ไปเวียนเทียนที่วัดสังฆทาน นนทบุรี
เมื่อวันวิสาขบูชาเวียนมาถึงของทุกรอบปี
ชาวพุทธที่ดีจะร่วมกันประกอบพิธีตามหลักของศาสนา เช่น เข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม
ปล่อยนกปล่อยปลา และอื่นๆในช่วงเช้า ส่วนในช่วงเย็น มีพิธีสำคัญคือการเวียนเทียนรอบปูชนียวัตถุหรือปูชนียสถานทีสำคัญของวัดที่เราไปเวียนเทียน
ผมเองแม้จะไม่ใช่ชาวพุทธที่ดีนักแต่ก็ไม่เคยขาดพิธีนี้ครับ
วันวิสาขบูชาปีนี้ผมจะไปเวียนเทียนที่วัดสังฆทาน นนทบุรีครับ
และจะเอารูปและบรรยากาศของงานงานมาฝากทุกท่านครับ
พิธีการเวียนเทียน
คือการนำดอกไม้ธูปเทียนไปเดินเวียนรอบปูชนียวัตถุหรือปูชนียสถาน
บางที่เป็นพระพุทธรูป บางที่เป็นพระอุโบสถหรือวิหาร แล้วแต่วัดที่เราไปจัดขึ้นครับ
เดินสามรอบครับ เพื่อเป็นการเคารพสถานที่และระลึกถึงคุณของพระรัตนไตร คือพระพุทธ
พระธรรม และพระสงฆ์ ไทยเรารับคตินี้มาจากอินเดียพร้อมๆกับการรับศาสานาพุทธมานับถือนั่นและครับ
เดินทางไปวัดสังฆทาน นนทบุรี
ผมเองไม่ใช่คนนนทบุรีโดยกำเนิด
แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดนี้มานานกว่า 20
ปีแล้ว บ้านอยู่ที่ท่าอิฐ อำเภอเมืองนนทบุรี
แต่ไม่เคยไปเวียนเทียนที่วัดสังฆทานเลย ถึงแม้วัดจะอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก
ผมใช้บริการรถของ ขสมก. สาย 302 เป็นรถปรับอากาศ
ท่าต้นทางก็อยู่ที่ท่าอิฐบ้านผมนั่นเอง วิ่งไปสุดสายที่สนามหลวง ราคา 12 บาท ตลอดสาย ผมลงที่ท่าน้ำนนท์ครับ
จากบ้านผมถึงท่าน้ำนนท์ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที
ต่อจากท่าน้ำนนท์ ผมใช้บริการรถสองแถวเล็กสาย 3 รถวิ่งไปส่งถึงหน้าวัดสังฆทานเลยครับ ค่าโดยสาร 8 บาท
แวะเที่ยวย่านท่าน้ำนนท์
15.15 น. ผมมาถึงที่ท่าน้ำนนทบุรี ดูเวลาแล้วมีเวลาเหลือพอที่จะเดินเที่ยวชมบริเวณนี้ได้อีกพักใหญ่ๆเลย
สถานที่เด่นๆบริเวณนี้คือ หอนาฬิกาเก่า ศาลากลางเก่าจังหวัดนนทบุรี ท่าเรือด่วน
ท่าเรือข้ามฝาก และตัวตลาดท่าน้ำนนท์เองเป็นตลาดเก่าแก่มีมานนานแล้ว
เพราะตรงจุดนี้ผู้คนพุกพ่านตลอดวัน เนื่องจากเป็นจุดที่รถเมล์หลายสายผ่าน
เป็นชุมทางรถโดยสารเลยครับ แถมเป็นจุดที่เรือโดยสารผ่านเยอะ มีท่าเรือข้ามฝาก
เรียกว่าเป็นชุมทางเรือโดยสารก็ว่าได้ คนลงรถต่อเรือ
คนขึ้นเรือต่อรถที่นี้สะดวกมาก
ไปที่ท่าน้ำนนท์
ครั้งแรก
“ พี่ๆ ไปเที่ยวกันไหม “ แฟนสาวของผมโทรมาชวน
“ ที่ไหนล่ะ “
“ ท่าน้ำนนท์จ๊ะ “ “ ท่าน้ำมีอะไรดูเหรอ “ “ หอนาฬิกา “
ไปดูหอนาฬิกานี่นะ
