ทักษะที่จำเป็นสำหรับสังคมสารสนเทศในการจัดสภาพแวดล้อม
3. ทักษะที่จำเป็นสำหรับสังคมสารสนเทศในการจัดสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อการเรียนรู้
...... สังคมสารสนเทศเป็นสังคมแห่งความรู้
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในวิถีชีวิตของสังคมใหม่
สถานศึกษาจึงต้องจัดเตรียมผู้เรียนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมใหม่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างให้พวกเขารู้เท่าทันเทคโนโลยี และรู้เท่าทันสารสนเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้พวกเขาเรียนรู้สิ่งนี้ในปริบทจริง
ทักษะที่จำเป็นที่ต้องส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษายุคใหม่
ได้แก่
3.1 การคิดอย่างใคร่ครวญ (Reflection) เนื่องจากสารสนเทศในสังคมใหม่มีอยู่อย่างมหาศาล
ผู้เรียนจึงต้องมีทักษะในการกลั่นกรองสารสนเทศสามารถวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งใดดี
ไม่ดี เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม และสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ที่เหมาะสมในการนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในชีวิตประจำวันและในวิชาชีพ
3.2
การแสวงหาความรู้ (Inquiry) ท่ามกลางสารสนเทศ และองค์ความรู้มหาศาลทั่วทุกหนแห่ง
นอกเหนือจากการเรียนรู้จากผู้สอนโดยตรงแล้ว บรรยายกาศห้องเรียนต้องเป็นสถานที่ที่จะส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนเข้าถึงแหล่งความรู้เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างความเชื่อมั่นและทักษะในการแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเองเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง
3.3 การใช้เทคโนโลยี (Technology-use) เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแสวงหาความรู้ใหม่ในสังคมปัจจุบัน
ความรู้ที่ไร้พรหมแดน ผู้สอนจึงต้องส่งเสริมให้นักศึกษาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และการแสวงหาความรู้ใหม่
ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน ในห้องสมุด หรือแม้แต่ในห้องปฏิบัติการ
3.4 การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Knowledge
construction) ทฤษฎีการเรียนรู้แนวคอนสตรัคทิวิสม์เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในการส่งเสริมการเรียนรู้ในยุคสังคมสารสนเทศ
แนวคิดนี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่าผู้เรียนเองเป็นผู้สร้างองค์ความรู้
โดยการลงมือปฏิบัติ แสวงหาเหตุผล ค่อย ๆ ทำความเข้าใจจนได้ข้อสรุป
เป็นการได้ความรู้โดยผ่านกระบวนการสร้างปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
ด้วยตัวผู้เรียนเอง
ภาพประกอบ แผนผังแสดงรูปทักษะที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาในยุคสังคมสารสนเทศ
ที่มา
: วสันต์ อติศัพท์ , 2546 : 2
ในสังคมสารสนเทศ สภาพแวดล้อมใหม่เพื่อการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดเพียงในห้องเรียน
หากแต่เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ นวัตกรรมเทคโนโลยีจะมีบทบาทในการขยายขอบเขตของสภาพการเรียนรู้ที่กว้างขวางขึ้น
และไม่จำกัดในเรื่องของเวลาและสถานที่ Margaret Riel เสนอรูปแบบแนวคิดสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่พึงมี
4 องค์ประกอบ คือ
ภาพประกอบ
แผนผังแสดง รูปแนวคิดการจัดสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อการเรียนรู้
ที่มา : วสันต์ อติศัพท์ , 2546
: 5
1. การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner-centered Approach)
หมายถึงผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างกระฉับกระเฉง และเน้นเนื้อหาที่ผู้เรียนสนใจ
เป้าหมายของการเรียนการสอนยุคใหม่คือ การให้ผู้เรียนตั้งเป้าหมายด้วยตนเอง
และมีความสามารถที่จะสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่
2. ความรู้เป็นศูนย์กลาง (Knowledge-centered
approach) ความสามารถในการคิด การคิดอย่างใคร่ครวญ และการแก้ปัญหา
จะแข็งแกร่งก็ด้วยการเข้าถึงความคิด สมมติฐาน ความคิดรวบยอด
ที่ผู้รู้ต่าง ๆ ได้จัดไว้อย่างมีความหมาย การเรียนที่มีความรู้เป็นศูนย์กลางนี้
จะเน้นบทบาทที่สำคัญของผู้สอนในการจัดรายวิชาการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
และสร้างสภาพการเรียนรู้ที่สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ที่หลากหลาย
3. ชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community-centered
approach) สิ่งนี้เป็นมิติที่วิกฤติอย่างหนึ่งของสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้
ชุมชนของผู้เรียนมีความแตกต่างอย่างเด่นชัดกับห้องเรียนของผู้เรียน
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ คือ กลุ่มคนที่มีลักษณะดังนี้
(1) มีความสนใจร่วมในหัวเรื่อง
งาน หรือปัญหา
(2) เคารพต่อความหลากหลายของแนวคิด
(3) มีระดับของทักษะและความสามารถ
(4) มีโอกาสและความมุ่งมั่นที่จะทำงานเป็นหมู่คณะ
(5) มีเครื่องมือที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และ
(6) ผลผลิตทางความรู้เป็นเสมือนเป้าหมายหรือผลผลิตร่วมของชุมชนของผู้รู้
ชุมชนของผู้เรียนเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญในสังคมสารสนเทศ เพราะนวัตกรรมเทคโนโลยีสามารถเชื่อมโยงชุมชนของผู้เรียนจากต่างสถาบัน
ต่างภาค ต่างประเทศ ให้ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์
4. การประเมินผลเป็นศูนย์กลาง (Assessment-centered
approach) การรู้ว่าผู้เรียนกำลังเรียนอะไรอยู่ และอะไรคือสิ่งที่เขากำลังเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญในการดัดแปลงสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้
การประเมินต้องเป็นการนำไปสู่การพัฒนาที่ดีกว่า มากกว่าการตัดสินว่าผู้เรียนเรียนรู้หรือไม่
การประเมินผลในสภาพจริง เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งของการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมใหม่
เป็นการประเมินกระบวนการ การประเมินผลของการปฏิบัติงาน มากกว่าการวัดเพียงความรู้ความจำ
เครื่องมือของการประเมินจึงออกมาในรูปของการประเมินเชิงมิติ
(Rubrics) ที่มีการวางเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ชัดเจน การประเมินจากแฟ้มสะสมผลงาน
(Portfolio) ที่ได้จากกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
การสร้างแผนที่มโนมติ
(Concept-map) ที่แสดงออกของการเชื่อมโยงความคิดที่หลากหลาย
เหล่านี้เป็นต้น
( วสันต์ อติศัพท์, 2546 : 5-6)
กลับขึ้นด้านบน
More....