอกคราบ แมลงจึงขาดน้ำตาย นอกจากนี้ผนังลำตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่จะอ่อนนิ่มเกินไป ไม่สามารถพยุงโครงสร้างรูปทรงของอวัยวะต่างๆ ได้ ทำให้แมลงพิการ เช่น Bistrifluron, Chlorfluazuron, Diflubenzuron,Flucycloxuron, Flufenoxuron, Hexaflumuron, Lufenuron, Novaluron, Noviflumuron, Teflubenzuron, Triflumuron
16. สารกลุ่มที่ยับยั้งการสังเคราะห์ไคติน ชนิด 1 ฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโตคล้ายกับสารฆ่าแมลงกลุ่ม 15 คือยับยั้งการสังเคราะห์สารไคติน แต่สารกลุ่ม 16 จะออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับแมลงปากดูดในอันดับHomoptera ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอยเพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดด และแมลงหวี่ขาว จึงแตกต่างกับสารกลุ่ม 15 ซึ่งจะออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับหนอนผีเสื้อและหนอนด้วงเท่านั้น เช่นBuprofezin
17. สารกลุ่มที่ขัดขวางการลอกคราบในพวกหนอนแมลงวัน สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโต โดยขัดขวางการเจริญเติบโต
และพัฒนาของหนอนแมลงในอันดับ Diptera ซึ่งได้แก่ หนอนแมลงวันชนิดต่างๆ โดยการรบกวนการทำงานของระบบฮอร์โมนที่ควบคุมการลอกคราบ ทำให้ไม่สามารถลอกคราบตามปกติได้ เช่น Cyromazine
18. สารกลุ่มที่ทำให้ตัวรับฮอร์โมนเอคไดโซนทำงาน สารฆ่าแมลงในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโต สารกลุ่มนี้ได้แก่ สารกลุ่มไดเอซิลไฮดราซีน (diacylhydrazines) ซึ่งเป็นสารอนุพันธ์ของไฮดราซีน (H2N-NH2) สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ควบคุมการเจริญเติบโตของแมลง โดยจะไปเหนี่ยวนำให้แมลงเกิดการลอกคราบก่อนเวลาที่สมควร กลไกการออกฤทธิ์ของสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้คือการเลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนเอ็คไดโซน (ecdysone) ที่ทำหน้าที่ในการลอกคราบ โดยโมเลกุลของสารฆ่าแมลงจะไปจับกับตัวรับฮอร์โมนเอ็คไดโซน (ecdysone receptors) ทำให้ตัวรับฮอร์โมนเอ็คไดโซนเกิดการกระตุ้นและทำงานโดยส่งสัญญาณให้ยีนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลอกคราบทำงาน (geneexpression) ในช่วงจังหวะเวลาที่ไม่เหมาะสม ผลที่ได้คือแมลงมีการสร้างผนังลำตัวใหม่ที่ผิดปกติ ไม่สมบูรณ์แมลงไม่สามารถลอกคราบเก่าออกจากลำตัวได้ ทำให้การลอกคราบผิดปกติและแมลงจะตายในที่สุด สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์กับหนอนผีเสื้อและหนอนด้วง ได้แก่ Chromafenozide, Halofenozide, Methoxyfenozide, Tebufenozide
19. สารกลุ่มที่ทำให้ตัวรับสารอ็อกโตปามีนทำงาน สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยการทำหน้าที่คล้ายสารสื่อประสาทชนิดอ็อกโตปามีน (octopamine) ของแมลง ซึ่งสารสื่อประสาทชนิดอ็อกโตปามีนในแมลงนี้จะทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนอะดรีนาลีนในคน คือทำให้เกิดอาการตื่นตัว และมีพละกำลังมากเพื่อหนีหรือต่อสู้เอาชีวิตรอดจากภัยอันตราย เมื่อแมลงได้รับสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้เข้าไปในร่างกาย สารจะไปจับที่ตัวรับสารอ็อกโตปามีน (octopamine receptor) แล้วกระตุ้นให้เกิดการผลิตสาร cAMP ในปริมาณที่สูงมากในเซล สาร cAMPที่ผลิตขึ้นมาจะไปกระตุ้นให้ร่างกายแมลงเกิดการตื่นตัวในระดับที่สูงมาก (hyperexcitation) จนเกิดอาการสั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ และไม่สามารถกินอาหารได้ เช่น Amitraz