แต่ไม่มีปัญหากับผมอยู่แล้ว ไปไหนก็ได้ขอให้ได้อยู่ไกล้ๆเธอเป็นพอ ตอนนั้นบ้านของเราอยู่บางนา จากบางนามาที่นี้ก็ไกลมาก
ได้นั่งรถเมล์ข้างเธอนานๆ ผมก็มีความสุขมากแล้ว พวกเรามีปัญญาไปเที่ยวไกลๆได้แค่นี้แหละครับ
เราสองคนไปถึงท่าน้ำนนท์ก็เวลาช่วงนี้และครับ บ่ายสามกว่าๆ แต่รถไมวิ่งผ่านท่าน้ำนนท์เราต้องลงเดินผ่านตลาดเก่าก่อนถึงท่าน้ำนนท์
“ พี่ รู้ไหม วันนี้เป็นวันอะไร “ “ วันเสาร์ไง เราถึงหยุดงานมาเที่ยวได้ “ “ ไม่ใช่วันแบบนี้ วันพิเศษน่ะ “ เธอยังคงถามต่อ
ผมคิดในใจ " วันพิเศษอะไรนะ วันเกิดเธอก็ไม่ใช่ แล้วมันวันอะไรล่ะ ตายห่าแล้ว วันนี้วันวาเลนไทม์ ทำไงดี " ผมเริ่มเดินช้าลงปล่อยให้เธอเดินขึ้นหน้าไปก่อน สายตาเริ่มมองหาดอกกุหลาบ ผมเจออยู่ร้านหนึ่งเหลือดอกเหี่ยวๆอยู่สองดอกเพราะดอกสวยๆเขาคงขายหมดในช่วงเช้าแล้ว เอาก็เอา ผมซื้อแล้วซ่อนไว้ในเสื้อแม้จะโดนหนามกุหลาบแทงแถวๆหน้าอกบ้างก็ไม่เป็นไร ผมจำเหตุการณ์นั้นได้ดี แม้เวลาจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ถึงแม้วันนี้เธอจะจากผมไปนานกว่าสิบปีแล้ว เพราะมันคือครั้งแรกในชีวิตของผมที่ผมมีโอกาสเที่ยวกับแฟน และมันเป็นรักแรกของผม วันนี้ที่ท่าน้ำนนท์ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ผมไปคนเดียวครับ
ผมคิดในใจ " วันพิเศษอะไรนะ วันเกิดเธอก็ไม่ใช่ แล้วมันวันอะไรล่ะ ตายห่าแล้ว วันนี้วันวาเลนไทม์ ทำไงดี " ผมเริ่มเดินช้าลงปล่อยให้เธอเดินขึ้นหน้าไปก่อน สายตาเริ่มมองหาดอกกุหลาบ ผมเจออยู่ร้านหนึ่งเหลือดอกเหี่ยวๆอยู่สองดอกเพราะดอกสวยๆเขาคงขายหมดในช่วงเช้าแล้ว เอาก็เอา ผมซื้อแล้วซ่อนไว้ในเสื้อแม้จะโดนหนามกุหลาบแทงแถวๆหน้าอกบ้างก็ไม่เป็นไร ผมจำเหตุการณ์นั้นได้ดี แม้เวลาจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ถึงแม้วันนี้เธอจะจากผมไปนานกว่าสิบปีแล้ว เพราะมันคือครั้งแรกในชีวิตของผมที่ผมมีโอกาสเที่ยวกับแฟน และมันเป็นรักแรกของผม วันนี้ที่ท่าน้ำนนท์ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ผมไปคนเดียวครับ
หอนาฬิกา
ท่าน้ำนนท์
หอนาฬิกาท่าน้ำนนท์
ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500
โดยเทศบาลเมืองนนทบุรี ถึงวันนี้หอนาฬิกามีอายุ 57 ปีแล้ว เป็นพี่ผม 10 ปี
แต่ยังทำหน้าที่บอกเวลาให้กับผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาแถวนั้นได้เป็นอย่างดี เชื่อไหมครับ ตัวเรือนของนาฬิกาเป็นยี่ห้อ Tag Heuer นาฬิกายี่ห้อดังและราคาแพงของโลก และถือว่าเป็น Tag Heuer เรือนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถ้าเรามองขึ้นไปเหนือตัวเรือนนาฬิกา
