วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พุดพิชญา สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน






พุดพิชญา ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์




ชื่อวิทยาศาสตร์ :    Wringhtia antidysenterica R.Br.

ชื่อวงศ์           :     Apocynaceae

ถิ่นกำเนิด        :    ศรีลังกา

ชื่อสามัญ         :       -

ชื่อพื้นเมือง      :       -

ชนิดพืช          :    ไม้พุ่ม

ขนาด             :    สูง 1.5-2 เมตร

สีดอก             :    สีขาว

ฤดูที่ดอกบาน    :    ตลอดปี

อัตราการเจริญเติบโต    :    ปานกลาง

ลักษณะนิสัย       :   ดินร่วนระบายน้ำได้ดี

ความชื้น            :   ปานกลาง

แสง                 :    แดดเต็มวัน

ลักษณะทั่วไป     :     ไม้พุ่มขนาดเล็ก กิ่งก้านมีสีน้ำตาลแดง




ใบ                   :     ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นคู่ ใบรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง 1-2.5 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร  ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม ผิวใบด้างล่างสีเขียวอ่อน


ดอก               :      สีขาว ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ช่อละ 5-6 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนปนเหลือง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรตรงกลางสีเหลือง มีรยางค์เป็นแผ่นรูปแถบเเข็งคล้ายขี้ผึ้ง ปลายแยกเป็นริ้ว 2-5 ริ้ว ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร 

 

ลำต้น            :        มีหลายขนาด ทั้งต้นสูง ต้นเตี้ย และต้นใหญ่ ลำต้นมีสีน้ำตาล



ลักษณะทั่วไป   :        พุดพิชญาเป็นไม้ชนิดทั้งต้นเตี้ย ต้นสูง และต้นใหญ่ ให้ดอกเต็มกิ่งเป็นช่อดอก ช่อละ 5 - 10 ดอก ดอกบานทน ตั้งแต่แรกแย้มไปจนสู่บานเต็มที่ ใช้เวลา 4 - 5 วัน ดอกตูมในช่อดอกอื่นๆก็ค่อยทยอยโต และทยอยกันบาน ไปเรื่อยๆ จึงทำให้ดอกติดต้นตลอดเวลา ลักษณะดอกเป็นกลีบแยก 5 กลีบ เกสรตรงกลางสีเหลืองมีฝอยเกสรสีขาวล้อมรอบ เมื่อดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ก้านดอกยาวประมาณ 1 นิ้วสีขาวกระจ่างของ ดอกพุดพิชญาคือเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร สีขาวที่ไม่เจือปน จึงดูขาวโดดเด่น ในยามค่ำคืนสีดอกพุดพิชญาดูเหมือน จะเรืองแสง จึงเห็นกระจ่างในความมืด ซึ่งเป็นลักษระพิเศษของดอกไม้นี้ ใบรูปไข่ หน้าใบ สีเขียวเข็ม หลังใบ
สีเขียวอ่อน ใบไม่ร่วงหรือเรียกว่าไม่ผลัดใบ


วิธีการปลูกและดูแล :  ดินที่เหมาะสม ดินร่วนไม่มีข้อมูลไม่มีข้อมูล ต้องการน้ำปานกลาง ควรปลูกในที่มีแสงทั้งวัน


วิธีการขยายพันธุ์     :   ตอนกิ่ง ปักชำกิ่ง

ประโยชน์              :   ส่วนใหญ่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ


วิดิโอ







อ้างอิง

http://www.thaitreeflowers.com/view.php?id=2013121116Dec05127

http://www.the-than.com/FLower/Fl-1/181/181.html

http://agkc.lib.ku.ac.th/plantwebsite/webpage/Shrubs/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2.htm

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2

https://www.l3nr.org/posts/480014


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น