20. สารกลุ่มที่ยับยั้งการขนส่งอิเลกตรอนที่คอมเพล็กซ์ 3 ในไมโตคอนเดรีย สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการผลิตพลังงาน โดยการยับยั้งการขนส่งอิเลกตรอนที่โปรตีนคอมเพล็กซ์ 3 ในไมโตคอนเดรียของเซลจึงยับยั้งขบวนการผลิตพลังงานในรูป ATP และแมลงจะตายเนื่องจากการขาดพลังงาน
– 20A ไฮดราเมธิลนอน Hydramethylnon
– 20B อะซีควิโนซิล Acequinocyl
– 20C ฟลูอะไครไพริม Fluacrypyrim
– 20D ไบฟีนาเซท Bifenazate
21. สารกลุ่มที่ยับยั้งการขนส่งอิเลกตรอนที่คอมเพล็กซ์ 1 ในไมโตคอนเดรีย สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการผลิตพลังงาน สารกลุ่มนี้สามารถฆ่าแมลงและไรโดยสารจะไปยับยั้งขบวนการถ่ายทอดอิเลคตรอนที่โปรตีนคอมเพล็กซ์ I ซึ่งอยู่ภายในไมโตคอนเดรีย(mitochondrial complex I electron transportinhibitors, MET I) จึงยับยั้งขบวนการผลิตพลังงานในรูป ATP ทำให้แมลงและไรเป็นอัมพาต (paralysis)และตายเนื่องจากการขาดพลังงาน สารกลุ่มนี้มีฤทธิ์กว้างและออกฤทธิ์เร็วต่อแมลงทั้งปากกัดและปากดูด
- 21A เอ็มอีทีวัน อะคาริไซด์ (METI acaricides)Fenazaquin, Fenpyroximate, Pyridaben,Pyrimidifen, Tebufenpyrad, Tolfenpyrad
- 21B โรติโนน (Rotinone) Rotenone (Derris)
22. สารกลุ่มที่เป็นตัวขวางช่องโซเดียมที่ทำงานโดยความต่างศักย์ไฟฟ้า สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยการไปขวาง (block) ที่ช่องทางผ่านของโซเดียม (sodium channels) ที่เซลประสาท จึงทำให้ไม่เกิดการถ่ายทอดกระแสประสาทและแมลงเป็นอัมพาต (paralyze)
- 22A อ๊อกซาไดอะซีน (Oxadiazines) Indoxacarb
– 22B เซมิคาร์บาโซน (Semicarbazones) Metaflumizone
23. สารกลุ่มที่ยับยั้งเอ็นไซม์อะเซทิล โคเอ คาร์บ็อกซิเลส สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโต โดยยับยั้งเอนไซม์ acetyl coenzyme A carboxylase (ACCase) ซึ่งมีหน้าที่ในการสังเคราะห์กรดไขมัน (fatty acids) เพื่อนำไปสร้างผนังเซลของแมลงในกระบวนการเจริญเติบโตและพัฒนา แมลงที่ได้รับสารกลุ่มนี้จึงไม่สามารถสังเคราะห์กรดไขมันได้ ทำให้ตัวอ่อนแมลงหยุดการเจริญเติบโต ได้แก่ Spirodiclofen, Spiromesifen, Spiropidion, Spirotetramat
24. สารกลุ่มที่เป็นตัวยับยั้งการขนส่งอิเลคตรอนที่คอมเพล็กซ์ 4 ในไมโตคอนเดรีย สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการผลิตพลังงาน ได้แก่ แก๊สฟอสฟีน(phosphine) และไซยาไนด์ ซึ่งออกฤทธิ์โดยสารจะไปยับยั้งขบวนการถ่ายทอดอิเลคตรอนที่โปรตีนคอมเพล็กซ ์ IV ซึ่งอยู่ภายในไมโตคอนเดรีย(mitochondrial complex IV electron transportinhibitors, MET IV) จึงยับยั้งขบวนการผลิตพลังงานในรูป ATP ทำให้แมลงตายเนื่องจากการขาดพลังงาน
- 24A ฟอสไฟด์ (Phosphides)Aluminium phosphide, Calcium phosphide, Phosphine, Zinc phosphide
– 24B ไซยาไนด์ (Cyanides)Calcium cyanide, Potassium cyanide, Sodiumcyanide