เราจะเห็นรูปปั้นไก่ยืนตระหง่าน เดิมทีไม่มีหรอกครับ แต่มีตอนไหนไม่รู้
มีบางกระแสบอกว่า รูปไก่เป็นสัญญลักษณ์ของพรรคการเมืองท้องถิ่นที่มีอำนาจบริหารเทศบาลเมืองนนท์สร้างไว้
แต่ก็ฟังหูไว้หูนะครับ ไม่รู้ว่าเรื่องจริงๆจะเป็นยังไง
ใครมีข้อมูลเรื่องนี้ก็แบ่งปันกันบ้างนะครับ
หอนาฬิกาท่าน้ำนนท์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 57 ปีแล้ว แต่ยังทำหน้าที่บอกเวลาได้เป็นอย่างดี |
บางมุม ของหอนาฬิกา |
ตัวเรือนนาฬิกาเป็นยี่ห้อ Tag Heuer ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย |
เดิมที หอนาฬิกา ไม่มีรูปปั้นไก่อยู่ข้างบนครับ |
ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดนนทบุรี
เดิมทีก่อนที่จะใช้เป็นศาลากลางจังหวัด
เป็นโรงเรียนมาก่อนครับ ชื่อว่าโรงเรียนราชวิทยาลัย ของกระทรวงยุติธรรม เป็นโรงเรียนประจำเพื่อเน้นสอนภาษาอังกฤษแก่นักเรียนที่จะไปเป็นผู้พิพากษา
ซึ่งต้องศึกษากฎหมายเป็นตำราจากต่างประเทศ
ศาลากลางเก่าหลังนี้ สร้างขึ้นในปี
พ.ศ. 2454 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นโรงเรียนอย่างที่กล่าวไว้นั่นแหละครับ
หลังใหญ่มาก กว้าง 11.55 เมตร ยาว 287.4 เมตร เฉพาะตัวอาคารมีเนื้อที่ 2 ไร่กว่าเป็นอาคาร
2 ชั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่เรียยนชั้นบนใช้เป็นเรือนนอนของนักเรียน
ตัวอาคารทำด้วยไม้สักทั้งหลัง
เป็นศิลปะทรงยุโรปยุคแรกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ( ทรงไทยประยุกต์ ) ตัวอาคารทาสีไข่ไก่
ประตูหน้าต่างทาสีเขียว หลังคามุงด้วยกระเบื้องลูกฝูก ประดับด้วยงานไม้ลายวิจิตรสร้างแบบพิเศษฝีมืองานไม้ประณีตมาก และด้วยความงดงามของศาลากลางหลังนี้จึงเป็นหนึ่งในคำขวัญประจำจังหวัดนนทบุรี
ท่อนที่ว่า “ งามน่ายลศูนย์ราชการ “ จากคำชวัญเต็มๆว่า พระตำหนักสง่างาม
ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติตั้งแต่
พ.ศ. 2524 แล้วครับ
ใช้เป็นโรงเรียนเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2469 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 7 ได้ยุบโรงเรียนนี้ไปรวมกับโรงเรียนวชิราวุธที่กรุงเทพ
ต่อจากนั้นอีก 2 ปี คือปี พ.ศ. 2471 ได้ใช้อาคารหลังนี้เป็นศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ใช้เป็นศาลากลางเรื่อยมาจนสร้างศาลากลางหลังใหม่ขึ้นในปี