25. สารกลุ่มที่เป็นตัวยับยั้งการขนส่งอิเลคตรอนที่คอมเพล็กซ์ 2 ในไมโตคอนเดรียสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการผลิตพลังงาน โดยการยับยั้งขบวนการถ่ายทอดอิเลคตรอนที่โปรตีนคอมเพล็กซ์ II ซึ่งอยู่ภายในไมโตคอนเดรีย (mitochondrial complex IIelectron transport inhibitors, MET II) จ ึง ย ับ ยั้งขบวนการผลิตพลังงานในรูป ATP ทำให้แมลงตายเนื่องจากการขาดพลังงาน
- 25A อนุพันธุ์ของ Beta-ketonitrileม Cyenopyrafen, Cyflumetofen
- 25B คาร์บอกซานิไลด์(Carboxanilides) Pyflubumide
26. รอข้อมูล
27. รอข้อมูล
28. สารกลุ่มที่เป็นตัวปรับการทำงานของตัวรับชนิดไรยาโนดีน สารฆ่ากลุ่มนี้เป็นสารที่มีกลไกการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยสารจะเข้าไปภายในเซลกล้ามเนื้อแมลง แล้วไปที่บริเวณsarcoplasmic reticulum ซึ่งเป็นที่เก็บสะสม calcium ion แล้วสารจะไปจับตรง ryanodinereceptors ที่อยู่บริเวณผิวของ sarcoplasmicreticulum ทำให้เกิดการกระตุ้นการปลดปล่อยcalcium ion ออกมาภายในเซล กล ้ามเนื้อ ซึ่งcalcium ion จะไปเหนี่ยวนำทำให้กล้ามเนื้อแมลงเกิดการหดตัว กล่าวได้ว่าสารฆ่ากลุ่มนี้ไปจับและกระตุ้นที่ryanodine receptors ทำให้เกิดการปลดปล่อย calcium ion ออกมาเรื่อยๆ จึงทำให้กล้ามเนื้อแมลงเกิดการหดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เกิดการคลายตัวกล้ามเนื้อแมลงจึงไม่สามารถทำงานเป็นปกติได้ เช่นกล้ามเนื้อส่วนปากไม่สามารถทำงานในการกัดกินใบพืชได้ แมลงไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย และเป็นอัมพาต เช่น Chlorantraniliprole, Cyantraniliprole, Cyclaniliprole, Flubendiamide, Tetraniliprole
29. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานที่ Chordotonal organ สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาท โดยไปปรับการทำงานของchordotonal organ โดยสารไปจับที่จุดจับอื่นซึ่งเป็นคนละจุดกับสารฆ่าแมลงในกลุ่ม 9 ซึ่ง chordotonalorgan เป็นอวัยวะรับความรู้สึกที่มีกระจายอยู่ทั่วร่างกายแมลง มีหน้าที่สำคัญในการรับความรู้สึกต่างๆเช่น การสัมผัสและประสานงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายให้เป็นไปตามปกติในแมลงพวกมวน (Homoptera) การทำงานของchordotonal organ จะช่วยให้แมลงเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของปากในการดูดกินน้ำเลี้ยงพืชอย่างเป็นปกติสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายของแมลงจะไปรบกวนการทำงานของ chordotonal organ จึงทำให้แมลงไม่สามารถดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชได้ เช่น Flonicamid
30. สารที่ปรับการทำงานของ GABA-gated chloride channel ที่ตำแหน่งแตกต่างจากสารกลุ่ม 2 สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยไปปรับการทำงาน (modulate) การทำงานของช่องคลอไรด์ที่ทำงานโดยกรดแกมมาอะมิโนบิวไทริค (GABA-gated chloride channel) ทำให้การการส่งกระแสประสาทผิดปกติ ได้แก่ Broflanilide, Fluxametamide