2536 ครับ
ปัจจุบันอาคารหลังนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนนทบุรี เสียดายผมมีเวลาน้อย
ไม่ได้เข้าไปชมด้านใน เอาไว้คราวหน้าจะพาเข้าไปชมครับ
ศาลากลางหลังเก่านนทบุรี ด้านหน้าเป็นสถานที่พักผ่อน ติดแม่น้ำเจ้าพระยา |
ด้านหน้าอาคาร ตอนเย็นจะมีของกินอร่อยๆมาขายเยอะมาก |
เห็นแล้วนึกถึงครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ครับ ของกินอร่อยและราคาถูก |
ท่าน้ำนนท์
ท่าน้ำนนท์ หรือท่าน้ำพิบูลสงคราม 3 เป็นท่าเรือด่วนและท่าเรือข้ามฝาก ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลากลางเก่า ที่นี่ผู้คนจะคึกคักตลอดทั้งวัน
เพราะเป็นท่าที่เรือด่วนจอดทุกสาย และเป็นจุดเชื่อมต่อรถโดยสารหลายสายเลยครับ
เรียกว่าเป็นชุมทางทั้งทางบกทางน้ำก็ว่าได้
ดูเวลาแล้ว
ผมต้องรีบไปวัดสังฆทานแล้วครับ ไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศของวัดไว้ก่อนเสร็จแล้วเวียนเทียนต่อเลย
ฝากรูปบริเวณท่าน้ำนนท์ไว้ให้ดูครับ
ท่าเรือข้ามฝาก |
ผู้คนคึกคักตลอดวัน จุดรวมการเดินทางทั้งทางน้ำและทางบก |
เรือด่วนจอดเทียบท่า รอผู้โดยสาร |
ฝั่งตรงข้ามของท่าน้ำนนท์ครับ |
สภาพอากาศในวันนั้นช่วงเกือบสี่โมงเย็น |
ตัวอาคารท่าน้ำนนท์ มองจากจุดท่าเรือข้ามฝาก |
เดินมารอรถสองแถวเล็กสาย 3 ก็มาเจอหลักหินบอกปีสร้างเมืองนนท์ |
ผมยืนรถรถสองแถวจุดนี้แหละครับ |
มุ่งสู่วัดสังฆทาน
วัดสังฆทาน ตั้งอยู่ที่ 100/1 หมู่ 3
ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เดิมเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมานานแล้ว
อายุน่าจะเกิน 100 ปี แต่ไม่พบบันทึกประวัติของวัด ได้แต่ฟังจากคำพูดของคนรุ่นเก่าที่มีอายุมากๆบ้านอยู่แถววัดเล่าให้ฟัง
อายุคนเล่าก็เกิน 80 แล้ว บอกว่าเกิดมาก็เห็นวัดนี้แล้ว
เป็นวัดร้างอยู่กลางป่า เคยมีพระมาจำพรรษาบ้างแต่ไม่มีองค์ไหนอยู่ได้
บางองค์ถึงกับมรณภาพก็มี
ถึงแม้จะเป็นวัดร้าง แต่มีพระพุทธรูปที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกท่าน
“ หลวงพ่อโต “ ศักดิ์สิทธิ์มาก ( เสียดายผมไม่ได้รูปมาเนื่องจากฝนตกหนักลงมาก่อน )
ชาวบ้านบนบานขออะไรก็จะได้สมใจหมายทุกครั้งไป แก้บนด้วยประทัด ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ
ชาวบ้านนิยมถวายสังฆทานต่อหน้าท่าน โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดอื่นมาทำพิธีรับสังฆทานที่วัดนี้
ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า วัดสังฆทาน ติดปากมาถึงทุกวันนี้
เป็นวัดร้างมานานกว่า 100 ปี จนปี พ.ศ. 2511 หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ธุดงค์มาพบเข้า และเห็นว่าเหมาะที่จะเป็นวัดป่าปฏิบัติธรรมเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ตอนนั้นหลวงพ่อรู้ว่าตัวท่านเองบารมียังไม่ถึงที่จะครองวัดนี้
จึงกลับไปบำเพ็ญเพียร อยู่ตามถ้ำ ตามป่าอีก 6 ปี ในปี 2517 หลวงพ่อก็กลับมาครองวัดนี้
หลังจากนั้นวัดนี้ก็ได้รับการพัฒนามาจนทุกวันนี้
วัดสังฆทานเป็นวัดที่มุ่งเน้นปฏิบัติธรรม
ตามวิธีของพระป่าพระธุดงค์นั่นแหละครับ มุ่งไปที่การทำสมาธิกรรมฐาน พัฒนาจิตใจ
ไม่มีวัตถุมงคลจำหน่ายให้เช่าบูชา มีแต่หนังสือธรรมะกับซีดีธรรมะครับ จุดเด่นอยู่ที่พระอุโบสถที่เป็นเรือนกระจกแปดเหลี่ยม
มีหลวงพ่อโตองค์ศักดิสิทธิ์เป็นพระประธานโบสถ์
ทุกวันนี้ยังมีผู้คนไปกราบไหว้ขอพรกันอยู่มาก แต่ไม่มีพิธีแก้บนด้วยประทัดแล้ว
หลวงพ่อสนอง ท่านขอไว้
เพราะเสียงของประทัดจะไปทำลายสมาธิของพระหรือผู้ที่มาปฏิบัติธรรม
16.30 น. ผมมาถึงวัดสังฆทาน แต่พิธีเวียนเทียนเริ่มไปแล้วครับและกำลังจะจบลง
ผมเพิ่งรู้ว่า วัดสังฆทานจัดพิธีเวียนเทียนสองรอบ จากเสียงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงของวัด รอบแรกน่าจะ 16.00 น. อีกรอบจะมีขึ้นในเวลา 20.00 น. ผมรอรอบสองทุ่มดีกว่า
ตอนนี้ผมก็เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ไปชมวัดนี้ด้วยกันนะครับ
พิธีเวียนเทียนรอบแรก 16.00 น. |
คนเยอะมากครับ ส่วนใหญ่ก็ถือโอกาสนี้ค้างคืนปฏิบัติธรรมเลย |
ผมไปถึงวัด พิธีเวียนเทียนเป็นรอบที่สามแล้วครับ |
พิธีเวียนเทียนจบแล้วครับ |
เอาธูปเทียนดอกไม้ไปปักไว้ยังจุดที่ทางวัดกำหนดให้ครับ |
เห็นพลังศรัทธาชาวพุทธแล้ว อนุโมทนาบุญด้วยครับ |
ตรงนี้เป็นลานปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกลม ฟังธรรม |
คนเยอะมากๆ มีทุกเพศทุกวัย |
ระหว่างรอเวลาเวียนเทียนรอบสองทุ่ม
ผมยังคงเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
รอบๆบริเวณของวัด แต่ตอนนี้เริ่มมีลมพัดแรง เมฆฝนเริ่มครึ้มหนาตัวขึ้น เราจะได้เวียนเทียนรอบสองทุ่มหรือเปล่านะ
ไปดูรอบๆวัดกันครับ เดี๋ยวค่อยเข้าไปกราบหลวงพ่อโตขอพรกัน ตอนนี้ในโบสถ์คนแน่นมาก
รูปขบวนรถแห่อัญเชิญพระสารีริกธาตุ ของวัดสังฆทาน จอดอยู่หน้าวัดครับ ข้อมูลไม่ชัดเจนเห็นเขาบอกว่า ทางวัดจะอัญเชิญพระสารีริกธาตุไปให้ประชาชนกราบไหว้ที่หอประชุมเอนกประสงค์ที่ท่าน้ำนนท์ เวลาอันเชิญพระสาริกธาตุกลับวัด จะมีขบวนแห่อัญเชิญสวยงามมาก จัดอยู่ช่วงวันวิสาขบูชานี่แหละครับ จะก่อนหรือหลังไม่แน่ใจ ท่านใดมาอ่านเจอเข้าช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ
พระอุโบสถเป็นเรือนกระจกแปดเหลี่ยม หลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์เป็นพระประธานครับ |
กุฏิทรงไทย สวยงามมาก ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ตอนนี้ใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศพหลวพ่อสนอง กตปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสผู้พัฒนาวัดสังฆทาน เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านละสังขารเมื่อ 24 สิงหาคม 2555 |
ที่พักแม่ชี้ หรือผู้หญิงที่มาปฏิบัติธรรม อยู่ติดกับกุฏิทรงไทย |
ดูเมฆฝนสิครับ อย่างนี้ฝนตกแน่ๆ ตอนนั้นลมเริ่มพัดแรงด้วย |
อีกมุมหนึ่งของกุฏิทรงไทย |
ทางเดินไปชมกุฏิทรงไทย ร่มรืนมาก ต้นไม้ใหญ่เยอะมากครรับ |
ฝนจากฟ้าเย็นกาย
เย็นฉ่ำใจด้วยฝนแห่งธรรม
17.05 น. ฝนก็เทลงมา
ไล่ผมไปหลบฝนอยู่ในเต็นท์ใหญ่หน้าวัด เพิ่งมาถึงได้แค่ 30 นาทีเอง ยังเดินไม่ทั่ววัดเลย
ยังไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อเลย ฝนก็ลงมาตกหนักเสียด้วย แต่ผมก็ยังไม่หยุดถ่ายรูปนะครับ
มองดูว่าอะไรถ่ายได้บ้าง อยากถ่ายตอนฝนตกมานานแล้ว
ขณะที่ผมกำลังมองหามุมถ่ายรูป
เสียงแตรของรถสองแถวเล็กที่จอดหน้าวัดก็ดังขึ้น เหมือนจะถามว่า จะมีใครไปด้วยไหม ผมตัดสินใจวินาทีนั้นเอง
กลับก่อนดีกว่าวันหลังมาใหม่ ตกหนักแบบนี้คงหยุดยาก เก็บกล้องใส่กระเป๋ากล้องไม่ทันด้วยซ้ำ
ได้แต่เอากล้องเข้าไปซุกไว้ใต้เสื้อแล้วเอาตัวบังไม่ให้ฝนตกโดนกล้อง วิ่งผ่าสายฝนไปขึ้นรถสองแถวเล็กคันนั้น
รถสองแถวออกตัววิ่งผ่าสายฝนออกไปเกือบจะพ้นทางเข้าวัดแล้ว ผมหันกลับไปมองวัดสังฆทานผ่านสายฝนที่ตกลงมา
ลมพัดยอดไม้เหนือวัดโอนเอนไหวไปมา แม้ผมยังไม่ได้ไหว้พระ ยังไม่ได้เวียนเทียน
แต่ใจผมสบายยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
วันวิสาขบูชา วันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ
ตรัสรู้ ปรินิพพาน เกิดขึ้นตรงกันในวันเดียวกันอย่างน่ามหัศจรรย์ ผมขอน้อมรำลึกถึงพระบริสุทธิคุณ
พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ขององค์พระศาสดาของศาสนาพุทธ ตรงนี้แล้วกัน สาธุ
ในที่สุดฝนก็ตกลงมา |
เย็นกายด้วยสายฝน เย็นใจด้วยสายธรรม |
ฝนเริ่มตก ทุกคนหาที่หลบฝน |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น