31. สารกลุ่ม Baculoviruses ที่มีความจำเพาะในการเกิดโรคต่อแมลง สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้เป็นไวรัสที่ออกฤทธิ์ที่ลำไส้ของแมลง ไวรัส baculovirus ชนิดต่าง ๆ จะทำลายแมลงต่าง order ต่าง ๆ ได้แตกต่างกัน เนื่องจาก baculovirus แต่ละชนิดจะมี baculovirusuniquePer os Infectivity Factor (PIF) proteinComplex ซึ่งจะช่วยในการจับกับ PIF targets ที่เซลลำไส้ส่วนกลางของแมลงได้ต่างกันสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ ได้แก่ Granuloviruses (GVs) ซึ่งได้แก่ Cydia pomonella GV, Thaumatotibialeucotreta GV และ Nucleopolyhedroviruses(NPVs) ซึ่งได้แก่ Anticarsia gemmatalis MNPV, Helicoverpa armigera NPV
32. สารกลุ่มที่ปรับการทำงานของตัวรับสารอะเซติลโคลินชนิดนิโคตินิกโดยการจับที่ตำแหน่งแอลโลสเตอริกที่ตำแหน่งที่ 2 สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะไปจับที่ตัวรับสารอะเซติลโคลินชนิดนิโคตินิก (nicotinic acetylcholine receptors, nAChRs) ที่ผิวของปลายเซลประสาท ที่ตำแหน่งที่ 2 ซึ่งจะแตกต่างจากสารกลุ่ม 5 สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ ได้แก่ GS-omega/kappa HXTXHv1aซึ่งป็น peptide ที่ได้จากพิษของแมงมุม
กลุ่ม UN (Unknown) ที่กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัดสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนได้แก่ สาร azadirachtin สาร benzoximate สารbromopropylate สาร chinomethionat สาร dicofol สาร pyridalyl สาร sulfur สาร lime sulfur และสาร mancozeb
กลุุ่ม UNB (Unknown B) เป็นแบคทีเรีย (ที่ไม่ใช่ Bt) ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัดสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย Burkholderia spp. และWolbachia pipientis (Zap)
กลุ่ม UNE (Unknown E) เป็นสารจากพืช ได้แก่ สารสังเคราะห์ สารสกัด และสารพวกน้ำมัน กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัด สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอน ได้แก่ สารสกัดจากพืช Chenopodium ambrosioides near ambrosioides extract, สาร Fatty acid monoesters with glycerol หรือ propanediol จากพืช และสารพวกน้ำมันจากสะเดา (Neem oil)
กลุ่ม UNF (Unknown F) เป็นสารจากเชื้อรา ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัด สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอน ได้แก่ เชื้อรา Beauveria bassiana strains, Metarhizium anisopliae strain F52 และ Paecilomyces fumosoroseus Apopka strain 97
กลุ่ม UNM (Unknown M) เป็นสารที่ไปขัดขวางการทำงานของโปรตีนทั่วไปที่ไม่จำเพาะเจาะจง โดยวิธีกล ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัดสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนได้แก่ Diatomaceous earth
กลุ่ม UNP (Unknown P) เป็นเป็ปไตล์ของโปรตีน กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัดสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนได้แก่ สารพวกเป็ปไทล์ของโปรตีนซึ่งเป็นพิษต่อแมลง
กลุ่ม UNV (Unknown V) เป็นไวรัส (ที่ไม่ใช่ Baculovirus) กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัดสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนได้แก่ ไวรัสที่ไม่ใช่ Baculovirus ซึ่งเป็นพิษต่อแมลง
Category: สารเคมี